สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 511 เด็กหนุ่มคนนั้นมีเสน่ห์ อีกทั้งยังหน้าตาดี
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 511 เด็กหนุ่มคนนั้นมีเสน่ห์ อีกทั้งยังหน้าตาดี
บทที่ 511 เด็กหนุ่มคนนั้นมีเสน่ห์ อีกทั้งยังหน้าตาดี
บทที่ 511 เด็กหนุ่มคนนั้นมีเสน่ห์ อีกทั้งยังหน้าตาดี
เฟิงเจิงมองสองสามดรุณผู้หยิ่งผยอง เขาไม่รู้ว่าควรจะให้พวกเขาเข้าทางประตูหลัง*[1] หรือไม่ เด็กหนุ่มที่เป็นผู้นำดูไม่เหมือนคนอารมณ์ดีนัก หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เกรงว่าวันนี้เขาคงไม่อาจทำการค้าต่อได้ อีกทั้ง ‘สุนัข’ ที่ปรากฏตัวเมื่อครู่ยังเป็น ‘สุนัข’ ของจวนอี๋ผิงโหว แต่คนผู้นี้เป็นถึงนายน้อยจวนอู่อันโหว นี่มันคนละระดับเชียว!
ขณะที่เฟิงเจิงกำลังครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ เซี่ยชิงโจวก็เอ่ยกับทุกคน “ทุกท่าน ขออภัยด้วย พวกท่านซื้อของกันต่อเถิด ยังมีพี่ชายท่านนี้ให้บริการ พวกเรายังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก ย่อมไม่เข้าแถวที่นี่แล้ว ท่านช่วยจดบัญชีไว้ให้เราหน่อยเถิด หลังจากขายของให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ส่งแผ่นแปะความร้อนห้าสิบชิ้นไปที่จวนอู่อันโหวด้วย นี่คือเงิน ที่เหลือถือเสียว่าเป็นค่าดำเนินการ”
เซี่ยชิงโจวจ่ายเงินมาเป็นตำลึงทอง ทั้งหมดสิบตำลึงทอง
“ได้ขอรับ” เฟิงเจิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนคนเหล่านี้จะเป็นเจ้าขุนมูลนายที่มีเหตุผล
มู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นสอง มองดูเด็กหนุ่มเหล่านั้นขึ้นรถม้าเคลื่อนจากไป
“คุณชายสามของจวนอู่อันโหวผู้นี้ชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง” จื่อเยวี่ยนอธิบายให้ผู้เป็นนายฟังว่าคนผู้นี้โด่งดังอย่างไรในเมืองหลวง “แต่วันนี้ข้าดูแล้ว คนผู้นี้ดูมิได้โหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นเลยนะเจ้าคะ!”
“ข้าคิดว่าคุณชายน้อยท่านนี้น่าสนใจยิ่งนัก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ความ ‘แข็งกร้าว’ ของเขาไม่ได้มีเพื่อชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ‘คมดาบ’ ของเขาก็ไม่ได้มีเพื่อชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเช่นกัน”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาหน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ” จื่อซูที่อยู่ข้าง ๆ แสดงความคิดเห็น
มู่ซืออวี่ปรายตามองจื่อซูแวบหนึ่ง
จื่อซูยิ้มซื่อ “ฮูหยินไม่ได้ชมชอบคุณชายน้อยเพราะหน้าตาดีเป็นพิเศษหรือเจ้าคะ?”
“ฮูหยิน แผ่นแปะทำความร้อนของเราขายดีมาก ท่านไม่นำไปแจกจ่ายฮูหยินทุกท่านเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีเล่าเจ้าคะ?” จื่อเยวี่ยนแนะนำ
“แผ่นแปะทำความร้อนแต่ละชิ้นต้นทุนเท่าใด?”
