สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 523 บ้านเจ้าอยู่ริมทะเลหรือ
บทที่ 523 บ้านเจ้าอยู่ริมทะเลหรือ?
บทที่ 523 บ้านเจ้าอยู่ริมทะเลหรือ?
ฮูหยินถานยืนอยู่ใต้ชายคา มองโม่ชิงเหยียนพาลู่จื่ออวิ๋นและเจี่ยหลิงหลงเล่นจับนกกลางหิมะ
เหล่ามามาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางเอ่ยว่า “ปกติเห็นนายน้อยเหมือนผู้ใหญ่ แต่วันนี้กลับดูเหมือนเด็กขึ้นมาบ้างแล้ว”
ฮูหยินถานเอ่ยยิ้ม ๆ “เขาอายุเท่าไหร่เอง เพียงแต่ปกติมักจะถูกบิดาสอนให้นิ่งสุขุมอย่างผู้ใหญ่ก็เท่านั้น ตอนนี้เขามีน้องสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นสหาย แน่นอนว่าความเป็นเด็กของเขาย่อมเผยออกมา
“ที่จวนเองก็มีคุณหนูคุณชายไม่น้อย นายน้อยกลับไม่ได้สนใจพวกเขามากมาย แม้กระทั่งคุณหนูลูกพี่ลูกน้องที่เขามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี นายน้อยยังมักจะเมินเฉย” เหล่ามามาเหลือบมองฮูหยินถานแล้วเอ่ยว่า “บ่าวเห็นว่านายน้อยกระตือรือร้นกับแม่นางสกุลลู่ผู้นี้ยิ่ง”
“พวกเขายังเป็นเด็ก เพิ่งเคยพบกัน ยินดีที่จะเป็นสหายกัน จะกล่าวถึงเรื่องอื่นตอนนี้ยังเร็วเกินไป” ฮูหยินถานกล่าว
“นั่นก็จริง นายท่านมักเข้มงวดกับนายน้อย สกุลถานต้องพึ่งพานายน้อย ปกติการบ้านหนักหนา ยากนักที่จะได้พักผ่อนเช่นวันนี้” เหล่ามามาเห็นด้วยกับนาง
ในฤดูหนาวมีนกไม่มากนัก เด็กสองสามคนนั้นจับนกพลาดหลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังทำให้นกตกใจหนีไปโดยจับไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว
โม่ชิงเหยียนมีสีหน้างุนงง “ไม่ควรเป็นเช่นนี้! ข้าก็ทำตามที่ตำราบอกไว้”
“พี่โม่เคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะคิกคัก “วางแผนการรบบนกระดาษ”
โม่ชิงเหยียนหน้าแดงเรื่อขึ้นมา
ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะ “เมื่อครู่ลองวิธีของพี่โม่แล้ว ตอนนี้ลองวิธีของข้าดูดีหรือไม่?”
เจี่ยหลิงหลงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอยู่ข้าง ๆ “ดีเลย!”
ลู่จื่ออวิ๋นเรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าไปนำ…”
นางไม่ทันได้เอ่ยจบ ก็โบกมือเรียกสาวใช้เข้ามาใกล้ ๆ
สาวใช้โน้มตัวเขาไปฟังนางกระซิบแล้วตอบรับ “เจ้าค่ะ คุณหนู”
โม่ชิงเหยียนและเจี่ยหลิงหลงล้วนสงสัยว่าลู่จื่ออวิ๋นสั่งให้สาวใช้นำอะไรมา
สาวใช้คนนั้นไม่ปล่อยให้พวกเขารอนานนัก นางรีบนำของที่ลู่จื่ออวิ๋นต้องการมาให้ทันที
“ข้าวหรือ?” โม่ชิงเหยียนเอ่ย “เมื่อครู่นี้ข้าก็นำมาแล้ว!”
“อีกประเดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง” นางโปรยข้าวลงไปบนพื้น จากนั้นก็ใช้กิ่งไม้พยุงตะกร้าเล็ก ๆ ไว้ โดยเอาเชือกผูกกับกิ่งไม้อีกที
นางดึงเชือกแล้วก้าวถอยหลัง ถอยออกไปได้ไม่ไกลนักก็ส่งสัญญาณให้พวกเขาสองคนเงียบ
“พวกเจ้าน่ารำคาญเสียจริง” ร่างในชุดกระโปรงงดงามร่างหนึ่งเดินเข้ามา นางเตะตะกร้าใบนั้นทิ้ง “เสียงดังจริง อยู่เงียบ ๆ สักพักได้หรือไม่?”
“นี่…” เหล่ามามาเห็นดังนั้น นางก็คิดจะก้าวออกไปห้ามปราม
แต่ฮูหยินถานห้ามเหล่ามามาไว้แล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเด็ก ๆ ให้พวกเขาจัดการเองเถอะ”
“เหตุใดแม่นางสกุลหยางถึงไร้กฎเกณฑ์อีกทั้งยังโมโหร้ายเพียงนี้ หมายความว่า ความตรงไปตรงมา มีชีวิตชีวาที่นางแสดงออกต่อหน้าฮูหยินก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการเสแสร้งหรือ?” เหล่ามามาเอ่ยด้วยความฉุนเฉียว
เห็นได้ชัดว่าโม่ชิงเหยียนรู้จักสาวน้อยหน้าตางดงามผู้นั้น เมื่อเห็นการกระทำของนาง เขาพลันขมวดคิ้ว “แม่นางหยาง นี่ท่านทำอะไร?”
“พี่โม่ เล่นจับนกสนุกตรงไหนกัน? พวกเราไปดูเหมยบนภูเขาเถอะ!” เมื่อเอ่ยกับโม่ชิงเหยียน นางก็ระงับท่าทีหยิ่งยโสของตนและยิ้มออกมาอย่างใสซื่อบริสุทธ์
โม่ชิงเหยียนเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ไม่ต้อง ข้าไม่อยากขึ้นไปบนเขา”
“พี่โม่ ปัญญาชนที่สง่างามอย่างท่านทำเรื่องหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร? มีเพียงคนบ้านนอกบ้านนาเท่านั้นที่จะจับนก” เจี่ยงจือมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“หากพี่หญิงชื่นชอบดอกเหมย เพียงแค่ไปด้วยตนเองก็ได้แล้ว ท่านไม่ใช่ปลา จะเข้าใจความสุขของปลาได้อย่างไร?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “พวกเราไม่ได้บังคับท่าน แล้วท่านจะบังคับเราได้หรือ?”
“คนหยาบคายย่อมทำเรื่องหยาบช้า เจ้าหยาบคายก็แล้วไปเถอะ เหตุใดยังชวนท่านพี่โม่ทำเรื่องแย่ ๆ ตามไปด้วย?” เจี่ยงจือเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านผู้เฒ่าหวังในหมู่บ้านของพวกเราอายุยืนถึงเก้าสิบปี?” ลู่จื่ออวิ๋นเอียงศีรษะ หน้าตาใสซื่อ
“เพราะเหตุใด?” เจี่ยงจือขมวดคิ้ว
“เหตุผลน่ะหรือ เพราะท่านผู้เฒ่าหวังท่านนั้นไม่เคยสนใจเรื่องของผู้อื่นอย่างไรเล่า” ลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาปริบ ๆ ใบหน้างามประณีตของนางเต็มไปด้วยความดูถูก “ท่านเป็นอะไรกับท่านพี่โม่? น้องสาวแท้ ๆ? หากไม่ใช่ ท่านมีบ้านอยู่ริมทะเลหรือ ถึงได้ทำตัวใหญ่โตเช่นนี้?”
ทุกคน “…”
หึหึ! ฮูหยินถานหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
เจี่ยงจือผู้ที่คิดจะลงไม้ลงมือกับลู่จื่ออวิ๋นได้ยินเสียงหัวเราะนั้นก็พลันนิ่งอึ้งไป
เมื่อเห็นฮูหยินถานปรากฏกายขึ้น เด็กเหล่านั้นจึงสงบลง เก็บซ่อนหนามคมและกลายมาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายอีกครั้ง
“คำกล่าวนี้ค่อนข้างแปลกใหม่ทีเดียว” ฮูหยินฐานเอ่ย “เอาละ แม่นางสกุลหยาง ท่านแม่ของเจ้าเรียกหาแล้ว รีบไปอยู่กับนางเถอะ!”
เจี่ยงจือกล่าวทักทายแล้วจึงจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
ฮูหยินถานมองลู่จื่ออวิ๋น “เจ้าช่างพูดเช่นนี้ ไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย หากเจ้าไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินเข้าจะเดือดร้อนเอาได้”
“ท่านแม่ของข้าบอกว่า หากมีคนมายั่วยุแล้วเอาแต่หลับหูหลับตายอมทน รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายหยิ่งผยองยิ่งกว่าเดิม คนที่ไม่ชอบท่าน ไม่ว่าท่านจะสุภาพอ่อนน้อมด้วยเพียงใด อย่างไรเขาก็ยังคงไม่ชอบท่านอยู่ดี คนที่มีนิสัยไม่ดีมักรังแกผู้อ่อนแอแต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นหากเจอคนเช่นนี้ ตราบใดที่สถานการณ์เอื้ออำนวย อย่าได้เกรงกลัว หากตนมิอาจได้เปรียบเช่นนั้นก็เพียงแค่ทนยอมรับ ที่นี่เป็นบ้านของข้า และมีคนของข้าอยู่ทุกที่ พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้ข้าเสียเปรียบ หากข้ามีข้อได้เปรียบถึงเพียงนี้ แล้วยังหดหัวอยู่ในกระดองอย่างเต่า เช่นนั้น จะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ขายหน้าหรือ?”
“ท่านพ่อของข้าบอกว่า ไม่ว่าข้าจะสร้างความวุ่นวายหนักหนาเพียงใด เขาจะช่วยข้าเก็บกวาดเอง ท่านแม่ของข้าบอกว่าผู้ทำการค้าที่ดีมิอาจเสียเปรียบ หากเสียเปรียบ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเสียเงินแล้ว”
ฮูหยินถานหัวเราะร่วน “ครอบครัวเจ้าช่างรักลูกเสียจริง ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ผิด นั่นเป็นเพราะพวกเขามีความสามารถคุ้มครองเจ้า หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คงทำได้เพียงหนีหางจุกตูดแล้ว”
มีเพียงฮูหยินหรงผู้โง่เขลาคนนั้นที่เห็นสตรีผู้ทำการค้าชื่อก้องหล้าเป็นเพียงหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง กิจการภายใต้ชื่อของฮูหยินลู่ค้ำจุนคนมากมาย ศักดิ์ศรีของนางค่อย ๆ แทรกซึมเข้าสู่หลายสาขาวิชาชีพอย่างเงียบ ๆ ไม่แปลกใจที่สามีของนางกล่าวว่ารองผู้บัญชาการหยางคงหยุดอยู่เพียงเท่านี้ อย่างไรเสีย เขาก็แต่งภรรยาที่ไม่เฉลียวฉลาดเข้ามา
เมื่อนึกถึงความคิดของสกุลหยางแล้ว ฮูหยินถานพลันเหลียวมองโม่ชิงเหยียน
ไม่ว่าภายหน้าโม่ชิงเหยียนจะแต่งฮูหยินอย่างไร คนผู้นั้นไม่มีทางเป็นเจี่ยงจือ สาวน้อยคนนั้นถูกมารดาของนางสอนให้เป็นคนไม่มีสมองเสียแล้ว
“พวกเจ้ายังจะจับนกอยู่หรือไม่?” ฮูหยินถานเอ่ยถาม
“จับ!” โม่ชิงเหยียนเอ่ย “ข้าอยากเห็นว่าวิธีของน้องหญิงสกุลลู่จะใช้ได้หรือไม่”
“เช่นนั้น พวกเจ้าก็ไปจับเถอะ! ข้าจะไปแช่น้ำพุร้อนก่อน” ฮูหยินถานเอ่ยแล้วจากไปพร้อมกับเหล่ามามา
โม่ชิงเหยียนมองหน้าลู่จื่ออวิ๋น
นางหน้าตางดงามจริง ๆ
ทว่าตอนนี้ เขาคิดว่าสิ่งที่ ‘งดงาม’ ที่สุดคือนิสัยของนาง
เมื่อเทียบกับบุตรสาวตระกูลขุนนางในเมืองหลวงเหล่านั้นแล้ว สายตาของนางสดใสยิ่งกว่า ไม่ไร้ชีวิตชีวาเหมือนแม่นางพวกนั้น แต่ละคนราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ถูกคนชักใย
มู่ซืออวี่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนด้านหลังแล้ว เมื่อรู้ว่าลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้เสียเปรียบ นางจึงไม่เก็บไปใส่ใจ
ในตอนนี้เอง คนที่นางส่งไปก็กลับมาถึง
เสียงดังด้านนอกเรียกคนแต่ละเรือนออกมา
นอกจากฮูหยินถานที่แช่น้ำร้อนอยู่ ฮูหยินคนอื่นล้วนออกมาทั้งสิ้น
“นี่มันอะไรกัน? เหตุใดจึงมีเตียง… ตู้… เหตุใดจึงมีของมากมายเพียงนี้?” กงซื่อ ฮูหยินรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่อีกท่านเอ่ยขึ้น