สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 56 หอมกลิ่นเงิน
บทที่ 56 หอมกลิ่นเงิน
บทที่ 56 หอมกลิ่นเงิน
ลู่อี้เห็นว่ามู่ซืออวี่เข้าไปนานมากแล้วแต่ยังไม่ออกมา เขาจึงผูกแพะป่าไว้ตรงเสาที่อยู่ด้านข้างแล้วเตรียมที่จะเข้าไปดูสถานการณ์
ลูกจ้างในร้านเปิดประตูมองดูลู่อี้ด้วยสีหน้าลำบากใจ “พี่ชาย หากผูกแพะไว้ตรงนี้ ลูกค้าที่เข้าออกจะตกใจได้นะ เหตุใดไม่จัดการมันก่อนแล้วค่อยเข้าไปล่ะ?”
“ข้าไม่เข้าไปหรอก เจ้าช่วยข้าตามหานางที” ลู่อี้กล่าว “นางแบกตะกร้าไว้บนหลัง…”
“นั่นอาจารย์ลู่ใช่หรือไม่?” ชิวซวงค่อย ๆ เดินซอยเท้ามาพร้อมรอยยิ้มหวาน “ฮูหยินมู่กำลังคุยงานอยู่กับพี่รองของพวกเรา นางกำชับถึงอาจารย์ลู่ที่ยังอยู่หน้าประตู หากว่าอาจารย์ลู่ไม่รังเกียจ ด้านข้างมีประตูเล็กอยู่ เหตุใดไม่เอาแพะไปไว้ในห้องรับรองแล้วนั่งรอสักประเดี๋ยวล่ะ?”
“คุยเรื่องงานกันอยู่หรือ?” ลู่อี้เข้าประเด็นสำคัญทันที
นางเข้าไปพบคนที่อยู่ข้างใน อีกทั้งยังคุยเรื่องงานกับอีกฝ่าย?
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ชิวซวงรู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของลู่อี้ นางชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้เสียมารยาทกับผู้อื่น
สามีภรรยาคู่นี้ไม่เหมือนผู้คนธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูธรรมดา แต่ต่อไปพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน พี่รองพูดถูก การเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ
ในห้องหนังสือ
มู่ซืออวี่เปิดหีบหลายใบพลางแนะนำประโยชน์ของหีบแต่ละใบให้เจิ้งซูอวี้ทราบ
“หีบนี้ใช้เก็บปิ่นปักผมเป็นพิเศษ แม่นางซูอวี้เชิญชมดูก่อน ปิ่นปักผมรูปแบบต่าง ๆ จะถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ สะดวกต่อการหยิบใช้ มองเห็นได้อย่างชัดเจน สำหรับหญิงสาวที่ชื่นชอบเครื่องประดับ การได้เห็นปิ่นปักผมสวย ๆ ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกดีไม่ใช่หรือ?
“ส่วนนี่สำหรับวางสร้อยข้อมือ…”
“แล้วนี่คือปิ่นปักผม สร้อยข้อมือ ต่างหู เครื่องประดับหน้าผาก… เครื่องประดับทั้งหมดถูกเก็บแยกเป็นชุด หากเก็บไว้เช่นนี้ เครื่องประดับคู่ใจของท่านก็จะได้ไม่กระทบกัน ทั้งยังดูงดงามอีกด้วย…”
มู่ซืออวี่ทำหีบขึ้นมาทั้งหมดห้าใบ แต่ละหีบมีการใช้งานที่แตกต่างกัน หีบเหล่านี้ไม่เพียงแต่สวยงามที่ภายนอกเท่านั้น ทว่าภายในยังละเอียดอ่อนมากเช่นกัน ช่องเล็ก ๆ แต่ละช่องมีกระดุมกลัดอยู่เพื่อไม่ให้เกิดการกระแทกกัน
“หีบนี้ดีจริง ๆ แต่ร้านพวกข้าขายเครื่องประดับ หีบพวกนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์สำหรับพวกข้านะ”
เจิ้งซูอวี้ไม่ใช่ผู้ที่จะถูกชักจูงได้ง่าย แต่ถึงอย่างไรแล้วความรู้สึกดีที่ได้รับมาย่อมต้องส่งคืนกลับไปด้วยความรู้สึกที่ดีเช่นกัน
“แม่นางซูอวี้ เช่นนั้นพวกเราลองดูว่าจะเป็นอย่างไรดีหรือไม่?” มู่ซืออวี่ยังคงแนะนำต่อไป “ท่านวางหีบพวกนี้ไว้บนตู้แสดงสินค้า แล้วใส่เครื่องประดับทุกแบบลงไป อย่างเช่นหีบนี้สำหรับปิ่นปักผม ท่านก็ใส่ปิ่นปักผมสิบอัน หีบนี้สำหรับใส่สร้อยข้อมือ ท่านก็วางลงในช่องที่มีกระดุมกลัดอยู่ให้เต็ม อย่างอื่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องพูด ให้ใช้หลักการเดียวกัน รอดูผลตอบรับที่นี่สักหนึ่งก้านธูปว่าจะเป็นอย่างไร?”
