สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 569 ฉวยโอกาสก่อเรื่อง
บทที่ 569 ฉวยโอกาสก่อเรื่อง
บทที่ 569 ฉวยโอกาสก่อเรื่อง
จื่อซูเห็นเช่นนี้แล้วพลันทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
“บ่าวไม่ได้ใช้แรงมากเลยนะเจ้าคะ”
มู่ซืออวี่ขยับเข้าไปมองใกล้ ๆ พลันเห็นไม้ไผ่ซี่หนึ่งปักอยู่กับอกอวี้ซื่อ
“ไปเชิญท่านหมอมาเดี๋ยวนี้!” มู่ซืออวี่หันไปสั่งการกับคนขับรถม้า “เชิญท่านหมอหลินจากฝั่งตะวันออกมา เขาเก่งเรื่องรักษาบาดแผลภายนอก”
ซี่ไม้ไผ่ชิ้นนั้นค่อนข้างแหลม มันปักเข้าไปเพียงส่วนปลายเท่านั้น อันที่จริงหากมองดูใกล้ ๆ จะพบว่ามันไม่ได้ปักเข้าไปตรงอก เพียงแต่เบี่ยงออกไปเล็กน้อย ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ภาพนี้ก็ยังคงทำให้คนตกใจได้
จื่อซูตื่นตระหนกไปแล้ว
จื่อเยวี่ยนยืนปลอบนางอยู่ข้าง ๆ
ชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นไม่รู้ที่มาที่ไป ทว่าทันเห็นจื่อซูเตะอวี้ซื่อกระเด็นออกไปเข้าพอดี จึงมองจื่อซูด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก
“ฮูหยินสกุลใดกัน? เหตุใดจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้? ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็ไม่ควรตีคนถึงตายกระมัง”
“นั่นน่ะสิ คนมั่งมีเหล่านี้เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาจริง ๆ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว นั่นฮูหยินลู่ไม่ใช่หรือ? นางทำเรื่องดี ๆ มาไม่น้อยเลย เรื่องนี้อาจมีลับลมคมในอะไรก็ได้?”
“เป็นฮูหยินลู่จริง ๆ”
รถม้าเชิญท่านหมอมาแล้ว
ท่านหมอตรวจดูบาดแผลของอวี้ซื่อแล้วขมวดคิ้ว “โชคดีที่ไม่ได้ปักลงที่กลางอกนาง หากเคลื่อนไปเล็กน้อย เกรงว่าแม้แต่เทพเซียนก็คงช่วยนางไว้ไม่ได้แล้ว หากแต่โชคไม่ดีคือสตรีนางนี้อายุมาก ข้าต้องดึงไม้ไผ่ซี่นี้ออกมา ด้วยร่างกายของนาง นางอาจจะทนไม่ได้! สรุปคือสถานการณ์ของนางอันตรายเป็นอย่างยิ่ง พวกท่านตัดสินใจเถอะ ข้าจะฟังพวกท่าน”
“แน่นอนว่าอย่างไรก็ต้องดึงออก” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ควรย้ายนางไปที่อื่นก่อนหรือไม่?”
“ไม่ผิด ตรงนี้ไม่สะอาดนัก บ้านนางอยู่ที่ใด? ส่งนางกลับบ้านเถอะ” ท่านหมอหลินเอ่ย
มู่ซืออวี่จัดการให้คนสองคนเคลื่อนย้ายอวี้ซื่อไปบนรถม้า จากนั้นจึงนั่งรถม้าไปยังบ้านของอันอี้หาง
อันอี้หางอยู่ที่บ้านพอดี เมื่อเห็นสภาพของอวี้ซื่อ เขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างกระวนกระวาย
มู่ซืออวี่เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังตามจริง
อันอี้หางขมวดคิ้ว “ท่านแม่ของข้าทำไม่ถูกก็จริง ทว่าแม่นางท่านนี้ลงมือโหดเหี้ยมไปหน่อยกระมัง”
จื่อซูคุกเข่าลงตรงหน้าอันอี้หาง “เรื่องนี้บ่าวผิดเองเจ้าค่ะ บ่าวยินดีรับการลงโทษ คุณชายอัน ท่านลงโทษข้าเพียงผู้เดียวเถิด อย่าได้ตำหนิฮูหยินของข้าเลยนะเจ้าคะ”
