สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 509 เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในราชสำนัก
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 509 เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในราชสำนัก
บทที่ 509 เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในราชสำนัก
บทที่ 509 เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในราชสำนัก
ขณะที่การสนทนากำลังดำเนินไปก็มีคนเข้ามาจากด้านนอกแล้วแจ้งว่า “รองผู้บัญชาการหลินเรียนเชิญใต้เท้าลู่ขอรับ”
ลู่อี้ตอบรับ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากคนที่มาส่งข้อความออกไปแล้ว เจี่ยเฉิงผิงก็กล่าวว่า “ใต้เท้าเฝิงเป็นขุนนางมานานหลายสิบปี ก่อนหน้านี้เขาเมาแล้วเขียนบทกวีที่สอดแทรกความโกรธเคือง จึงถูกผู้บังคับบัญชาของเขาตัดสินลงโทษและส่งตัวเข้าคุก ใต้เท้าหลายคนที่ปกติมักจะขัดแย้งกับใต้เท้าเฝิงจึงถือโอกาสนี้สาดเกลือใส่แผล ใช้ลูกไม้เล่ห์กลต่าง ๆ ต่อต้านเขา ท่านผู้นั้นคงสับสนไปแล้วจริง ๆ แม้แต่หน่วยลับก็ยังใช้เพื่อตรวจสอบเหยียนกวน*[1] ผู้หนึ่ง”
“คำพูดเหล่านี้พูดกับข้ามิเป็นไร แต่ไม่อาจไปพูดให้ผู้อื่นฟังได้” ลู่อี้มองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยเตือนเจี่ยเฉิงผิง
“ข้าแค่บอกท่าน ไยต้องไปบอกผู้อื่น ข้ามิใช่ญาติช่างสงสัยเสียหน่อย” เจี่ยเฉิงผิงกล่าว “ใต้เท้าหลินของพวกเราและใต้เท้าเฝิงเป็นสหายกอดคอดื่มสุรากัน เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ใต้เท้าหลินย่อมต้องไม่สบายใจแน่นอน ท่านไปฟังคำสั่งเขาเถอะ หากข้าช่วยท่านได้ก็ขอให้บอกมา”
“ข้าจะไปหาใต้เท้าหลินก่อน แล้วจะมาคุยกับท่านในภายหลัง”
ลู่อี้เข้าไปในห้องตำราของหลินอี้เจี๋ย
หลินอี้เจี๋ยกำลังอ่านหนังสือราชการ คิ้วของเขาขมวดแน่นราวกับจะเป็นบ่วงดักแมลงได้
“ใต้เท้า”
“มาแล้วหรือ นั่งสิ” หลินอี้เจี๋ยวางสิ่งที่ถืออยู่ลง “ข้าขอคำแนะนำจากเบื้องบนเรื่องคดีของใต้เท้าเฝิงแล้ว ข้าอยากจะตรวจสอบร่วมกับคนจากหน่วยลับ”
“ใต้เท้าต้องการให้ข้าน้อยติดต่อกับหน่วยลับใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิด” หลินอี้เจี๋ยมองลู่อี้ “ใต้เท้าลู่ นี่เป็นเผือกร้อน หากท่านจัดการได้ไม่ดี ท่านก็จะประสบปัญหาได้ง่าย ๆ ทว่าข้าไม่อาจทนมองใต้เท้าเฝิงมีจุดจบเช่นนั้นเพราะบทกลอนที่เกิดจากความเมามาย เขาเป็นคนซื่อสัตย์มาทั้งชีวิตและทำเพื่อราชสำนักมามากมาย เขาไม่มีแม้กระทั่งบ้านเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ขุนนางเช่นนั้นในราชสำนักไม่ควรลงเอยเช่นนี้”
“ข้าน้อยจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อช่วยใต้เท้าเฝิง”
หลินอี้เจี๋ยโบกมือ “ไปเถอะ!”