เจิ้งซูอวี้เผยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ได้! ข้าไม่มีอะไรทำพอดี มาดูกันว่าลูกค้าจะพูดว่าอย่างไร”
เจิ้งซูอวี้ให้คนรับใช้เรียกชิวซวงขึ้นมา
เมื่อชิวซวงขึ้นมาถึงก็ฟังคำสั่งของเจิ้งซูอวี้
“แม่นางชิวซวง…” มู่ซืออวี่เรียกให้นางหยุด ก่อนจะโน้มตัวไปกระซิบที่หูชิวซวง
เจิ้งซูอวี้ยิ้มพลางเอ่ยถามว่า “พี่ซืออวี่พูดอะไรกับชิวซวงหรือ?”
“อีกเดี๋ยวแม่นางซูอวี้จะได้รู้เองในภายหลัง”
หลังจากนั้น เจิ้งซูอวี้จึงกล่าวว่า “ข้ายังต้องตรวจสอบสมุดบัญชี พี่ซืออวี่นั่งพักทานอะไรก่อนเถิด ข้าขอตัวก่อน”
เวลานี้ลู่อี้นั่งอยู่ในห้องรับรองโดยไม่คิดที่จะแตะต้องขนมที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขานั่งท้าวศอกพลางลูบแพะป่าที่อยู่ตรงเท้าของตนด้วยท่าทางเกียจคร้านเหมือนสิงโตเซื่องซึม ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นความสูงส่งที่แผ่ออกมาจากตัวเขา
เหตุใดจึงนานเช่นนี้?
ถ้าไม่มีการเจรจา ถึงเวลาก็ควรต้องออกมา หรือต่อให้มีการเจรจา ป่านนี้ก็ควรจะออกมาได้แล้ว
“เกิดเรื่องที่ตู้วางสินค้าเจ้าค่ะ” คนรับใช้ที่อยู่ด้านนอกกล่าว
“อะไรนะ?”
“ไม่คาดคิดเลยเจ้าค่ะว่าจะเป็นเช่นนี้…”
“พูดต่อเร็วเข้า อย่าเงียบสิ”
“มีฮูหยินคนหนึ่งซื้อปิ่นปักผมสิบอันในคราวเดียว ส่วนลูกค้าอีกท่านหนึ่งซื้อเครื่องประดับทั้งชุด…”
“ดูท่าจะได้เจอลูกค้ารายใหญ่เข้าแล้วสินะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะหีบพวกนั้นต่างหาก ข้าได้ยินมาจากคนข้างหน้าว่าลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองซื้อเครื่องประดับไปเพราะหีบ…”
ความประหลาดใจฉายวาบผ่านแววตาของลู่อี้
นางทำสำเร็จแล้ว?!
หีบที่ทำขึ้นอย่างวิจิตรงดงามเหล่านั้นมีเจ้าของแล้วจริง ๆ
ภายในห้องหนังสือ เจิ้งซูอวี้ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วเช่นกัน นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับผลลัพธ์ แต่ก็คาดเดาว่ามันคงจะเป็นเช่นนี้ เพราะมู่ซืออวี่ดูมั่นใจในตัวเองมาก หากไม่ประสบความสำเร็จก็คงจะแปลก
“พี่ซืออวี่คิดไว้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้อยู่แล้วหรือ?” เจิ้งซูอวี้เอ่ยถาม “เหตุใดถึงมั่นใจนัก?”
