สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 544 ลู่จื่ออวิ๋นโดนเกลียดแล้ว
บทที่ 544 ลู่จื่ออวิ๋นโดนเกลียดแล้ว
บทที่ 544 ลู่จื่ออวิ๋นโดนเกลียดแล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นออกมาจากห้องผู้ดูแลเมิ่งพร้อมกับชุดกระโปรงของฮูหยินอู่อันโหวในมือ
นางเก็บชุดกระโปรงนั้นไว้ ตั้งใจว่ากลับไปบ้านแล้วค่อยคิดดูดี ๆ ว่าจะซ่อมแซมมันอย่างไร
“หยางเจิง อีกประเดี๋ยวพวกเราจะไปตลาดนัดกลางคืน เจ้าอยากไปหรือไม่?” หนึ่งในหญิงเย็บปักเอ่ยถามหยางเจิง
หยางเจิงผู้ที่กำลังทำบางอย่างอยู่เงยหน้าขึ้นมา “ไม่ต้องหรอก ข้าจะกลับบ้าน”
“ใกล้วันเกิดของถังซานซานแล้ว เจ้าไม่อยากช่วยนางเลือกของขวัญหน่อยหรือ?”
หยางเจิงชะงักมือที่กำลังปักด้าย นางหลุบตาลง แล้วทำสิ่งที่กำลังทำต่อไป “ข้าไปไม่ได้ ไม่ไปแล้ว”
“คนไม่ไป แต่ของขวัญยังต้องส่งมานะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ถังซานซานให้เจ้ามาขอของขวัญหรือ?”
หญิงเย็บปักนางนั้นเม้มริมฝีปาก “จะเป็นไปได้อย่างไร? ซานซานไม่ได้ขาดของขวัญเสียหน่อย”
“ในเมื่อไม่ขาดของขวัญ เหตุใดยังต้องขอของขวัญด้วยเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นมองอีกฝ่าย “น่าเกลียดจริง ๆ”
ผู้ใดไม่รู้พื้นเพครอบครัวของหยางเจิงบ้าง?
ถึงแม้นางจะไม่ได้เอ่ยออกมาโต้ง ๆ ทว่าเรื่องท่านน้าของนางมาก่อปัญหาที่นี่ก็เล่าลือไปจนทั่วแล้ว
วันนี้ไม่เรียกขอของขวัญจากผู้อื่น แต่กลับต้องการถามหยางเจิง เห็นได้ชัดว่าจงใจจะทำให้นางอับอายและอึดอัด
“หากไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เหตุใดต้องพูดเช่นนี้?” หญิงเย็บปักนางนั้นเดินจากไป
ฟางเหยาเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยเบา ๆ “จื่ออวิ๋น นางไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าอย่าโกรธไปเลย”
“อืม” ลู่จื่ออวิ๋นไม่เก็บเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาใส่ใจ อีกทั้งอีกฝ่ายยังไม่ใช่คนสำคัญอะไร ดังนั้นไม่มีอันใดให้ต้องกังวล
“วันเกิดถังซานซาน เจ้าจะไปหรือไม่?” ฟางเหยาเอ่ยถาม
ลู่จื่ออวิ๋นสั่นศีรษะ “ไม่ไป”
“อันที่จริงยากนักที่ทุกคนจะได้รวมตัวกัน ได้ครึกครื้นเฮฮาก็ดีไม่ใช่หรือ!” ฟางเหยาเอ่ย “ไม่เช่นนั้นพวกนางจะคิดว่าเจ้าคบหายาก”
“เหตุใดต้องสนใจสิ่งที่ผู้อื่นคิดด้วยเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม “พวกนางจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของพวกนาง เกี่ยวอันใดกับข้า?”
“ฟางเหยา ผู้อื่นเขาเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง แตกต่างจากพวกเรา” อวี๋เสี่ยวหลานเอ่ยขึ้น “เจ้าก็ไม่ต้องไปถามนางหรอก”
ฟางเหยายิ้มให้ลู่จื่ออวิ๋นอย่างขอโทษขอโพย “ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว เจ้าทำงานต่อเถอะ”
อวี๋เสี่ยวหลานดึงฟางเหยาจากไปแล้วเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าจะสนใจนางไปไย? นางเป็นศิษย์รักของท่านเจ้าหอ อีกทั้งยังมีผู้ดูแลเมิ่งที่ชื่นชม แตกต่างจากคนที่คอยทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างพวกเรา ฟางเหยา เจ้าอย่าได้เห็นว่าเจ้าเป็นศิษย์รักผู้ดูแลซ่ง เจ้ายังดีไม่เท่าผู้อื่นเขาเลย!”
“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น” ฟางเหยาพูดเสียงค่อย “จื่ออวิ๋นเข้ากับคนง่ายจริง ๆ เพียงแต่ปกตินางมักจะยุ่งอยู่เสมอ ไม่มีเวลาได้พูดจากับคนอื่น ๆ ทุกคนจึงไม่ได้เข้าใจนาง อันที่จริงนางเป็นคนกระตือรือร้นเป็นอย่างมากคนหนึ่ง”
“มีเพียงเจ้านั่นแหละที่โง่!”
หยางเจิงลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าไปก่อนล่ะ”
“วันนี้กลับเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ
“ข้า… มีเรื่องต้องทำ” สิ้นคำ หยางเจิงก็เก็บข้าวเก็บของออกไป
ลู่จื่ออวิ๋นคิดถึงน้องชายน้องสาวเหล่านั้นของนาง จากนั้นก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
“แม่นางลู่ ท่านเจ้าหอเรียกหาเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ทราบแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นตอบกลับ
ท่านเจ้าหอเรียกหาลู่จื่ออวิ๋นเพราะนางได้สอนทักษะใหม่ไปในวันนี้ จึงอยากจะลองทดสอบลูกศิษย์
ลู่จื่ออวิ๋นมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ขอแค่นางมีโอกาสได้เห็น ไม่เพียงแค่ชำนาญมันอย่างรวดเร็ว แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ นางจึงอยู่ในนั้นไม่นานนักก่อนที่จะออกมา
“ผู้ใดแตะต้องเสื้อผ้าของข้า?”
ลู่จื่ออวิ๋นพบว่าชุดกระโปรงของฮูหยินอู่อันโหวมีคนแตะต้อง ขนจิ้งจอกบนนั้นหลุดร่วงออกไปไม่น้อย
ทุกคนดูเหมือนไม่ได้ยิน ล้วนแต่ทำงานของตนต่อไป
“ชุดกระโปรงนี้เป็นสินเดิมของฮูหยินอู่อันโหว ตอนที่ข้าได้รับมา ข้าตรวจดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ขนจิ้งจอกยังหนาแน่น ไม่กะร่องกะแร่งเช่นนี้”
“ลู่จื่ออวิ๋น เหตุใดเจ้าต้องว่าร้ายผู้อื่นเช่นนี้? พวกเราจะแตะต้องเสื้อผ้าของเจ้าได้อย่างไร?” หญิงเย็บปักนางหนึ่งเอ่ยขึ้น
“นั่นสิ พวกเรางานยุ่งแทบปลีกตัวไม่ได้ จะมีเวลาไปยุ่งเรื่องของเจ้าได้อย่างไร?”
“เจ้าอย่าได้อาศัยว่าเป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้าหอแล้วจะกล่าวโทษผู้อื่นไปทั่วเยี่ยงนี้”
ทุกคนล้วนไม่พอใจลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นมองแผนของคนร้ายออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
อีกฝ่ายปลุกปั่นให้ทุกคนไม่พอใจนาง เพราะรู้ว่านางคงไม่กล้าล่วงเกินคนมากมายเพียงนี้
“เจ้าไปข้างใน ไปเชิญท่านเจ้าหอออกมา” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยกับบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง
บ่าวรับใช้ผู้นั้นรู้สึกไม่สบายใจ ทว่าก็ทำตามคำสั่ง
ลู่จื่ออวิ๋นมีสถานะสูงกว่า นางย่อมไม่กล้าขัดคำสั่ง
ผ่านไปสักพัก สาวใช้คนนั้นก็ออกมาแล้วเอ่ยว่า “แม่นางลู่ ท่านเจ้าหอมีแขกคนพิเศษเจ้าค่ะ นางไม่อาจออกมาได้ นางกล่าวว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ให้ท่านเป็นคนตัดสินใจ”
“หึ!” มีคนทำเสียงเย้ยหยันออกมา
ทุกคนที่เดิมทีกังวลอยู่แล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกตระหนกขึ้นมา
“ในเมื่อแล้วแต่ข้า เช่นนั้นก็รวบทุกคนมารวมตัวกัน ข้าจะค้นตัว!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยนิ่ง ๆ
“พวกเราล้วนเป็นสตรีจากครอบครัวที่ดี หากไม่มีหลักฐาน แม้กระทั่งทางการก็ไม่อาจค้นตัวพวกเราได้ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไร?”
“มีสิทธิ์อะไร?” ลู่จื่ออวิ๋นแย้มยิ้มน้อย ๆ “ข้าทำจี้หยกของตระกูลหาย จี้หยกนั้นประเมินค่าไม่ได้ ข้าไม่ควรค้นหรือ?”
“เจ้าใส่ร้ายคนนี่”
“จื่ออวิ๋น อย่าทำอย่างนี้เลย ทุกคนจะเสียใจ” ฟางเหยาเอ่ย “เจ้ารอบรู้มีเหตุผลมาโดยตลอด นี่ไม่ใช่นิสัยของเจ้า”
“ไม่กล้าให้ข้าค้น ไม่ใช่ว่าร้อนตัวหรือ?”
“ผู้ใดร้อนตัว? เจ้าอยากค้นก็ค้นสิ” หลังจากมีหญิงเย็บปักคนหนึ่งเอ่ยเช่นนั้น คนอื่น ๆ ล้วนเห็นด้วย
ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้าไปหาหญิงเย็บปักหลายคน กวาดตามองพวกนางขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ค้นตัวพวกนางจริง ๆ เพียงแต่มองผ่าน ๆ เท่านั้น
“เป็นอย่างไร?”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินผ่านพวกนางไป จากนั้นก็เดินผ่านไปที่หญิงเย็บปักคนอื่น ๆ
หญิงเย็บปักเหล่านี้ล้วนเย่อหยิ่งจองหอง เมื่อเผชิญหน้าลู่จื่ออวิ๋นก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อย
“นี่เป็นชุดของฮูหยินจวนอู่อันโหว พวกเขามีธรรมเนียมปฏิบัติที่อาณาจักรเฟิ่งหลิน หากเสื้อผ้านั้นไม่ได้สวมใส่เป็นเวลานานจะใส่ยาไว้ ยานั้นจะทำให้ฝ่ามือเป็นแผล เมื่อครู่นี้พวกเจ้าเห็นข้าออกมาพร้อมกับห่อผ้าหรือไม่ นั่นเป็นเพราะข้ากลัวจึงไม่อยากจับ เดิมทีข้าอยากหาพี่หญิงที่ดึงขนนั้นออกมา อย่างไรเสีย ยาตัวนี้ก็เป็นยาลับ ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่มียาถอนพิษ ในเมื่อหาตัวไม่ได้ เช่นนั้นก็ลืมไปเสียเถอะ”
“ร้ายกาจเพียงนี้เชียวหรือ?” มีคนพึมพำถามเสียงเบา “พี่หญิงฟางเหยา ท่านรู้หรือไม่?”
ฟางเหยาสั่นศีรษะ “ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
“จะต้องเป็นการข่มขู่แน่ ๆ”
ลู่จื่ออวิ๋นคว้าเสื้อผ้าชุดนั้นแล้วเดินออกไป
ทันทีที่นางออกไป เสียงพูดคุยของทุกคนก็อื้ออึงขึ้นมา
“ที่นางกล่าวนั้นจริงหรือเท็จกันแน่?”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยได้ยินเลย อาจเป็นเรื่องที่กุขึ้นมากระมัง”
“ข้าก็คิดว่านางข่มขู่คน พวกเราดูเหมือนคนโง่งั้นหรือ?”
สวีมู่เวยและอู๋ชุนหลานมองหน้ากัน รีบเก็บข้าวของแล้วไล่ตามไป
“จื่ออวิ๋น”
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินผู้ช่วยสองคนเรียกตน จึงหยุดฝีเท้ารอพวกนาง
“เมื่อครู่พวกเราไปเลือกด้ายเย็บปักจากห้องด้าย ไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่เห็นว่าผู้ใดเป็นคนทำ”
“ข้ารู้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หากพวกเจ้าเห็นคงบอกข้านานแล้ว วางใจเถอะ ในเมื่อข้าเลือกพวกเจ้ามาแล้ว ย่อมเชื่อใจพวกเจ้า”
“แต่ว่าจื่ออวิ๋น เหตุใดไม่ตรวจสอบต่อเล่า?” อู๋ชุนหลานเอ่ยถาม
“ข้าไม่ตรวจสอบ เพราะอีกเดี๋ยวนางก็จะโผล่ออกมาเอง” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ข้ากลับก่อนล่ะ พวกเจ้าก็กลับกันเถอะ!”