ลู่อี้หยิบแผ่นแปะทำความร้อนสองชิ้นออกมาจากแขนเสื้อ “ใต้เท้าใช้สิ่งนี้เถิด อากาศหนาวจัดทั้งยังลมแรง อาการหวัดจากลมเย็นของท่านดูเหมือนจะแย่ลง นี่คือสิ่งที่ฮูหยินของข้าทำ ติดไว้ในเสื้อผ้าด้านในจะช่วยกันความเย็นได้ขอรับ”
คำแนะนำในการใช้งานเขียนอยู่บนห่อบรรจุภัณฑ์ของแผ่นแปะทำความร้อน ทว่าลู่อี้ยังคงบอกวิธีใช้ยามมอบให้ผู้อื่นอย่างละเอียด
“เจ้ามีฮูหยินที่ดี” สีหน้าของหลินอี้เจี๋ยอ่อนโยนลง “ใต้เท้าลู่ ท่านเป็นคนมีวาสนาแล้ว”
ลู่อี้ประกบมือแล้วเดินออกไป
เซี่ยคุนส่งข้อมูลของฉีเซียวให้กับลู่อี้
ลู่อี้มองไปยังกระดาษสองสามปึกนั้น แล้วมองเซี่ยคุนพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
“ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับฉีเซียวถูกบันทึกไว้หมดแล้ว” เซี่ยคุนกล่าว “กระดาษอีกสองสามปึกนี้บันทึกคดีที่เขาจัดการตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงผู้ที่เขาช่วยคนผู้นั้นสังหารด้วย”
“เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง”
“ใช่! สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่โหดเหี้ยมผู้นี้สวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นเป็นอย่างไร บางทีเขาอาจอยู่ข้าง ๆ เรา แต่เราจำเขาไม่ได้”
“ในเมื่อเขาเป็นบุตรชายสกุลฉี แม้แต่คนของสกุลฉีก็ไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?” ลู่อี้ถาม
“สกุลฉีล้วนเป็นพวกเดียวกัน พวกเขากล่าวว่าฉีเซียวเสียโฉมไปแล้ว” เซี่ยคุนเอ่ย “แต่ข้าไม่เชื่อ ผู้ใดเชื่อก็โง่เขลาเต็มทน”
“ชายผู้นี้เสมือนกำแพงเหล็ก เขาไม่มีจุดอ่อนแม้แต่น้อย”
“จุดอ่อนเดียวของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนแล้ว” เซี่ยคุนเอ่ย “แม้เขาจะเป็นคนของสกุลฉี ทว่าปกติแล้วเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในสกุล มีที่อยู่อาศัยเป็นของตน”
ลู่อี้กำลังครุ่นคิดว่าจะติดต่อฉีเซียวได้อย่างไร
“ข้าจัดการให้คนแอบเข้าไปในจวนฉีแล้ว คาดว่าคงมีข่าวในอีกสองวัน ถึงตอนนั้นพวกเราจะได้เห็นว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร” เซี่ยคุนกล่าวต่อไป “นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ข้ายังได้พาคนไปตรวจสอบคนเหล่านั้นด้วยตนเอง ทว่าพวกเขาราวกับหายไปกลางอากาศ ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ฟางโจวอวี่ และบุตรชายหลีอ๋องผู้นั้นล้วนหลบซ่อนตัวไปแล้ว ทุกคนในลัทธินั่นล้วนมีลายสักเสือดาว ข้ายังตรวจสอบแหล่งที่มาอยู่”
“พวกเขารู้ว่าเรากำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ แน่นอนว่าต้องหลบซ่อนตัว แต่ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้ง ดังนั้นพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว” ลู่อี้เอ่ย “ตอนนี้ข้ายังมีเรื่องอย่างอื่นที่ต้องทำ ไม่รีบร้อนที่จะจัดการพวกเขาในตอนนี้”
ณ หน่วยลับ
ฉีเซียวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก คนของเขารายงานว่า “คนจากศาลต้าหลี่ต้องการพบใต้เท้าขอรับ”
ฉีเซียวเอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าว่างมากหรือ?”
“แต่เขารออยู่ข้างในแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นก็ให้เขา…”
“ใต้เท้าฉี…” ลู่อี้เดินมาจากฝั่งตรงข้ามพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับใบหน้า “ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้หรือไม่?”