“แม่นางซูอวี้เคยไปร่วมงานเลี้ยงหรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามกลับ
“แน่นอนสิ”
“ตอนที่แม่นางซูอวี้เปลี่ยนชุดใหม่ คิดหรือไม่ว่าหากเปลี่ยนรองเท้าที่เข้าคู่กันก็คงจะดีกว่า? หลังจากเปลี่ยนรองเท้า รู้สึกหรือไม่ว่าควรมวยผมใหม่? หลังจากมวยผมแล้ว ยังต้องการเครื่องประดับศีรษะชิ้นใหม่ หลังจากได้เครื่องประดับศีรษะชิ้นใหม่ ก็ยังต้องมีกำไลข้อมือ จี้หยก… ต้องเปลี่ยนทั่วทั้งกายจนรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้เปลี่ยนแล้ว ถึงค่อยยินดีไปร่วมงานเลี้ยง”
“ดูท่าว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ข้ามักจะรู้สึกว่าปิ่นดอกไม้สีทองของเมื่อวานไม่เข้ากับทรงผมใหม่ในวันนี้ หลังจากเปลี่ยนเป็นปิ่นดอกไม้สีทองชิ้นใหม่ ก็ยังรู้สึกว่าเครื่องประดับที่ใส่ยังไม่เข้ากับเครื่องประทินโฉมที่เตรียมไว้ ข้ายังเคยคิดอยากจะเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ”
“ลูกค้าก็คิดแบบนี้เช่นกัน ชีวิตก็คือการเก็บสะสมอย่างไม่มีสิ้นสุด กาน้ำชาใหม่ก็ควรคู่กับแก้วชาใหม่ ชุดใหม่ก็ควรคู่กับรองเท้าใหม่ หีบที่ทำขึ้นอย่างประณีตของข้าก็ควรวางเข้ากับเครื่องประดับที่ซื้อมาใหม่ หีบของเรามีช่องให้เติมมากมาย หากใส่ลงด้านในให้เต็มก็จะทำให้รู้สึกดี ลูกค้าที่มาซื้อเครื่องประดับที่หอหลิงอวิ๋น แน่นอนว่าสนใจเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรให้ตนเองสบายใจ”
“แล้วเมื่อครู่ท่านกระซิบอะไรกับชิวซวง?”
“ข้าให้นางบอกกับลูกค้าว่าถ้าซื้อทั้งชุด ไม่เพียงแค่แถมหีบเท่านั้น แต่จะได้ราคาถูกกว่าการซื้อของแค่ชิ้นเดียว ใช่ว่าจะสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกเช่นนี้ตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ชอบที่จะได้ยินคำว่า ‘คุ้มค่าที่สุด’ เมื่อได้ยินว่านี่คือราคาถูกที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ลูกค้าก็ไม่ลังเลที่จะซื้อหีบสวย ๆ เป็นของแถมอีกต่อไป”
“พี่ซืออวี่ ท่านเกิดมาเพื่อเป็นแม่ค้าแท้ ๆ ข้าขอคบค้าด้วยคน” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ข้าก็สนใจหีบของท่านมากเช่นกัน ท่านวางแผนจะขายมันอย่างไร?”
“ใบหนึ่ง 100 อีแปะ ห้าใบก็ 500 อีแปะ” มู่ซืออวี่ยิ้ม “แต่เพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ข้าจะให้ราคาที่ดีที่สุดแก่เจ้า 480 อีแปะ ตกลงไหม?”
เจิ้งซูอวี้หัวเราะ “ตกลง”
เครื่องประดับที่ถูกที่สุดในหอหลิงอวิ๋นคือต่างหูข้างหนึ่งที่มีราคาหนึ่งถึงสองตำลึง ซึ่งสำหรับเจิ้งซูอวี้ 100 อีแปะนั้นถือได้ว่าถูกมาก เมื่อครู่กำไรของหีบสองชุดทำเงินได้ถึง 32 ตำลึงเลยทีเดียว
แนวคิดนี้ของมู่ซืออวี่ทำให้เจิ้งซูอวี้ได้รับแรงบันดาลใจอีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้วกิจการของครอบครัวเจิ้งไม่เพียงมีแค่หอหลิงอวิ๋นเท่านั้น แต่ยังมีกิจการอื่น ๆ อีกมากมาย บางทีวิธีนี้อาจนำไปใช้ในกิจการอื่นก็ยังได้