“จื่อซูพยายามปกป้องข้า ข้าตั้งครรภ์ แม่ท่านผลักข้าเช่นนี้ หากนางไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เกรงว่าสถานการณ์ของข้าคงอันตรายแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางจะล้มใส่ร้านแผงลอยข้างทาง ไม้ไผ่ที่หักจากร้านแผงลอยนั้นบังเอิญทิ่มเข้าที่หน้าอกของนางพอดี อย่างไรก็ตามช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า เรื่องเหล่านี้ไว้ค่อยว่ากันภายหลังเถิด”
ผ่านไปพักหนึ่ง ท่านหมอก็ออกมาจากห้องนั้น
บนมือของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด
บ่าวรับใช้จึงนำน้ำมาให้เขา
เมื่อท่านหมอหลินทำความสะอาดคราบเลือดบนมือแล้วจึงเอ่ยขึ้น “คืนนี้เป็นคืนสำคัญ หากนางผ่านค่ำคืนนี้ไปได้ คงไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรง แต่หากนางผ่านไปไม่ได้…”
หากนางผ่านไปไม่ได้จะเป็นอย่างไร เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ย ทุกคนก็เข้าใจดี
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” เสียงเย้ายวนเสียงหนึ่งดังขึ้น
เมื่อมู่ซืออวี่เงยหน้าจึงเห็นหญิงสาวหน้าตางดงามเย้ายวนผู้หนึ่งมานั่งลงตรงข้าม
อันอี้หางสาวเท้าเข้าไปหานาง แล้วเอ่ยกระซิบเสียงเบา “เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ที่นี่เป็นบ้านข้า เหตุใดข้าจะมาไม่ได้?” หญิงสาวคนนั้นเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “กลัวข้าเห็นเพียงนี้ คงไม่ใช่ทำอะไรลับหลังข้ากระมัง?”
“อย่าได้พูดจาเหลวไหล” อันอี้หางเอ่ย “ที่นี่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น วุ่นวายเล็กน้อย เจ้ากลับไปเรือนของตนเถิด จะได้ไม่รบกวนเจ้า”
“ข้าไม่กลัววุ่นวาย” หญิงสาวผู้นั้นผลักอันอี้หางและสาวเท้าเข้ามาหามู่ซืออวี่ “ข้าเป็นฮูหยินของเขา แซ่อู๋ ท่านเรียกข้าว่าซานเหนียงก็ได้ พี่หญิงนามว่าอันใดหรือ?”
“ข้าแซ่มู่ สามีของข้าแซ่ลู่” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ท่านเรียกข้าว่าฮูหยินลู่ก็พอ”
“ฮูหยินลู่…” อู๋ซานเหนียงนึกอยู่ครู่หนึ่ง “ชื่อนี้ค่อนข้างคุ้นหู ข้ารู้แล้ว! พวกท่านมาจากที่เดียวกันใช่หรือไม่? ข้าเคยได้ยินคนเอ่ยถึงผ่าน ๆ”
มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่ผิด”
“พวกท่านมีเรื่องอะไรกันหรือ? เหตุใดแต่ละคนมีสีหน้าอึมครึมเช่นนี้ ติดหนี้หรือ?” ทุกการเคลื่อนไหวของอู๋ซานเหนียงดูเย้ายวนอยู่ในที ไม่ว่าผู้ใดก็บอกได้ว่านางเป็นคนประเภทใด
“เกิดเรื่องกับท่านอวี้ซื่อ” มู่ซืออวี่อธิบายสั้น ๆ ภายในไม่กี่คำ
นางไม่ได้บอกว่าเหตุใดอวี้ซื่อจึงมาหา เพียงแค่บอกว่าหลังจากโต้เถียงกัน สาวใช้ของนางไม่อาจควบคุมแรงได้จึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
อันอวี้ได้รับข่าวอย่างรวดเร็วและรีบรุดมา
“พี่หญิงมู่ ท่านกลับไปก่อนเถอะ หากที่นี่มีอะไรข้าจะแจ้งท่านเอง” อันอวี้เอ่ยขึ้น “ท่านกำลังตั้งครรภ์ อย่าได้เหนื่อยล้าเกินไปจะดีกว่า”
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า จนกว่าท่านอวี้ซื่อจะพ้นระยะอันตราย ข้ารั้งอยู่ที่นี่จะดีกว่า หากนางพ้นระยะอันตรายแล้ว ข้าค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”
อันอวี้ดึงมู่ซืออวี่ไปยังมุมหนึ่ง
นางโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ “นิสัยของแม่ข้าท่านยังไม่รู้อีกหรือ? หากนางฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าท่านอยู่ที่นี่ นางอาจจะข่มขู่ท่าน ฉวยโอกาสรีดเค้นผลประโยชน์จากท่านก็ได้”
“นางไม่ได้เกรงใจเจ้าเช่นกัน หากเจ้าอยู่ที่นี่แทนข้า คนที่จะถูกนางข่มขู่จะกลายเป็นเจ้าแทน”
“ข้าไม่ใช่เด็กสาวโง่เขลาในตอนนั้นอีกแล้ว ไม่มีทางให้นางข่มขู่เอาได้” อันอวี้เอ่ย “เรื่องนี้เดิมทีก็ไม่เกี่ยวกับข้า นางไม่มีเหตุผลที่จะต้องสร้างปัญหาให้ข้า”
มู่ซืออวี่หันกลับไปมองทางห้องนั้นอีกครั้ง
นางหันมาเอ่ยกับอันอวี้
“สาวใช้ของข้าทำให้ท่านอวี้ซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ข้าจะรับผิดชอบค่ายาทั้งหมด ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ขาดเงินเล็กน้อย ทว่านี่เป็นสิ่งที่ข้าต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องอื่น ทำได้เพียงรอให้แม่เจ้าตื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ข้ารู้แล้ว”
ระหว่างทางกลับ จื่อซูเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“เป็นอะไรไปหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“บ่าวได้รับความไม่เป็นธรรม” จื่อซูยังคงก้มหัวเช่นเคย “บ่าวควบคุมแรงแล้วนะเจ้าคะ ไม่ได้เตะนางไปไกลถึงเพียงนั้นแน่นอน”
“บางทีอาจเป็นอุบัติเหตุกระมัง!” จื่อเยวี่ยนเอ่ย
“สารถี กลับไปยังที่เกิดเหตุ” มู่ซืออวี่เอ่ย
รถม้ากลับไปยังตำแหน่งก่อนหน้านี้
ที่เกิดเหตุถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว มองหาร่องรอยใดไม่ออกทั้งสิ้น
“ท่านป้า ร้านแผงลอยที่ถูกคนชนเมื่อครู่นี้ไปที่ใดแล้ว?” จื่อเยวี่ยนเดินไปร้านแผงลอยข้าง ๆ แล้วเอ่ยถาม
“ไปตั้งนานแล้ว!” ท่านป้าผู้นั้นเอ่ย “เป็นพวกท่านนี่เอง! ข้าจำพวกท่านได้ หลังจากพวกเจ้าไป เจ้าของร้านก็เก็บข้าวเก็บกลับไปตั้งนานแล้ว”
“จื่อซู จื่อเยวี่ยน พวกเราไปศาลต้าหลี่” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ปล่อยการตรวจสอบให้เป็นหน้าที่ของคนที่ชำนาญเถอะ! หากพวกเราไม่พบร่องรอยเช่นนี้ คงตรวจสอบอะไรออกมาไม่ได้”
ศาลต้าหลี่เป็นสถานที่ที่การคุ้มกันเข้มงวด มู่ซืออวี่จึงหยุดอยู่หน้าประตู อย่างไรก็ตาม เมื่อนางแจ้งว่านางอยากพบจือเชียนผู้ที่อยู่ข้างกายลู่อี้ คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนักและรีบเรียกจือเชียนออกมาทันที
“ฮูหยิน…”
“จือเชียน พวกเราพบปัญหาเล็กน้อย” มู่ซืออวี่อธิบายที่มาที่ไปให้เขาฟัง
“วันนี้นายท่านยุ่งมาก มีคดีหนึ่งที่ยุ่งยากเป็นพิเศษ หากฮูหยินเชื่อใจข้าน้อย ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้เองขอรับ” จือเชียนกล่าว
“ข้ามีอะไรให้ไม่เชื่อใจเจ้ากัน?” มู่ซืออวี่เอ่ย “เช่นนั้นมอบให้เจ้าจัดการแล้ว”
จื่อซูเอ่ยด้วยท่าทีซาบซึ้งใจ “ฮูหยิน ท่านเชื่อข้าจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
“เจ้าเป็นคนของข้า เจ้ายืนยันว่าควบคุมแรงได้ดีหนักแน่นถึงเพียงนั้น เหตุใดข้าจะไม่เชื่อ?” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ข้าเพียงแต่ไม่รู้ว่านี่เป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่”