สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 571 มีคนอยู่เบื้องหลังนาง
บทที่ 571 มีคนอยู่เบื้องหลังนาง
บทที่ 571 มีคนอยู่เบื้องหลังนาง
หลังจากท่านหมอทำแผลให้อวี้ซื่ออีกรอบจึงหันไปมองอันอวี้ “โชคดีที่มันเบี่ยงออกไปเล็กน้อย ไม่เช่นนั้น…”
คำกล่าวนี้ทุกคนล้วนเคยได้ยินมาก่อน พวกเขาจึงไม่คิดว่ามีสิ่งใดแอบแฝง
อันอวี้จึงเอ่ยขึ้น “ท่านหมอ ข้าจะไปส่งท่าน”
เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว อันอวี้ก็เอ่ยถามท่านหมอ “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“นางไม่ได้เป็นผู้แทงเอง”
“ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
“ข้าดูไม่ผิดเป็นแน่”
อันอวี้ยัดถุงเงินให้ท่านหมอ “ลำบากท่านมาเสียเที่ยวแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อ ท่านไปที่สกุลลู่แล้วบอกเรื่องเมื่อครู่นี้ให้ฮูหยินทราบด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่มีปัญหา”
สองเค่อต่อมา มู่ซืออวี่ก็ได้พบกับท่านหมอ จึงได้รู้ผลการตรวจสอบ
อันที่จริงก่อนหน้านี้นางถามท่านหมอหลินแล้ว ท่านหมอหลินกล่าวว่าบาดแผลนั้นไม่ดูเหมือนทำขึ้นเอง ทว่าท่านหมอดูไม่ชัดทำให้ไม่แน่ใจ นางจึงต้องหาผู้อื่นมาตรวจสอบ
มู่ซืออวี่ให้จื่อซูมอบถุงเงินให้ท่านหมอ
ท่านหมอรับถุงเงินนั้นมาและรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งจึงกล่าวเสริมอีกสองสามคำ “ผู้เฒ่าคนนี้คาดเดาบางอย่างได้ ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่ เดิมทีไม่ควรเอ่ยออกไป ทว่าเห็นฮูหยินเป็นกังวลจึงคิดว่าเอ่ยออกไปจะดีกว่า บางทีอาจทำให้ท่านนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
“ท่านหมอเชิญกล่าว”
“สตรีนางนั้นได้รับบาดเจ็บกลางถนน ตอนนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวนมากใช่หรือไม่?”
“มีคนอยู่เป็นจำนวนมากจริง ๆ” จื่อเยวี่ยนเอ่ย
“เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า… มีคนแทงไม้ไผ่ซี่นั้นเข้าที่อกนางตอนเดินผ่าน?” ท่านหมอเสนอแนะขึ้นมา
มู่ซืออวี่เงียบไป
ตอนนั้นมีคนอยู่บนถนนไม่น้อยจริง ๆ พวกเขาจดจ่ออยู่กับอวี้ซื่อ ทว่าไม่ได้สนใจว่ามีผู้ใดเข้ามาใกล้หรือไม่
“บ่าวเตะนางออกไปหนึ่งที แม้จะพยายามควบคุมแรงแล้ว นางกลับกระเด็นออกไปเสียไกล บ่าวจำได้ว่ามีชายชราสวมหมวกไม้ไผ่สานคนหนึ่งเดินผ่านในตอนนั้น”
“มีคนอยู่เบื้องหลังนางจริง ๆ” มู่ซืออวี่ได้ข้อสรุปแล้ว “แผนการใหญ่โตเพียงนี้จะต้องไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้าอย่างแน่นอน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังนางคนนั้นจะต้องทำเพราะสามีข้าเป็นแน่”
ท่านหมอจากไปแล้ว
การวางอุบายของครอบครัวผู้มั่งมีประเภทนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
เขาได้รับผลตอบแทนและทำหน้าที่ของตนให้สิ้นสุด เรื่องอื่นใดล้วนไม่เกี่ยวข้องอีก
“จือเชียนยังอยู่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในราชสำนัก ไม่อาจปิดบังสามีข้าได้แล้ว”
“บ่าวจะไปหาเขาประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” จื่อซูเอ่ย
ในห้องเหลือเพียงมู่ซืออวี่และจื่อเยวี่ยน จื่อเยวี่ยนเห็นสีหน้ากังวลใจของมู่ซืออวี่จึงเอ่ยถาม “ฮูหยินคิดว่าคนผู้นั้นต้องการจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
