สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 55 ภรรยาข้าเพิ่งเดินเข้าไป
บทที่ 55 ภรรยาข้าเพิ่งเดินเข้าไป
บทที่ 55 ภรรยาข้าเพิ่งเดินเข้าไป
ลู่อี้แบกแพะเดินตามนางไป ครั้นเห็นนางหยุดอยู่ที่ ‘หอหลิงอวิ๋น’ เขากำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง แต่ไม่ทันไรก็เห็นนางเดินเข้าไปข้างในแล้ว
เขาอยากเดินตามนางเข้าไป ทว่าแบกของใหญ่เช่นนี้คงสะดุดตาผู้อื่นเกินไป อีกทั้งคนเฝ้าประตูก็ยังมาห้ามไม่ให้เขาเข้าไปข้างในด้วย
“ข้า… ภรรยาข้าเพิ่งเดินเข้าไปน่ะ” ลู่อี้กล่าว
“พี่ชาย ท่านอุ้มแพะตัวใหญ่ขนาดนั้น แขกของพวกเราจะตกใจเอาได้ เหตุใดไม่รอภรรยาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
คนเฝ้าประตูพูดด้วยความเกรงใจ อธิบายว่าสาเหตุที่ห้ามเขาเข้าไปนั้นไม่ใช่ด้วยสาเหตุอื่นใด แต่กลัวว่าจะทำให้แขกเหรื่อตกใจก็เท่านั้น
ลู่อี้รู้ว่าคนเฝ้าประตูพูดถูก คงไม่มีวิธีอื่นนอกจากรอมู่ซืออวี่อยู่ตรงนี้
เขาคิดว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนทั่วไปที่จะเข้ามาได้ และไม่นานนางคงจะรีบออกมา
หลังจากที่มู่ซืออวี่เข้ามาข้างใน หญิงสาวสวยสง่านางหนึ่งก็เดินเข้ามา
ใบหน้ายิ้มแย้มของนางมองดูแล้วช่างน่าหลงใหลนัก แม้ว่ามู่ซืออวี่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีรอยปะและมีตะกร้าสะพายหลังดูไม่เข้ากับร้านค้าที่งดงามแห่งนี้ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของการดูถูกเหยียดหยามจากสายตาของคนตรงหน้า
“ฮูหยิน ท่านมาตามหาคนหรือ?”
มู่ซืออวี่ชื่นชมอีกฝ่ายที่มีความฉลาดทางอารมณ์เป็นอย่างสูง
นางแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นไปทั้งตัว ทั่วทั้งตัวไม่มีเครื่องประดับใด ๆ เลยแม้แต่น้อย สภาพนางดูไม่เหมือนคนที่จะสามารถซื้อสิ่งของเหล่านี้ได้เลย
ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ผลีผลามถามว่า ‘ลูกค้า ท่านจะซื้ออะไร?’ เพราะหากนางไม่มีปัญญาจ่าย การถามเช่นนี้จะไม่เป็นการทำให้นางกระดากอายหรอกหรือ? และยังไม่ได้ถามว่า ‘ท่านมาผิดที่หรือเปล่า?’ อีกด้วย เพราะนั่นเท่ากับว่าไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
อีกฝ่ายเพียงแค่ถามนางว่ามาหาคนใช่หรือไม่ และไม่ว่าจะใช่หรือไม่นั้นนางก็จะอธิบายว่ามาด้วยเหตุใด คนถามจะได้รู้ว่านางมาทำอะไรและไม่สร้างปัญหาให้ใคร
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน คนที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงก็เป็นที่ชื่นชอบได้ง่าย
“ข้ามาขอพบผู้จัดการของที่นี่น่ะ” มู่ซืออวี่พูด “ข้ามีกิจการที่อยากทำร่วมกับนาง”
หอหลิงอวิ๋นเป็นร้านค้าขายเครื่องประดับ หากเป็นยุคปัจจุบันก็คือสถานที่ขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย ที่นี่คือลานกิจกรรมของคนรวย ดังนั้นลูกจ้างที่ขายของให้สตรีที่มีเงินเหล่านี้ต่างต้องมีรูปลักษณ์ดึงดูดใจลูกค้าเช่นกัน
มู่ซืออวี่เห็นว่าที่นี่มีลูกจ้างอยู่ไม่น้อย พวกนางล้วนมีลูกค้าให้คอยต้อนรับ เห็นได้ชัดว่ากิจการที่นี่ดีมาก อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมเช่นนี้แต่พวกนางก็ไม่คิดดูถูกผู้อื่น ทำให้มู่ซืออวี่ตั้งตารอที่จะได้พบกับผู้จัดการของที่นี่
“ฮูหยิน โปรดรอสักครู่“ ลูกจ้างร้านยิ้มแย้ม “ข้าขอไปถามนางก่อน”
มู่ซืออวี่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับ และเมื่อลูกจ้างร้านเดินไปหลังร้านเพื่อตามคน นางเองก็ได้แต่มองหาที่นั่ง
ครั้นมีคนนำน้ำชามาให้ มู่ซืออวี่จึงกล่าวขอบคุณพลางรับถ้วยน้ำชามาถือไว้
“แม่นางหรูอวิ๋น เกิดอะไรขึ้นกับหอหลิงอวิ๋นของพวกเจ้า? นี่เจ้าปล่อยให้คนประเภทไหนก็เข้ามาได้งั้นรึ?” น้ำเสียงแข็งกร้าวพลันดังขึ้น
“แม่นมเฟิง หอหลิงอวิ๋นของเรามีกฎในการดูแลลูกค้า เพียงแค่ท่านก้าวเท้าผ่านประตูของหอหลิงอวิ๋นเข้ามา ท่านก็คือลูกค้าของเราแล้ว แม้ว่าท่านจะเข้ามาเพื่อดื่มน้ำสักแก้ว พวกเราก็จะปฏิบัติต่อท่านอย่างดี” แม่นางหรูอวิ๋นตอบอย่างสุภาพนิ่มนวล
“พวกเจ้าช่างใจกว้างนัก คนประเภทไหนก็ปล่อยให้เข้ามาได้ ไม่กลัวว่ากลิ่นเหม็นเน่าที่คละคลุ้งไปทั่วจะมาติดแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเลยสักนิด” แม่นมเฟิงมองมู่ซืออวี่ด้วยสายตารังเกียจ
มู่ซืออวี่หยิบชาขึ้นมาดื่มด้วยความเพลิดเพลิน ก่อนจะพูดอย่างเกียจคร้านว่า “ แม่นมอาวุโสท่านนั้นพูดถูกแล้ว หอหลิงอวิ๋นของพวกท่านน่ะช่างใจกว้างนัก ใคร ๆ ก็เข้ามาได้ บางคนเบื้องหน้าอาจดูเป็นแม่นม แต่เบื้องหลังไม่รู้ว่าเขาคนนั้นทำเรื่องอะไรไว้ หอหลิงอวิ๋นก็ยังต้อนรับเขาด้วยความสุภาพเช่นนี้”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!” สีหน้าของแม่นมเฟิงครึ้มลง
“ข้าพูดอะไรน่ะหรือ? ข้าไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย!” มู่ซืออวี่ยิ้มให้แม่นมเฟิง
เวลานี้ชิวซวงได้เดินกลับมาพร้อมกับสาวน้อยนางหนึ่ง ครั้นเห็นมู่ซืออวี่กำลังมีเรื่องวิวาทจึงคิดอยากจะเข้าไปห้ามทัพสงบศึก แต่สาวน้อยที่มาด้วยกันนั้นได้ห้ามนางเอาไว้
“คุณหนู ฮูหยินท่านนี้เมื่อสักครู่ยังสุภาพมีมารยาทดีอยู่เลย ไม่มีวี่แววที่จะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับใคร คิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตาก็ก่อเรื่องเสียแล้ว ให้ข้าเชิญออกไปดีไหมเจ้าคะ?” ชิวซวงกล่าว
เจิ้งซูอวี้ส่ายหน้า “นางน่าสนใจดีออก”
เห็น ๆ อยู่ว่าอีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะเต็มไปหมด แต่มานั่งร้านที่แสนหรูหราแห่งนี้ได้อย่างสบายใจ พกความมั่นใจมาเต็มร้อย ไม่มีทีท่าว่าจะอึดอัดหรือประหม่าเลยแม้แต่น้อย ช่างเป็นคนที่แตกต่างจากคนทั่วไปยิ่งนัก
ทางฝั่งแม่นมเฟิง ก่อนหน้านี้ยังดูวางท่า แต่คำพูดเพียงไม่กี่คำก็สยบอารมณ์ที่คุกรุ่นของนางลงทันที ดวงตาของนางหลุกหลิกราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่างและดูแปลกชอบกล
“แม่นมท่านนี้มีภูมิหลังเช่นไร?” เจิ้งซูอวี้ถาม
“นางและเจ้านายของนางมาจากเมืองหลวง คนพูดกันว่าโชคชะตาเล่นตลกกับตระกูลนี้ พวกเขากำลังตกต่ำ ต้องย้ายกลับไปตั้งรกรากที่บ้านเกิดในเซียงหยาง แต่ว่าในมือไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว พวกเขาก็เลยต้องเอาเครื่องประดับเก่าแก่ของตระกูลมาให้พวกเราหลอมแล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับแบบใหม่”
“เมื่อวานซืนท่านพ่อบอกว่าพี่ใหญ่ได้รับรายการสั่งซื้อรายการใหญ่ คงหมายถึงรายการนี้สินะ?”
“ใช่เจ้าค่ะ นางเป็นเจ้าของรายการสั่งซื้อที่คุณหนูใหญ่ได้รับมา ตอนนี้ดำเนินการตามรายการสั่งซื้อไปแล้ว วันนี้แม่นมเฟิงตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาดูสินค้าแบบใหม่ เหลือเพียงแค่รอทางนั้นยืนยัน ทางเราก็สามารถเริ่มงานได้เลยเจ้าค่ะ”
เจิ้งซูอวี้หันไปทางมู่ซืออวี่แล้วจึงเดินตรงไปหา
มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าที่งดงามและมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามืออยู่ตรงหน้า เมื่อได้เห็นใบหน้าของเจิ้งซูอวี้ นางถึงกับต้องตกตะลึง
สวยเหมือนนางในวรรณคดีเลย!
นางอาศัยอยู่ในยุคสมัยนี้มาก็นาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นสาวงามดั่งนางในวรรณคดีที่สง่างามตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นนี้
“ฮูหยิน ท่านผู้นี้ก็คือผู้จัดการของที่นี่เจ้าค่ะ” ชิวซวงแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
“ข้าแซ่เจิ้ง หากท่านไม่รังเกียจ โปรดเรียกข้าว่าซูอวี้” เจิ้งซูอวี้ยิ้มแย้ม
“สวัสดีแม่นางซูอวี้” มู่ซืออวี่ยืนขึ้นทักทายอีกฝ่าย “ข้าแซ่มู่ หากไม่รังเกียจโปรดเรียกข้าว่าซืออวี่”
“พี่ซืออวี่” เจิ้งซูอวี้ยิ้ม “ได้ยินว่าพี่มาหาข้าเพื่อคุยเรื่องกิจการ…”
“ที่นี่ไม่เหมาะจะเป็นสถานที่ให้พวกเราคุยเรื่องกิจการ เราสามารถไปคุยกันที่อื่นได้หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม
“ได้เจ้าค่ะ เชิญทางนี้”
เจิ้งซูอวี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้รู้สึกอยู่ตลอดว่าในตัวฮูหยินบ้าน ๆ คนนี้มีพลังงานลี้ลับบางอย่างที่ทำให้อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อไป หญิงคนนี้ทำให้คนอื่นอยากค้นหาชอบกล
มู่ซืออวี่เดินไปได้สองสามก้าวก็เอ่ยกับชิวซวงว่า “แม่นาง สามีข้ามาที่นี่มาด้วย เขาแบกแพะมาด้วยตัวหนึ่ง คงน่าจะโดนคนเฝ้าประตูห้ามไม่ให้เข้ามา ไม่ทราบว่าแม่นางช่วยหาที่ทางให้เขาได้พักสักครู่จะได้หรือไม่? ข้าคิดว่าคงไม่ได้กลับออกไปเร็ว เกรงว่าเขารออยู่ข้างนอกจะเป็นห่วงข้าน่ะ”
ชิวซวงได้ยินแล้วก็หันไปมองเจิ้งซูอวี้
เจิ้งซูอวี้พยักหน้าเบา ๆ พลางยิ้มหวาน “ฮูหยินโปรดวางใจ ชิวซวงจะดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน”
ที่ห้องหนังสือ
คนรับใช้ของเจิ้งซูอวี้ไม่เพียงแต่นำน้ำชามาบริการเท่านั้น แต่ยังนำของว่างมาให้ด้วย
“ฮูหยิน เชิญเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่เห็นเช่นนั้นก็เร่งรีบขอบคุณ ช่างแตกต่างจากท่วงท่าที่ค่อย ๆ ดื่มชาเมื่อครู่นี้ยิ่งนัก
นางรีบนำสินค้าของนางออกมาทันที
“แม่นางซูอวี้ โปรดลองดูสิ่งนี้”
เมื่อเจิ้งซูอวี้ได้เห็นหีบที่มีลวดลายวิจิตรงดงามรอบด้าน แววตาก็เปล่งประกายด้วยความตะลึง
มู่ซืออวี่ผลักหีบไปใกล้ ๆ เจิ้งซูอวี้ อีกฝ่ายจึงถือโอกาสคว้ามันมาลูบคลำลวดลายบนหีบที่สมบูรณ์ไร้ที่ติอย่างทะนุถนอม “สวยมาก!”
ไม่ต้องคิดว่าหีบนี้นำไปใช้อะไรได้บ้าง เพียงแค่พิจารณาจากลวดลายบนหีบแล้ว หีบใบนี้ก็คือผลงานศิลปะดี ๆ นี่เอง
มู่ซืออวี่ไม่ได้เร่งเร้าชี้ชวน นางปล่อยให้เจิ้งซูอวี้พิจารณาจนกว่าจะพอใจ