สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 524 ท่านบอกว่าท่านไม่คุ้นชิน ข้าจึงช่วยขนย้าย
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 524 ท่านบอกว่าท่านไม่คุ้นชิน ข้าจึงช่วยขนย้าย
บทที่ 524 ท่านบอกว่าท่านไม่คุ้นชิน ข้าจึงช่วยขนย้าย
บทที่ 524 ท่านบอกว่าท่านไม่คุ้นชิน ข้าจึงช่วยขนย้าย
ฮูหยินหรงก็ออกมาแล้วเช่นกัน
เมื่อนางเห็นข้าวของที่กำลังย้ายเข้ามา ก็รู้สึกว่าเหตุใดจึงดูคุ้น ๆ เช่นนี้
เจี่ยงจือที่เพิ่งร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องของฮูหยินหรงเมื่อครู่นี้ชี้ไปที่เตียงแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ นั่นไม่ใช่เตียงที่บ้านเราหรือ?”
“ใช่แล้ว! ฮูหยิน ยังมีตู้ โต๊ะ ในห้องของท่าน แม้แต่ชุดน้ำชาล้วนมาจากห้องของท่านทั้งสิ้น” สาวใช้ผู้นั้นเอ่ยเตือน
ฮูหยินหรงเพียงแค่รู้สึกว่าของทั้งหมดดูคุ้นตา นางไม่ทันได้ตอบสนองใด ๆ แต่หลังจากลูกสาวและสาวใช้เอ่ยเตือนจึงตระหนักได้ว่าตนไม่ได้ตาฝาด
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!?” ฮูหยินหรงโมโหขึ้นมา “ผู้ใดย้ายข้าวของของข้ามาที่นี่?”
คนที่ขนของเหล่านี้มาล้วนเป็นบ่าวรับใช้สกุลหยาง เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินหรง หนึ่งในบ่าวรับใช้จึงเอ่ยขึ้น “ฮูหยิน มีคนบอกว่าท่านมิคุ้นเคยกับการนอนบนเตียงผู้อื่น ไม่คุ้นเคยกับชุดน้ำชา ถ้วยและตะเกียบของผู้อื่น เราจึงได้ย้ายข้าวของของท่านมาให้ที่นี่ขอรับ”
“ผู้ใด? ผู้ใดบอกกัน?” ฮูหยินหรงรู้สึกโมโหจนเดือดปุด ๆ
มู่ซืออวี่อ้าปากหาวแล้วเดินออกมา เมื่อเห็นฉากนี้นางจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ย้ายมาเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“เจ้า?” ฮูหยินหรงเข้าใจขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว เป็นคำสั่งของข้าเอง” มู่ซืออวี่แย้มยิ้ม “ไม่ใช่ท่านบอกว่าเตียงบ้านข้าแข็งเกินไป ผ้าห่มหยาบเกินไป แม้กระทั่งชุดน้ำชายังขาด… อืม… ความหรูหราหรือ ข้าเพียงคิดว่าในเมื่อซื้อสิ่งที่ฮูหยินเอ่ยถึงจากข้างนอกมิได้ เช่นนั้น มิสู้ย้ายของของท่านมาที่นี่ดีกว่า ข้าเชื่อว่าคืนนี้ฮูหยินคงหลับได้สนิทแล้วเป็นแน่ ท่านไม่จำเป็นต้องซาบซึ้งใจเพียงนั้น นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ท่านเป็นแขก ข้าเป็นเจ้าบ้าน เป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องทุ่มเทดูแลท่านอย่างเอาใจใส่”
ฮูหยินหลายท่านนั้นนิ่งอึ้งไปแล้ว
ทำอย่างนี้ได้ด้วยหรือ?
ฮูหยินกงหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยว่า “วิธีนี้ดียิ่ง ครั้งหน้าหากฮูหยินหรงมิคุ้นชินกับห้องหับที่บ้านข้า ข้าก็จะทำอย่างเดียวกัน”
ฮูหยินคนอื่น ๆ ไม่กล้าล่วงเกินนาง ทว่าฮูหยินกงไม่จำเป็นต้องกลัว ถึงอย่างไรสามีของพวกนางก็มีขั้นขุนนางเท่าเทียมกัน
“ฮูหยินหรงซาบซึ้งใจเกินไปใช่หรือไม่ ไม่จำเป็นต้องซึ้งใจถึงเพียงนั้น เด็ก ๆ รีบย้ายของเข้าไปข้างในเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่เช่นนั้นฮูหยินหรงจะไม่คุ้นชินเอาได้”
“เจ้า…” ฮูหยินหรงชี้ไปที่มู่ซืออวี่ “เจ้าตั้งใจทำเช่นนี้!”