ฉีเซียวมองลู่อี้ สายตาภายใต้หน้ากากของเขาเยือกเย็นราวกับคมดาบ
สีหน้าของลู่อี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง สายตาเฉียบคมของเขาไม่แสดงถึงความด้อยกว่าแม้แต่น้อย
“ข้าเชื่อว่าใต้เท้าฉีจะต้องสนใจในการพูดคุยของเรา”
เพียงหลังยามโหย่ว ลู่อี้ก็นั่งรถม้ากลับบ้าน เขาโงนเงนไปมาและง่วงงุน ทันใดนั้นเองรถม้าก็หยุดลงกะทันหัน
“ใต้เท้า ฮูหยินอยู่ข้างหน้าขอรับ”
ลู่อี้เปิดม่านออก เห็นเพียงมู่ซืออวี่ยืนอยู่หน้าแผงลอย มองดูชายชรากำลังแกะสลักน้ำแข็ง
เขาลงจากรถม้าไปปรากฏตัวข้าง ๆ มู่ซืออวี่ “ชอบอันไหนหรือ?”
มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดวันนี้ท่านจึงกลับมาเร็วเพียงนี้?”
“ไม่มีอะไร” ลู่อี้เอ่ย “ฝีมือของท่านผู้เฒ่าผู้นี้ค่อนข้างดี”
มู่ซืออวี่เดินเข้ามา ปิดปากเขาแล้วกระซิบข้าง ๆ หู “ข้าอยากดึงเขาเข้าไปในร้านเพื่อเป็นอาจารย์ด้านการแกะสลัก”
“เจ้าคุยแล้วหรือ?” ลู่อี้พลอยกระซิบตามเช่นกัน เขาลดเสียงลงและเอ่ยเบา ๆ
“ยังไม่ได้คุย” มู่ซืออวี่กล่าวเสริม “ข้าลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถาม จึงพบว่าทักษะฝีมือของเขาตกทอดมาจากบรรพบุรุษ บรรพบุรุษเขามีกฎอยู่ว่าจะไม่ถ่ายทอดให้ผู้อื่น”
“ไม่บอกความรู้ต่อโลกภายนอก ทำงานให้เจ้าก็ไม่ได้หรือ?” ลู่อี้ถาม
“ภายหลังค่อยถามเขาอีกครั้งก็แล้วกัน” มู่ซืออวี่กล่าว
ฝีมือของชายชรานั้นดีมาก เขาแกะสลักก้อนน้ำแข็งเป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้ราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
หลายคนที่ผ่านไปผ่านมาหยุดดู แต่คนที่ซื้อนั้นมีไม่มาก อย่างไรเสียศิลปะพวกนี้ก็ทำมาจากน้ำแข็ง ละลายง่าย ไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไป
“ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องการซื้อสินค้าทั้งหมดนี้ของท่าน” มู่ซืออวี่กล่าว “ราคามากน้อยเพียงใดหรือ?”
ชายชราเงยหน้าขึ้นมอง
เขาสวมผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ มือเหี่ยวย่นเต็มไปเต็มไปด้วยหนังหนาด้าน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นช่างฝีมือมากประสบการณ์
“ขนาดเล็กสามอีแปะ ขนาดกลางห้าอีแปะ ที่เป็นรูปมังกรนั้นสิบอีแปะ”
“ท่านผู้เฒ่า ข้ามีข้อตกลงทางการค้าระยะยาวกับท่าน ไม่รู้ว่าท่านจะไปพูดคุยกับข้าสักครู่ได้หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม
“ได้”
ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่เดินตามลู่อี้ออกมาจากโรงน้ำชา
ชายชราผู้นั้นเป็นช่างฝีมือยอดเยี่ยมโดยแท้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้เขาเป็นคนงานระยะยาว ทว่าหากขอให้เขาเป็นอาจารย์ด้านการแกะสลักโดยได้รับค่าจ้างต่อชิ้น เขาก็ไม่ปฏิเสธ
“ท่านทำงานที่ข้ามอบหมายให้แล้วหรือยัง? สหายร่วมงานของท่านว่าอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่ถาม
“ฮูหยินมอบโอกาสเอาชนะใจผู้คนให้ข้า หากข้าทำเรื่องง่าย ๆ เพียงนี้ไม่ได้ นั่นไม่เท่ากับว่าข้าไร้ประโยชน์ในฐานะสามีหรอกหรือ เจ้าวางใจเถิด พวกเขาล้วนคิดว่าแผ่นแปะความร้อนมีประโยชน์” ลู่อี้กล่าว “ยากนักที่ข้าจะได้กลับมาเร็วเพียงนี้สักครั้ง เจ้าอยากไปดูบ่อน้ำพุร้อนในเรือนพักร้อนที่ข้าซื้อหรือไม่?”
[1] เหยียนกวน มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลและตักเตือนขุนนางในระบบราชการโบราณ