“สามีข้าคงเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของคนผู้นั้น เขากลายเป็นขวากหนามที่ต้องถอนรากถอนโคนสำหรับอีกฝ่าย” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไป “ข้าคิดว่าคนผู้นั้นไม่อาจฉวยประโยชน์จากสามีของข้าได้โดยตรง เขาจึงเริ่มต้นที่ข้า ภายหน้าพวกเราจะต้องระมัดระวังให้มากกว่าเดิม ไม่เช่นนั้นพวกเราจะกลายเป็นเบี้ยในมือผู้อื่นได้ง่าย ๆ”
“เรื่องเช่นนี้ไม่อาจป้องกันได้ มีเพียงรอให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหว พวกเราค่อยจัดการตามสถานการณ์ก็แล้วกัน” จื่อเยวี่ยนเอ่ย
“ส่วนอวี้ซื่อ เราอาจพอสอบถามอะไรได้บ้าง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ในเมื่อมีคนอยู่เบื้องหลังนาง เช่นนั้นนางจะต้องรู้เรื่องบางอย่างเป็นแน่ พวกเราหลอกล่อให้นางเอ่ยความจริงได้”
“หากฮูหยินออกหน้า นางจะต้องต่อต้านเป็นแน่เจ้าค่ะ”
“ดังนั้น ข้าไม่ต้องออกหน้า แล้วให้อันอวี้ออกหน้าไปเลยดีกว่า” มู่ซืออวี่ลูบท้องของนาง “จิตใต้สำนึกของอวี้ซื่อมีความปรารถนาที่จะควบคุมอันอวี้อยู่แล้ว นางเกลียดชังอันอวี้จากก้นบึ้งของจิตใจ ในสายตาของนาง อันอวี้เป็นเบี้ยในมือ นางจึงคลายความระวังที่สุดเวลาอันอวี้ไปหา งานที่ยากเย็นนี้ทำได้เพียงมอบให้อันอวี้จัดการแล้ว”
อันอวี้มาพบกับฮูหยินลู่ในคืนนั้น
มู่ซืออวี่กำลังดื่มน้ำแกงซี่โครงหมู
เมื่ออันอวี้มาจึงเรียกให้นางดื่มน้ำแกงด้วยกัน
อันอวี้นั่งลงตรงข้ามนาง “วันนี้ข้ารั้งอยู่กับท่านแม่ทั้งวัน กระทั่งหยั่งเชิงจนได้ข้อมูลใหม่ ๆ มา”
“ไหนว่ามา”
“ตอนที่ท่านแม่ข้าอยู่ที่บ้านพี่ชาย นางได้พบกับคนผู้หนึ่ง คนผู้นั้นพูดอะไรบางอย่างกับท่านแม่ ทว่าเหตุผลที่ท่านแม่เกิดความคิดที่จะร้องขอให้ใต้เท้าลู่ช่วยหางานให้พี่ชายข้าก็มาจากคนผู้นี้ ข้าจึงถามท่านพี่ดู ท่านพี่บอกว่าคนผู้นั้นเป็นบัณฑิตที่สอบไม่ผ่านเช่นเดียวกัน ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง แต่กลับไปยังบ้านเกิดแล้ว เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น คนผู้นี้จะต้องเป็นตัวแปรสำคัญมากแน่ ๆ”
“เจ้าไปสอบถามเรื่องของคนผู้นี้จากพี่ชายเจ้ามา”
“ถามมาแล้ว ข้าเขียนไว้แล้วเรียบร้อย” อันอวี้ว่าแล้วก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา
“นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” จื่อซูเอ่ย
ลู่อี้เดินเข้ามา เมื่อเห็นอันอวี้อยู่ที่นี่จึงเอ่ยขึ้น “พอดีเลย เซี่ยคุนก็มาแล้วเช่นกัน”
อันอวี้กำลังจะลุกขึ้นแต่กลับถูกลู่อี้ห้ามเอาไว้ “พวกเจ้าสองพี่น้องคุยกันต่อเถอะ ข้าและเซี่ยคุนยังมีเรื่องต้องทำ จะเข้าไปที่ห้องตำราสักหน่อย ประเดี๋ยวจะออกมาหาพวกเจ้า”
“เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ข้าทราบแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล คนผู้นั้นมาเพราะข้า ข้าจะจัดการเอง” ลู่อี้ลูบไหล่บางของนาง จากนั้นก็นำสมุดเล่มเล็กออกมาแล้วเดินจากไป
มู่ซืออวี่ไม่ต้องรอให้ลูอี้ ‘จัดการ’ เพราะหลายวันต่อมา ขณะที่นางกำลังตรวจดูสมุดบัญชีของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ อยู่นั้น ฉานอีก็วิ่งเข้ามาแจ้งนางว่าอวี้ซื่อไปร้องเรียนที่กรมอาญา กล่าวหาว่านางพาสาวใช้ไปฆ่าคน ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ใช้ประโยชน์จากการที่นางเป็นฮูหยินขุนนางฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา
ทันทีที่ฉานอีรายงานจบ คนของกรมอาญาก็มาแล้ว
“ฮูหยินลู่ ตามพวกเราไปสักเที่ยวเถอะ!”
“เจ้านาย…”
“อาจารย์…”
ทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาเป็นกังวล
ใบหน้าของมู่ซืออวี่ยังคงไม่เปลี่ยนสี “ข้าจะตามพวกท่านไป”
ลู่อี้ทราบข่าวก็รุดไปที่กรมอาญาทันที
ทว่ากรมอาญาไม่ปล่อยให้เขาเข้าไป
“ใต้เท้าลู่ คดีนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินของท่าน ท่านหลีกเลี่ยงข้อครหาจะดีกว่า”
“ฮูหยินของข้าตั้งครรภ์ หากนางเกิดอันตรายอยู่ข้างใน พวกท่านคงรู้ว่าข้าจะทำอย่างไร” ลู่อี้มองท่านเจ้ากรมอาญาด้วยสายตาเยือกเย็น
ท่านเจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เราเพียงแค่ปฏิบัติตามกฎทั่วไปเท่านั้น ไม่สร้างความลำบากให้ฮูหยินลู่เป็นแน่ ขอเพียงแค่ฮูหยินลู่บริสุทธิ์จริง เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ดีอย่างแน่นอน”
ลู่อี้เดินออกมาจากกรมอาญา
เซี่ยคุนเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยว่า “ข้าพบว่าคนของเจียงเหล่าไปพบชาวบ้านแต่เดิมของ ‘เรือนพักผ่อนบนภูเขา’ แล้ว เกรงว่าจะมีเจตนาไม่ดี”
“เขากำลังบีบบังคับข้า” ลู่อี้เอ่ย “บีบให้ข้าแสดงท่าที บีบให้ข้าจงรักภักดี บีบให้ข้าเข้าพวกกับองค์ชายรอง”
“สถานการณ์ในตอนนี้ องค์ชายรองมีโอกาสชนะมากกว่าจริง ๆ” เซี่ยคุนกล่าว
“ผู้ใดว่า?” ลู่อี้มองเขา “คนของท่านลอบเข้าไปในกรมอาญาได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าได้”
“คุ้มครองฮูหยินอย่างลับ ๆ ขอเพียงแค่นางปลอดภัย ข้าจึงจะดำเนินตามแผนต่อไปได้” ลู่อี้เอ่ย “บางทีครั้งนี้อาจเป็นโอกาสอันดี”
“นี่ท่านคิดจะถอนรากถอนโคนองค์ชายรองหรือ?”
“องค์รัชทายาทอ่อนแอไร้ความสามารถ แต่องค์รัชทายาทที่อ่อนแอย่อมเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าองค์ชายที่ทะเยอทะยาน” ลู่อี้เอ่ย “นอกจากนี้ผู้ใดบ้างไม่ชมชอบขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อผู้ปกครอง?”
มู่ซืออวี่พอรู้ว่าความเป็นอยู่ในคุกลำบากมาก ทว่าเมื่อเห็นสิ่งสกปรกบนพื้นจริง ๆ จู่ ๆ นางก็รู้สึกย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม นี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่นางจะรับได้แล้ว
นางถอดกำไลข้อมือออกแล้วเอ่ยกับผู้คุมห้องขังด้านนอก “ดูเหมือนคดีของข้าจะยังไม่ได้รับการไต่สวนเป็นการชั่วคราว ในเมื่อข้าต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน เช่นนั้นก็ให้ข้าได้อยู่สบายหน่อยเถิด ข้าเป็นสตรีมีครรภ์ พี่ชายน้อยท่านนี้ บ้านพวกท่านคงมีสตรีตั้งครรภ์เช่นกันกระมัง? พวกท่านน่าจะรู้ดี สตรีตั้งครรภ์บอบบางที่สุดแล้ว ข้าจะมอบกำไลนี้ให้ท่าน ท่านช่วยข้าตกแต่งที่แห่งนี้หน่อยเถิด หากข้าออกไปแล้วข้าจะมอบของตอบแทนให้พวกท่านอย่างงาม”