“ที่แพงที่สุดหนึ่งร้อยอีแปะ ที่ถูกที่สุดสิบอีแปะเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น ฮูหยินผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นขาดเงินเท่านี้หรือ? ‘ของขวัญ’ หาได้ทั่วไปประเภทนี้รังแต่จะลดระดับของพวกเขาลง อีกทั้งยังทำให้รู้สึกว่าด้อยกว่า”
สองสามวันต่อมา สินค้าปลอมมากมายก็ปรากฏขึ้นในตลาด
อย่างไรก็ตาม สินค้าตราเรือนกรุ่นฝันมีชื่อเสียงมานานแล้ว อีกทั้งหีบห่อบรรจุของพวกเขายังสวยงาม แม้แต่สินค้าปลอมก็ยังต้องใช้หีบห่อเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นย่อมไม่มีผู้ใดตัดใจจ่ายเงินได้
สินค้าปลอมอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ท้ายที่สุดพวกเขาก็สูญเงินทั้งหมดไป เนื่องจากลูกค้าเก่าเชื่อถือเพียงเรือนกรุ่นฝันและซื้อสินค้าจากที่นี่เท่านั้น สินค้าปลอมเหล่านั้นไม่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เลย
ในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเช่นนี้ เมื่อเกิดของหายากที่เรียกว่า ‘แผ่นแปะทำความร้อน’ ขึ้นมา ทำให้แม้กระทั่งฤดูหนาวก็ไม่ได้หนาวเพียงนั้นแล้ว
“ฮูหยิน…” จื่อซูวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “ฮูหยินเซี่ยเป็นลมแล้วเจ้าค่ะ นายท่านเซี่ยก็ไม่อยู่ในเมืองหลวง ข้างกายฮูหยินเซี่ยมีเพียงบ่าวรับใช้ดูแล ท่านต้องไปดูหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
“นี่ยังต้องถามอีกหรือ? ไปเถอะ!”
บ้านหลังเล็กของอันอวี้และเซี่ยคุนอยู่ไม่ไกลจากจวนลู่มากนัก บ้านหลังไม่ใหญ่มาก ทว่าก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้ว
จือเชียนอาศัยอยู่กับมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ อย่างไรเสีย จือเชียนก็ยังไม่แต่งงาน ปกติเขาทำงานกับลู่อี้และได้รับคำสั่งบ่อยครั้ง อาศัยอยู่กับจวนลู่ย่อมสะดวกกว่า
เมื่อพวกเขารุดไปเรือนอยู่อาศัยของสกุลเซี่ย คนของหอซือเป่าก็มาส่งอันอวี้แล้ว ลู่จื่ออวิ๋นเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ท่านหมอกำลังตรวจอาการให้อันอวี้
มู่ซืออวี่ถอดเสื้อคลุมออกทันทีที่เข้าไปในห้อง พยายามป้องกันไม่ให้อุณภูมิหนาวจนทำให้อันอวี้ต้องจับไข้ได้
“เป็นอย่างไรบ้าง?” นางเอ่ยถาม
ลู่จื่ออวิ๋นดึงมือเล็ก ๆ ของมู่ซืออวี่มา ใบหน้างามของนางเต็มไปด้วยความกังวล “ตอนนี้ยังไม่รู้เจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้น้าอันกำลังถักเงื่อนเชือก จู่ ๆ นางก็เป็นลมไปเลย”
ท่านหมอปล่อยมือคนป่วยแล้วแจ้งว่า “ฮูหยินท่านนี้ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว เหตุใดยังทำงานตรากตรำเพียงนี้?”
“สี่เดือนหรือ?” สายตาของมู่ซืออวี่มองลงที่ท้องของอันอวี้
เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกนางเพิ่งทานอาหารด้วยกัน มองไม่ออกเลยสักนิด! ตอนนั้นอันอวี้เพียงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ยังคิดอยู่ว่าเป็นเพราะทำงานหนักเกินไป
“ฮูหยินท่านนี้ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ไม่มีอันใดร้ายแรง เพียงแต่นางต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายของนางไม่แข็งแรงนัก หากอยากคลอดเด็กคนนี้ออกมาอย่างปลอดภัย นางต้องไม่ทำงานหนักเหมือนตอนนี้ ข้าจะเขียนตำรับยาบำรุงครรภ์ให้ ส่งคนไปซื้อยามาเถิด!”
“เจ้าค่ะ จื่ออวี่ เจ้าไปซื้อยามา”
เมื่ออันอวี้ฟื้นขึ้น นางมองเห็นคนมากมายอยู่ในห้อง จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง
จื่อซูรีบเข้าไปช่วยพยุงนาง
“พี่หญิงมู่ ข้าเป็นอะไรไปหรือ?”
“เมื่อครู่นี้เจ้าหมดสติอยู่ที่หอซือเป่า” มู่ซืออวี่นั่งลงที่ปลายเตียง “นั่งลงเถอะ! ตอนนี้อย่าเพิ่งขยับ”
“ข้าหมดสติหรือ?” อันอวี้รื้อฟื้นความทรงจำ “ท่านหมอว่าอย่างไร? ข้าป่วยแล้วหรือ?”
