สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 58 พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่
บทที่ 58 พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่
บทที่ 58 พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่
ลู่จื่ออวิ๋นสวมรองเท้าปักลายเล็ก ๆ ด้านบนเป็นดอกเหมยบานเสมือนของจริง ไม่ต้องพูดเลยว่าจะออกมาสวยงามแค่ไหน
ส่วนรองเท้าของลู่เซวียนนั้นธรรมดามาก ไม่มีแม้ลวดลายแต่ก็เป็นของใหม่เอี่ยม อีกทั้งยังซื้อโดยผู้หญิงที่น่ารำคาญอย่างมู่ซืออวี่
ครั้งสุดท้ายที่ซื้อรองเท้าคือเมื่อห้าปีที่แล้ว ในเวลานั้น รองเท้าคู่เก่าโทรมมากจนสวมไม่ได้ ลู่อี้ต้องจับกระต่ายไปขายกว่าจะได้ซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้ลู่เซวียน
“ข้าไม่ต้องการ”
ลู่เซวียนเม้มริมฝีปาก ทำสีหน้าไม่แยแส
มู่ซืออวี่เดินออกไปเอารองเท้าคู่ใหม่ไปยัดไว้ที่แขนของลู่อี้ จากนั้นก็หันกลับมาตะโกนใส่ลู่เซวียน “ทั้งครอบครัวมีคนละหนึ่งคู่ เจ้าไม่รับไปเช่นนี้ ต้องการให้คนอื่นรู้หรือว่าพี่สะใภ้คนนี้ปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี?”
ลู่เซวียนจ้องมองนาง “นี่เจ้าพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร?”
“หรือว่าไม่จริง? ปกติเจ้าเถียงกับข้า พอเจ้าสู้ไม่ได้ก็อยากจะทำลายชื่อเสียงของข้าสินะ” ใบหน้าของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยคำว่า ‘ข้าเดาได้โดยที่เจ้าไม่ต้องบอก’
ลู่อี้ “…”
จิตใจของผู้หญิงช่างซับซ้อนเหลือเกิน
แต่เห็นว่าลู่เซวียนยอมแพ้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อครู่พี่ชายเจ้าบอกจะพาเจ้าไปรับยา เจ้าจะไม่ไปงั้นหรือ?” มู่ซืออวี่วางมือข้างหนึ่งเท้าเอว ทำท่าทางเหมือนหญิงปากร้าย
ลู่เซวียนตวาดอย่างเย็นชา ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนาง
อย่างไรแล้วมู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ต้องการให้เขาตอบ เพราะตอนนี้นางได้ยินชัดเจนพอแล้ว
การจะจัดการกับเจ้าเด็กที่ดื้อด้านเช่นนี้ นางไม่สามารถใช้วิธี ‘อ่อนโยน’ ได้ เพราะมันจะทำให้เขา ‘ต่อต้าน’ มากขึ้นเท่านั้น
“เมื่อก่อนพี่ชายเจ้าจะพาเจ้าไปรับยาอย่างดี แต่เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ยอมรับยาแล้ว เพราะอยากให้คนอื่นพูดว่าพี่สะใภ้อย่างข้าคนนี้ใจแคบงั้นหรือ?”
“…”
“หากเจ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ข้ายังต้องคอยดูแลเจ้าในฐานะพี่สะใภ้อยู่ พี่สะใภ้ก็เหมือนแม่ ในฐานะผู้หญิง ข้ายังต้องมาคอยเช็ดอึเช็ดฉี่ให้เจ้า ข้าอาจจะต้องเช็ดก้นให้เจ้าเสียด้วย…”
ใบหน้าซีดเซียวของลู่เซวียนพลันแดงเถือก ดวงตาของเขาถึงกับเบิกกว้าง
“เจ้า… เจ้า… เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!”
เมื่อนึกภาพตามแล้วเขาก็ตัวสั่น
“ข้าพูดไร้สาระอย่างไร? พี่ชายของเจ้าต้องออกไปหาเงิน ไม่เช่นนั้นครอบครัวใหญ่ของเราจะอยู่ได้อย่างไร? ข้าก็ต้องอยู่ดูแลบ้าน ถึงตอนนั้นเรื่องของเจ้าจะไม่ใช่เรื่องของข้าหรือ?”
ลู่เซวียนคว้าแขนของลู่อี้
เขาเงยหน้ามองลู่อี้ เห็นสายตาที่เอาจริงเอาจังและยอมรับจากลู่อี้จนลูกตาแทบจะถลนออกมา
“ข้าไป ข้าจะไป”
แม้ว่าอาการป่วยของเขาจะรักษาไม่หาย แต่ตราบใดที่ทำให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้เหมือนตอนนี้ก็ถือว่าดีแล้ว เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้เช็ดอึและฉี่ให้เขา หรือแม้กระทั่ง…
แค่คิดก็ขนพองสยองเกล้าแล้ว
“รองเท้าล่ะ? อยากได้หรือไม่?”
ลู่เซวียนหยิบมันขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงแข็ง “้เหตุใดจะไม่อยากล่ะ?”
มู่ซืออวี่ชักสีหน้าใส่ลู่เซวียน “ถ้าเจ้าเชื่อฟังเร็วกว่านี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดเช่นนี้หรอก”
ลู่เซวียนได้แต่อับอายอยู่ข้าง ๆ พี่ชาย
ส่วนลู่อี้เล่นรองเท้าใหม่ที่อยู่ในมือของน้องชายไปมา
ขนาดรองเท้าพอดีกับลู่เซวียน รองเท้าของเขาก็เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะวางแผนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าจะซื้อรองเท้าให้ทุกคน
ถึงจะเป็นผีผู้หญิง แต่ก็เป็นผีผู้หญิงที่จิตใจดี
“ฉาวอวี่ล่ะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ขึ้นไปเก็บฟืนบนภูเขาเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นพูดเสียงหวาน “พี่ชายขึ้นไปบนภูเขากับท่านน้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกเจ้าค่ะ”
ในอดีตนั้นลู่ฉาวอวี่ทำงานหนักมาก การขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บฟืนเป็นสิ่งที่เขาทำทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล
“ข้าซื้อปิ่งให้เจ้ากับพี่ชายเจ้า ในเมื่อเขายังไม่กลับมา รออีกสักพักค่อยหยิบออกมากินเถอะ ข้าจะซื้อรองเท้าให้ท่านยายกับท่านน้าเจ้าด้วยเช่นกัน อีกสักพักอวิ๋นเอ๋อร์ค่อยมอบให้สองคนนั้นนะ ตกลงไหม?”
“เจ้าค่ะ” สิ่งที่มีความสุขที่สุดของลู่จื่ออวิ๋นคือการได้ช่วยเหลือมู่ซืออวี่ เด็กหญิงตัวน้อยมีความสุขทุกครั้งที่มู่ซืออวี่จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้
มู่ซืออวี่มวยผมให้ลู่จื่ออวิ๋นสองข้างอย่างงาม และติดที่กลัดผมรูปผีเสื้อให้หนึ่งชิ้น
ที่กลัดผมผีเสื้อซื้อได้ตามแผงลอยริมถนน ไม่ใช่ของแพงอะไร หลังจากที่นางหาเงินได้ นางจะซื้อสิ่งของสวยงามให้อวิ๋นเอ๋อร์อยู่เสมอ
ด้วยทรงผมใหม่และรองเท้าใหม่นี้ทำให้ลู่จื่ออวิ๋นมีความสุขมาก แต่มู่ซืออวี่รู้สึกว่า
ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะนางยังไม่ได้ให้ชุดใหม่กับอวิ๋นเอ๋อร์ตัวน้อย
ต่อไปนางต้องซื้อชุดงาม ๆ และแต่งตัวสวย ๆ ให้อวิ๋นเอ๋อร์เสียแล้ว
ในต้นฉบับ ท้ายที่สุดอวิ๋นเอ๋อร์จะกลายเป็นนางสนมคนโปรดของฮ่องเต้ เพียงแต่ว่าไม่ใช่นางเอก แต่เป็นตัวประกอบหญิงตัวร้าย ดังนั้นในท้ายที่สุดความงามของนางจึงไม่ได้ชนะใจฮ่องเต้ แต่กลับฆ่านางแทน
มู่ซืออวี่จะไม่ปล่อยให้สาวน้อยน่ารักคนนี้ต้องถึงทางตันเช่นนั้น เป็นนางสนมดีตรงไหนกัน สาวน้อยหน้าตาดีเช่นนี้ควรหาสามีที่จะอยู่เป็นคู่ครองกับนางไปตลอดชีวิต
เวลานี้ลู่จื่ออวิ๋นออกไปพร้อมกับรองเท้าสองคู่
ในขณะที่มู่ซืออวี่กำลังเตรียมตัวสำหรับการทำหีบเครื่องประดับรอบต่อไป
480 อีแปะใช้มาจนถึงตอนนี้เหลือเพียง 120 อีแปะท่านั้น
นางใส่หนึ่ง 120 อีแปะลงในกล่องรหัสที่นางทำขึ้นมา จากนั้นก็ทำงานต่อ
รอให้นางเก็บเงินได้สักก้อนแล้วค่อยหาไม้ดี ๆ มาใช้ ตอนนี้วัสดุที่ใช้ธรรมดาเกินไป และหีบที่ทำขึ้นก็ขายไม่ได้ในราคาที่สูงมากนัก หากนางทำจากวัสดุที่ดีกว่านี้ มูลค่าของหีบจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน
ลู่อี้ขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง แน่นอนว่าการขึ้นไปบนภูเขาในเวลานี้อาจเป็นการเสี่ยงดวงเท่านั้น คราวนี้ชายหนุ่มไม่สามารถอยู่บนภูเขาได้นาน เพราะพรุ่งนี้เขาจะต้องพาลู่เซวียนไปเมืองซูโจว
“แม่ฉาวอวี่ แน่ฉาวอวี่…”
เมื่อมู่ซืออวี่ได้ยินคนเรียกนาง นางจึงเดินออกมาพลางถามว่า “ใครน่ะ?”
“ออกมาเร็ว มีบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกสาวของเจ้า”
เมื่อมู่ซืออวี่ได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับลู่จื่ออวิ๋น นางจึงวิ่งไปเปิดประตู “เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าไปดูก็รู้เอง”
เฉินซื่อผู้อยู่ข้างบ้านทำหน้าที่เป็นผู้รายงานข่าว แต่ก่อนนางเลี่ยงที่จะเจอมู่ซืออวี่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่นานมานี้มู่ซืออวี่ดูสุภาพขึ้น จึงไม่ได้หลบหน้าอีกต่อไป
แต่ทั้งสองบ้านนี้ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน และวันนี้นางก็แค่มารายงานพฤติกรรมของลูกทั้งสองคนในตระกูลลู่
มู่ซืออวี่ตามเฉินซื่อไปยังสถานที่เกิดเหตุ
เรื่องเกิดขึ้นที่ทุ่งแห่งหนึ่ง ยามนี้มีหลายคนมุงอยู่รอบ ๆ และเสียงโต้เถียงก็ดังมาจากข้างใน
“อายุยังน้อยแต่ช่างใจดำ แม่เป็นเช่นไรลูกสาวก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
“นางเป็นคนแย่งของข้า” เสียงของลู่จื่ออวิ๋นเต็มไปด้วยไม่พอใจและดื้อรั้น “ท่านแม่ซื้อให้ข้า”
“แล้วอย่างไรล่ะ? มองอยู่ได้ เอาคืนไปให้ได้สิ? นี่มันจะมีค่าอะไร ก็แค่ของเล่นห่วย ๆ ราคาแค่หนึ่งอีแปะ พวกข้าไม่ได้สนใจหรอก”
“ท่านแม่ข้าเป็นคนซื้อสิ่งนี้ให้ข้า” ลู่จื่ออวิ๋นพูดซ้ำอย่างดื้อรั้น
หัวใจของมู่ซืออวี่เจ็บปวดจนทนไม่ไหว
แม้ว่านางจะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม และลูกสองคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนาง แต่นางอาศัยอยู่กับร่างของเจ้าของเดิมมาเป็นเวลานาน นางจึงเป็นที่พึ่งของลู่จื่ออวิ๋นไปเสียแล้ว
อวิ๋นเอ๋อร์เป็นลูกสาวของนาง
ตราบใดที่นางอยู่ในร่างนี้ เด็กคนนี้ก็ถือว่าเป็นลูกสาวของมู่ซืออวี่
นางทนไม่ได้แน่นอนที่มีคนมารังแกลูกสาว
“ออกไปให้พ้น!” มู่ซืออวี่วิ่งเข้าไปทันที “ใครรังแกลูกสาวข้า!”
เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ใกล้เข้ามา ทุกคนต่างก็รีบแยกย้ายออกมา
ตอนที่คนเหล่านี้แยกย้าย มู่ซืออวี่ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังผลักลู่จื่ออวิ๋น เด็กหญิงตัวน้อยล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทว่าก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมาให้เห็น