“แน่นอนว่าข้าตั้งใจ” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “การเตรียมการอย่างรอบคอบเช่นนี้ หากไม่ใช่การตั้งใจ จะครบถ้วนเพียงนี้ได้หรือ?”
“เจ้า…” ฮูหยินหรงเกรี้ยวกราด “สถานที่สูงส่งเช่นนี้ของเจ้า ฮูหยินผู้นี้ไม่อาจอยู่ต่อแล้ว เอาของของข้ากลับ ข้าจะกลับบ้าน!”
“ช้าก่อน…” มู่ซืออวี่เรียกฮูหยินหรงไว้ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากสนทนากับฮูหยินหรง ไม่นานมานี้พ่อบ้านของท่านมาสั่งคนงานร้านข้าทำเครื่องเรือนหนึ่งชุด ไม่ว่าจะเป็นตู้ตำรา ตู้ หีบ… รวมทั้งหมดคงมากว่าสิบอย่างกระมัง ข้าบอกคนงานที่ร้านว่าฮูหยินหรงเป็นคนกันเอง ต้องคิดราคาญาติสนิทมิตรสหายให้ ดังนั้นจึงลดราคาเหลือเพียงแปดส่วน ผลคือพ่อบ้านจวนหยางช่างดื้อดึง พอได้ยินว่าได้ลดราคา แม้แต่หน้าก็ยังไม่ยอมมาพบ ทำให้พวกเราลำบากเป็นอย่างยิ่ง…”
“วันนี้เห็นฮูหยินหรงอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นข้าจะบอกท่านตามตรง เดิมทีรายการสั่งซื้อของท่านราคาสี่พันสองร้อยตำลึงเงิน แต่ในเมื่อจวนหยางทะนงตนไม่ยอมซื้อในราคาที่ลดลงเหลือแปดส่วนของพวกเรา เช่นนั้นข้าก็จะปัดให้ท่านเป็นเลขกลม ๆ ท่านมอบให้ข้าเพียงสี่พันตำลึงเงินก็พอ เพื่อไม่ให้คนของฮูหยินต้องเดินทางมาเสียเวลา ข้าส่งคนกลับไปหาผู้ทำบัญชีของท่านแล้ว เช่นนี้ก็จะช่วยลดความยุ่งยากให้ฮูหยินไม่น้อย ท่านว่าอย่างไร?”
ฮูหยินหรงจ้องมู่ซืออวี่เขม็ง นางกัดฟันเอ่ยว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไร?”
“รู้สิ!” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ
“ใต้เท้าลู่เป็นเพียงผู้ตัดสินคดีศาลต้าหลี่ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง” ฮูหยินหรงเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าล่วงเกินข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด เจ้าไม่คิดถึงตนเอง ไม่คิดถึงสามีบ้างเลยหรือ?”
“ฮูหยินหรง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนคุกคามข่มขู่อย่างเปิดเผยเช่นนี้” มู่ซืออวี่กะพริบตาปริบ ๆ “ทำอย่างไรดี? ข้ากลัวเหลือเกิน ขอฮูหยินหรงได้โปรดอย่าไปเป่าหูข้างหมอนใต้เท้าเจี่ยงเลย อย่างไรเสีย ต้องลมมากไปจะทำให้ปวดหัวเอาได้ง่าย ๆ ไม่ดีต่อสุขภาพของใต้เท้าเจี่ยง ปีนี้อายุใต้เท้าเจี่ยงไม่น้อยแล้วกระมัง? คงไม่อาจวุ่นวายไปทั่วเหมือนคนหนุ่มสาวได้”
“เจ้า!…”
เจี่ยงจือมองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาเกลียดชัง
“สมกับเป็นหญิงบ้าจริง ๆ”
“การอบรมสั่งสอนของสกุลหยางน่าเป็นห่วงนัก!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ผู้เยาว์คนหนึ่งถึงกลับกล้าเอ่ยเช่นนี้กับผู้อาวุโสกว่า มิรู้ว่าภายหน้าผู้ใดจะกล้าต้องการแม่นางเช่นนี้มาเป็นสะใภ้”
“ท่านแม่! นางด่าข้า…”
“พอได้แล้ว!” วันนี้ฮูหยินหรงอับอายยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นการอับอายต่อหน้าคนมากมาย นางเกลียดชังมู่ซืออวี่เข้ากระดูกดำเสียจนไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานกว่านี้ “สี่พันสองร้อยตำลึงสินะ? ฮูหยินผู้นี้จะดูว่าเจ้าจะกล้ารับหรือไม่”
“เครื่องเรือนเป็นสิ่งที่คนงานของข้าลำบากลำบนทำ ข้าที่เป็นเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้ก็ลำบากประคับประคองกิจการ ข้าย่อมต้องรับในสิ่งที่ควรได้รับ” มู่ซืออวี่แย้มยิ้ม “ฮูหยินหรง ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่เคยขาดผู้สูงศักดิ์ รองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ในหน่วยงานเล็ก ๆ ของเรานับว่ามีหน้ามีแต่ ทว่าอย่าได้เย่อหยิ่งทะนงตนไปนัก ยกตนขึ้นสูงเกินไป ระวังจะตกลงมากระดูกหักเอาได้!”
เครื่องเรือนที่ย้ายมาจากบ้านของฮูหยินหรง ยังไม่ทันได้วางลงก็ถูกนางหอบกลับไปแล้ว
มู่ซืออวี่เตรียมคนให้ไปเก็บเงินที่สกุลหยาง
หากอีกฝ่ายยอมจ่ายมาแต่โดยดี เช่นนั้น เรื่องนี้ถือว่าสิ้นสุด แต่หากไม่ใช่ นางมีวิธีการมากมายที่จะทำให้จวนหยางมี ‘ชื่อเสียงโด่งดัง’ ขึ้นมา
ทว่า หลังจากเรื่องวุ่นวายนี้เกิดขึ้น ทุกคนคงได้รู้ข่าวลือที่ว่า ฮูหยินใต้เท้ารองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เป็นคนละเอียดอ่อนมาก หากฮูหยินจวนใดต้องการเชิญนางไป คงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบถี่ถ้วนสักหน่อย
“ฮูหยินลู่ ข้าขอกล่าวตามตรง ท่านล่วงเกินนางเช่นนี้ดีแล้วแน่หรือ?” ฮูหยินเจี่ยลดเสียงลงแล้วเอ่ยถาม “ฮูหยินหรงผู้นี้ร้ายกาจมาก ขั้นขุนนางของสามีนางสูงกว่าสามีท่านนะ”
“เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้ว นางพยายามหาความผิดให้ข้า เห็นได้ชัดว่าจงใจสร้างปัญหาให้ นอกจากนี้ ข้าเปิดประตูทำการค้า ได้รับเงินมาอย่างยากเย็นแต่นางกลับไม่เคยคิดจะชำระหนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรนางล้วนไม่พอใจ มีอันใดให้ต้องปรานีนางเล่า?”
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อนหน้านี้ที่จะออกมา นางถามลู่อี้และเอ่ยถึงเรื่องที่ฮูหยินหรงผู้นั้นกระทำแล้ว เขาเพียงแค่จูบลงบนริมฝีปากนางแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินมีหน้าที่แค่สร้างความวุ่นวาย ที่เหลือข้าจัดการเอง”
นางโผเข้าไปในอ้อมแขนเขาแล้วเอ่ยว่า “แต่ขั้นขุนนางเขาใหญ่กว่าท่าน”
ลู่อี้เพียงบีบเอวบางของภรรยาเบา ๆ และกระซิบข้างหู “ในเมื่อฮูหยินอยากให้ข้า ‘ใหญ่’ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียง ‘ใหญ่’ ขึ้นแล้ว”
หลังจากนั้น…
เนื้อหาไม่อาจรื้อฟื้นให้ใครฟังได้
“เอาละ คนทำให้หมดสนุกก็ไปแล้ว พวกเราไปแช่น้ำพุร้อนกันเถอะ!” ฮูหยินกงเอ่ย “สถานที่ดี ๆ เช่นนี้ ไม่อาจปล่อยให้เสียเปล่าได้”
“ใช่!” เหล่าฮูหยินคนอื่น ๆ ล้วนเห็นด้วย
ฮูหยินถานเอนกายอยู่ในบ่อน้ำพุ โดยมีเหล่ามามาบีบนวดไหล่ให้
นางลืมตาขึ้นหลังจากที่ได้ยินเหล่ามามาเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะมีคนโชคไม่ดีเสียแล้ว”
“ฮูหยินหมายความว่า…”
“ใต้เท้าเจี่ยงเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง แต่กลับแต่งฮูหยินไม่มีปัญญาผู้นี้” ฮูหยินถานกล่าว “เจ้าคิดว่าด้วยนิสัยใจคอของฮูหยินลู่แล้ว หากนางไม่ได้รับคำอนุญาตจากคนที่บ้าน นางจะกล้าทำให้เรื่องเลยเถิดจนมิอาจแก้ไขเพียงนี้หรือ?”