“เจ้าตั้งครรภ์แล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว เจ้าไม่รู้สึกตัวเลยหรือ?”
อันอวี้ผอมมาก อาจเพราะนางผอมจึงไม่ได้ใส่ใจที่หมู่นี้เอวของนางขยายขึ้นมาเล็กน้อย เพียงคิดว่าตนเองอวบขึ้นก็เท่านั้น
“ข้า…” อันอวี้วางมือลงบนท้องของตน สายตานางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ท้องแล้วหรือ?”
มู่ซืออวี่ให้แม่ครัวทำน้ำแกงไก่เพื่อบำรุงร่างกายให้อันอวี้ จากนั้นก็มองอีกฝ่ายทานยา กำชับจื่ออวี่อีกรอบ ก่อนจะพาลู่จื่ออวิ๋นกลับไป
เมื่อออกมาถึงหน้าประตูก็พบคนผู้หนึ่งเดินกระวนกระวายใจอยู่ที่นั่น หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่งจึงพบว่าเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย เมื่อเขาหมุนตัวกลับมา นางจึงจำได้
เขาคืออันอี้หาง พี่ชายของอันอวี้
มู่ซืออวี่เข้ามาเมืองหลวงนานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเขา
“ฮูหยินลู่” อันอี้หางดูโทรมเล็กน้อย เดิมทีเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ทว่าตอนนี้เขากลับหมองลงไปมาก
“ท่านมาพบอันอวี้หรือ?” มู่ซืออวี่หลุดจากภวังค์ “นางอยู่ข้างใน ท่านเข้าไปเถอะ!”
“ไม่ต้องละ” อันอี้หางเอ่ย “ข้าได้ยินว่านางเป็นลม ข้าเพียงอยากเห็นว่านางไม่เป็นอะไร”
“นางไม่รู้ตัวว่าตนท้องได้สี่เดือนแล้วจึงเป็นลมจากความเหน็ดเหนื่อย โชคดีที่ไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ต้องบำรุงครรภ์ดี ๆ เท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าคงไม่เข้าไป”
“พี่ใหญ่อัน” มู่ซืออวี่รั้งเขาไว้ “ตอนนี้ท่านพักอยู่ที่ใดหรือ? พวกเราเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงนานเพียงนี้แล้ว ยังไม่ทราบเลยว่าท่านอยู่ที่ใด แม้อยากจะไปหาก็หาท่านไม่พบ”
อันอี้หางยิ้มบาง ๆ “ข้ากำลังเตรียมสอบขุนนางครั้งถัดไปในสถานที่ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง อาจเพราะไม่ได้อยู่ในเมือง พวกท่านจึงไม่รู้”
“เช่นนั้นท่าน…”
“ข้ายังมีเรื่องต้องทำ คงต้องไปก่อน”
จื่อซูเอ่ยขึ้น “คุณชายอันท่านนี้เปลี่ยนไปมาก!”
“ความผิดหวังจากการสอบขุนนางช่างร้ายแรง” จื่อเยวี่ยนเอ่ย “เขาเคยเป็นวีรบุรุษวัยเยาว์ บัดนี้กลับดูแก่ลงไปไม่น้อย”
“พวกเราควรบอกเรื่องนี้กับฮูหยินเซี่ยหรือไม่เจ้าคะ?” จื่อซูเอ่ยถาม
“ยังไม่ต้องบอกนาง พวกเจ้าก็เห็นแล้ว เขาไม่อยากให้พวกเรารู้เรื่องของเขา ตอนนี้อันอวี้ไม่อาจรับมือกับเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจได้ หากนางรู้ว่าพี่ชายของนางอยู่ในสภาพโทรมเช่นนี้ ทั้งยังดูเหมือนไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก นางอาจเป็นกังวลขึ้นมาอีก รอให้พี่ใหญ่เซี่ยกลับมาก่อนค่อยบอกเรื่องนี้ ให้เขาส่งคนไปสืบดูสักหน่อย”
ณ ศาลต้าหลี่ ลู่อี้กำลังจะเดินออกจากประตู ทว่าเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากข้างหลัง เขาหันกลับไปมองรถม้าคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกล คนในรถม้ากำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเรียบเฉย
เจียงเก๋อเหล่า
[1] เข้าทางประตูหลัง หมายถึง ใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง