สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 558 เผ่นหนีไป
บทที่ 558 เผ่นหนีไป
บทที่ 558 เผ่นหนีไป
“ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องต้องจัดการ วันนี้ก็แล้วไปเถิด วันหน้าข้าค่อยเชิญพวกเจ้าไปทานข้าว”
ฟ่านเหยี่ยนลดผ้าม่านลง แล้วเอ่ยกับคนขับรถม้า “ไปเถอะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นมองรถม้าเคลื่อนห่างออกไปเรื่อย ๆ ภายในสมองของนางเต็มไปด้วยความสับสน
นี่มันสถานการณ์อันใด?
ท่าทีของฟ่านเหยี่ยนเมื่อครู่นี้แปลกออกไปเล็กน้อย
“เช้าวันนี้ ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เซวียนอ๋อง” เซี่ยชิงโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เกรงว่าเซวียนอ๋องจะยินดีมากจึงต้องการเชิญสหายไปเฉลิมฉลองด้วยกัน โชคไม่ดีที่เปลี่ยนใจเสียก่อน น่าเสียดายยิ่งนัก”
เซี่ยเฉิงจิ่นปรายตามองเซี่ยชิงโจวแวบหนึ่ง
เซี่ยชิงโจวแสดงสีหน้าใสซื่อบริสุทธ์ “อะไรกัน? ท่านไม่รู้สึกว่าน่าเสียดายหรือ?”
“ข้าน้อยขอตัวก่อนแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย
“ตอนนี้ได้เวลาทานอาหารกลางวันพอดี เจ้าไม่เชิญพวกเราไปกินข้าวหน่อยหรือ?” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยหน้าตาย “ภัตตาคารความหวังแห่งวสันตฤดูเพิ่งเปิด ข้าจองที่นั่นไม่ได้ ได้ยินว่าเจ้าของที่นั่นมีสายสัมพันธ์กับมารดาเจ้า”
ลู่จื่ออวิ๋นมองไปด้านข้าง “ท่านซื่อจื่อ บ้านท่านอยู่ตรงหน้าแล้ว ไยท่านไม่กลับเข้าไปทานข้าวเล่า?”
“เบื่อแล้ว อยากลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ”
“หึ ๆ” เซี่ยชิงโจวหลุดเสียงหัวเราะออกมา
เขาใช้พัดปิดบังสีหน้าของตน กะพริบตาปริบ ๆ “ข้ายังไม่ได้กล่าวอันใดนะ”
ลู่จื่ออวิ๋นไม่อาจกล่าวว่า ‘ข้าไม่อยากเชิญพวกท่านไปทานข้าว’ จึงทำได้เพียงพาพวกเขาไปยังภัตตาคารความหวังแห่งวสันตฤดู
ภัตตาคารความหวังแห่งวสันตฤดูเนืองแน่นไปด้วยลูกค้า ทว่าอย่างที่เซี่ยเฉิงจิ่นได้กล่าวเอาไว้ เจ้าของที่นี่รู้จักกับสกุลลู่ จึงหาห้องปีกข้างให้พวกเขาอย่างกระตือรือร้น
“ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้เซวียนอ๋องหมั้นหมายกับสตรีจากสกุลหยาง วันแต่งใกล้เข้ามาแล้ว เดือนหน้าก็จะเข้าพิธีแต่งงาน”
“ช้าก่อน” ลู่จื่ออวิ๋นมองเซี่ยเฉิงจิ่น “เหตุใดท่านซื่อจื่อจึงต้องบอกเรื่องเหล่านี้กับข้า?”
“ข้าเห็นว่าพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีต่อกัน จึงบอกสถานการณ์ยามนี้ให้เจ้าฟังเสียหน่อย” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยนิ่ง ๆ “เป็นข้าที่วุ่นวายมากไปแล้ว”
“มิได้ ขอบคุณในความหวังดีของท่านซื่อจื่อ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ มิเช่นนั้นพวกท่านทานอยู่ที่นี่ ค่าอาหารจดบัญชีข้าไว้ ข้าขอตัวก่อน”
“เดิมทีข้าคิดจะเจรจาเรื่องคำสั่งซื้อกับเจ้า ตอนนี้ดูเหมือนหอซือเป่าไม่ได้ขาดแคลนคำสั่งซื้อ เช่นนั้นข้าจะ…”
“เชิญท่านซื่อจื่อ จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าเรื่องที่ข้าต้องทำไม่ได้สำคัญนัก มิจำเป็นต้องรีบร้อนไปจัดการ” ลู่จื่ออวิ๋นเผยรอยยิ้มออกมา
หมู่นี้หอซือเป่ามีภารกิจใหม่คือ ‘ศิษย์รัก’ ทุกคนจะต้องจะต้องนำผู้ช่วยที่มีในมือปิดคำสั่งซื้อให้ได้มากที่สุด ในระยะเวลาหนึ่งเดือน ผู้ที่ได้รับคำสั่งซื้อและปิดงานได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
นางในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของท่านเจ้าหอ ย่อมถูกคนมากมายจับตามอง แน่นอนว่าไม่อาจละเลยหน้าที่ของตนได้
เซี่ยชิงโจวสั่นศีรษะเบา ๆ
แม่นางน้อยที่น่าสงสารถูกเจ้าคนผู้นี้ต้องตาเสียแล้ว
ฟ่านเหยี่ยนกลับมายังจวนอ๋อง ทันทีที่เข้าไป พ่อบ้านก็เข้ามาต้อนรับเขาในทันที
“ท่านอ๋อง พระนางส่งแม่นางผู้นั้นมาแล้ว”
“โยนออกไป” สิ้นคำ ฟ่านเหยี่ยนก็เห็นดรุณีในชุดจงกวง*[1] สีชมพูเดินเข้ามาค้อมคำนับเขา
ฟ่านเหยียนมองใบหน้าของนาง ลังเลใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ย “เจ้า อวิ๋นซวง?”
“อวิ๋นซวงคารวะท่านอ๋อง” จ้าวอวิ๋นซวงเอ่ยเสียงค่อย
พ่อบ้านมองจ้าวอวิ๋นซวงด้วยสายตาประหลาดใจ
ดูเหมือนแม่นางน้อยผู้นี้จะมิจำเป็นต้องโยนออกไปแล้ว
แม่นางน้อยผู้นี้ผอมบางอ่อนแอ ประหนึ่งเพียงลมพัดผ่านนางก็จะล้มลง ทว่าดวงตาคู่นั้นของนางงดงาม กลับส่อแววดื้อดึงไม่ยอมจำนน
“เสด็จแม่ของข้าส่งเจ้ามาที่นี่กระมัง?”
“เพคะ” จ้าวอวิ๋นซวงตอบ “พระนางกล่าวว่าท่านอ๋องไม่มีผู้ใดคอยปรนนิบัติข้างกาย จึงให้บ่าวมาปรนนิบัติท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นก็รั้งอยู่เถอะ!” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยแล้วเดินไปยังห้องตำรา
ในคืนนั้น เมื่อรู้ว่าฟ่านเหยี่ยนกำลังจะแต่งงาน มู่ซืออวี่ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง นางทั้งกอดและจูบลู่อี้อยู่พักหนึ่ง
ลู่อี้ปาดน้ำลายบนใบหน้าเขาออก มองมู่ซืออวี่ที่ราวกับเป็นเด็กผู้หนึ่งอย่างอับจนปัญญา
“ตอนนี้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของเราปลอดภัยแล้ว”
“เขาเป็นท่านอ๋อง แต่งงานแล้วก็ยังสามารถรับอนุได้”
“เขากล้าหรือ!” มู่ซืออวี่โอบแขนรอบเอวสามี “มิถูก เขารับอนุได้ ทว่าคนผู้นั้นไม่อาจเป็นลูกสาวของเรา หากเขากล้าแม้แต่จะคิด ข้าจะทำให้เขาได้รู้ว่าวิกฤตทางการเงินเป็นอย่างไร”
ขณะที่มู่ซืออวี่กล่าวเช่นนี้ นางกลับคิดว่าตนยังทำงานไม่มากพอ กิจการของนางยังไม่ใหญ่โตถึงขนาดส่งผลกระทบต่อราชสำนักที่ยิ่งใหญ่เพียงนั้นได้
ไม่ได้การ! นางต้องขยายกิจการของนางไปทั่วทุกหัวระแหง เช่นนี้หากนางไม่สบอารมณ์ คนในราชสำนักจะได้รู้ซึ้งถึงความสามารถในการเปลี่ยนเมฆให้กลายเป็นฝนของผู้ทำการค้า!
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ยังเล็ก ถึงแม้เขาจะมีใจคิดเช่นนั้น สองสามปี้นี้ย่อมไม่มีทางเคลื่อนไหวได้” ลู่อี้เอ่ย “นอกจากนั้น หลังจากถูกปลุกปั่นเพราะเรื่องนี้ เจ้าเด็กคนนั้นยังต้องจัดการกับมันด้วย”
“ข้าไม่สน หลายปีต่อจากนี้ท่านก็พยายามเลื่อนขั้นเสีย หากอีกสองสามปีข้างหน้าเขาคิดจะลงมือ เช่นนั้นก็ทำให้เขาลงมือไม่ได้” มู่ซืออวี่กระชับกอดลู่อี้ “ดีหรือไม่? ท่านพี่”
“ได้ เจ้าว่าอย่างไรล้วนดีทั้งสิ้น” ลู่อี้เอ่ย “ขอแค่เพียงมีข้าอยู่ ย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ใดรังแกลูกของเรา”
มู่ซืออวี่ประคองแก้มของลู่อี้ไว้แล้วจูบลงไปอีกสองสามรอบ
ลู่อี้ชี้ไปที่ริมฝีปากของตน “ตรงนี้ด้วย…”
มู่ซืออวี่มองท่าทางราวกับเด็กของเขาแล้วหัวเราะออกมา “ฝันไปเถิด!”
“เช่นนั้นข้าคงต้องทำเองแล้ว” ลู่อี้โน้มตัวลงไป
ลู่จื่อชิงกระดกก้นพิงกับประตูเพื่อแอบมอง ทว่าตรงนั้นมีฉากบังตาจึงได้ยินเพียงเสียงเท่านั้น สิ่งอื่นล้วนมองไม่เห็น
แขนสองข้างอุ้มนางขึ้นมา
ลู่จื่อชิงกะพริบตาปริบ ๆ มองดูเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้านาง
“อู้…”
เพียงแค่นางกำลังจะเปล่งเสียงออกมาเท่านั้นเอง ลู่ฉาวอวี่พลันปิดปากนางไว้
ลู่ฉาวอวี่อุ้มลู่จื่อชิงแล้วออกมาจากตรงนั้น
แม่นมกล่าวว่าลู่จื่อชิงหนีไปที่เรือนหลัก นางไม่กล้าเข้าไปตามหา ขณะที่ร้อนใจอยู่นั้น ลู่ฉาวอวี่ก็กลับมาพอดี เขาจึงมานำตัวแม่สาวน้อยกลับไป
“คิก ๆ ของอร่อย” ลู่จื่อชิงค้นหาไปทั่วแขนเสื้อของลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่ปล่อยให้นางหาไป เมื่อพานางกลับมาถึงห้อง ลู่จื่อชิงก็หาขนมห่อหนึ่งออกมาได้แล้ว
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือยัง?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถามสาวใช้ข้าง ๆ เขา
สาวใช้จึงเอ่ยตอบ “เรียนนายน้อย คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เชิญนางมาที่นี่”
“เจ้าค่ะ”
ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งวาดภาพที่นางออกแบบเสร็จ เมื่อได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่เรียกหา นางจึงให้ติงเซียงไปนำเป็ดย่างที่ซื้อมาจากข้างนอกไปที่เรือนของลู่จื่อชิง
“ท่านพี่ วันนี้ท่านกลับมาเร็วจริง ๆ” ลู่จื่ออวิ๋นถกชายกระโปรงขึ้นน้อย ๆ จากนั้นเยื้องย่างเข้ามาทีละก้าว
ลู่ฉาวอวี่พลันตกตะลึง
ในความทรงจำของเขา น้องสาวของตนยังเป็นเพียงเจ้าหนูน้อยที่คอยดึงชายเสื้อ บัดนี้อากัปกิริยาของนางกลับสง่างามทั้งยังนุ่มนวล
เขานึกถึงฟ่านเหยี่ยนที่เมามายและจับแขนเขาไม่ยอมวาง
“ข้าซื้อขนมมาเล็กน้อย มาลองชิมดูเถอะ”
“ดีเลย! ข้าซื้อเป็ดย่างมา ทานด้วยกันเถอะ”
มู่ซืออวี่และลู่อี้ล้วนยุ่งทั้งสองคน วันปกติสามพี่น้องมักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะลู่ฉาวอวี่ ขอเพียงแค่น้องสาวทั้งสองยังไม่พักผ่อน เขาก็จะไปพบพวกนาง
ลู่จื่อชิงกอดคอลู่ฉาวอวี่เอาไว้ ในมือถือขาเป็ด ในปากนางก็ยังเต็มไปด้วยเนื้อมัน ทว่าเจ้าตัวกลับหลับไปทั้งสภาพเช่นนี้
แม่นมพาตัวนางไปแล้ว
ลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋นจึงกลับออกมาเช่นกัน
“เซวียนอ๋องจะ…”
“เซวียนอ๋องจะแต่งงาน ข้ารู้แล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขัดคำพูดเขาขึ้นมา “เหตุใดเซวียนอ๋องจะแต่งงาน ทุกคนล้วนต้องมาบอกข้า ไม่ใช่ว่าข้าต้องแต่งงานเสียหน่อย”
“ใช่ ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า” ลู่ฉาวอวี่ลูบผมนางเบา ๆ “เหตุใดเจ้ายังไม่สูงขึ้นอีกนะ?”
ลู่จื่ออวิ๋นจ้องพี่ชายผู้ที่สูงกว่านางหนึ่งช่วงศีรษะด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องโกรธ ไม่สูงขึ้นอย่างไรก็ยังคงเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่รังเกียจเจ้า” ลู่ฉาวอวี่ยิ้มบาง ๆ
ในโลกนี้ผู้ที่ทำให้ลู่ฉาวอวี่แสดงสีหน้าเช่นนี้ได้มีเพียงน้องสาวคนนี้เท่านั้น
ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้น…
นางก็เขย่งเท้าขึ้นไปลูบแก้มลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่ชะงักค้างไปแล้ว
มือของลู่จื่ออวิ๋นมันแผล็บ อีกทั้งยังมีกลิ่นเหมือนเนื้อเป็ดอีกด้วย
“ท่านพี่ พักผ่อนเร็ว ๆ ล่ะ” ลู่จื่ออวิ่นเผ่นหนีไปแล้ว
[1] ชุดจงกวง คือเครื่องแต่งกายที่สตรีในพระราชวังใส่ ใช้สำหรับพระชายาและองค์หญิง