สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 587 มีความคืบหน้าใหม่แล้ว
บทที่ 587 มีความคืบหน้าใหม่แล้ว
บทที่ 587 มีความคืบหน้าใหม่แล้ว
ลู่อี้ออกมาจากห้องขังของศาลต้าหลี่
จือเชียนเอ่ยว่า “ข้าน้อยส่งคนไปสอบถามข่าวคราวที่หน่วยลับแล้ว ได้ยินมาว่าสามคนที่อยู่ที่นั่นทนทัณฑ์ทรมานของหน่วยลับไม่ไหวจนตายไปแล้วสอง ส่วนอีกหนึ่งคนกำลังจะตายขอรับ”
“หน่วยลับมีวิธีการที่โหดร้ายจริงๆ” ลู่อี้เอ่ยอย่างใจเย็น “ทว่าบางครั้ง ยิ่งโหดร้ายเพียงใดก็ไม่ได้ทำให้คนหวาดกลัวเพียงนั้น”
“ทางเรา…”
“ไปกันเถอะ” ลู่อี้กล่าว “เซี่ยคุนอยู่ที่ใด? ให้เขามาที่นี่”
“ขอรับ”
เจ้าหน้าที่ทางการของศาลต้าหลี่เคลื่อนกำลังพล ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างหลบหลีก ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะพบเจอกับปัญหาใหญ่หากซ่อนตัวไม่ทันการ
“ท่านนั้นคือใต้เท้าลู่เหรอ?” มีคนเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดเขาจึงออกไปข้างนอกด้วยตนเอง?”
“วันที่สกุลลู่จัดงานเลี้ยง มีคนไม่กลัวตายเข้าไปลอบสังหารที่บ้านเขาน่ะสิ ท้ายที่สุดก็ตกอยู่ในมือของศาลต้าหลี่และหน่วยลับ ดูจากการเคลื่อนไหวอย่างเอิกเกริกของศาลต้าหลี่ในครั้งนี้แล้ว เกรงว่าคงพบอะไรบางอย่างเข้า”
“นึกไม่ถึงว่าหน่วยลับจะตรวจสอบได้ช้ากว่า”
“หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือหน่วยลับ พวกเขาคงหวาดกลัวมาก และชิงตายไปก่อนดีกว่า”
“กลอุบายของศาลต้าหลี่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน นับแต่ใต้เท้าลู่มีอำนาจ… ชู่ว มาทางนี้แล้ว รีบไป รีบไป…”
ครึ่งชั่วยามต่อมา โรงพนันแห่งหนึ่งในเมืองหลวงก็ถูกบุกค้น
เจ้าหน้าที่และทหารของศาลต้าหลี่จับกุมตัวทุกคนที่อยู่ข้างใน รวมถึงเหล่านักพนันที่กำลังเล่นการพนันอยู่ด้วย
บนถนนรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่มาชมละครฉากนี้
“นั่นไม่ใช่หวังซานหรือ? เหตุใดเขาจึงถูกจับเล่า?”
“โรงพนันแห่งนั้นเกิดเรื่องแล้ว ทุกคนที่อยู่ข้างในล้วนถูกจับ”
“หวังซานเป็นเพียงอันธพาลคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ชั่วร้ายหรือเลวร้ายนะ!”
“ได้ทำเรื่องเลวร้ายหรือไม่นั้นไม่ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขา มีเพียงใต้เท้าศาลต้าหลี่เท่านั้นที่สามารถตัดสินได้ ครานี้เกรงว่าหวังซานจะมีปัญหาแล้ว เขาจบเห่แน่”
ณ ห้องตรวจสอบคดีของศาลต้าหลี่ ลู่อี้ฟังรายงานจากเซี่ยคุน จากนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเราต้องตรวจสอบทะเบียนบ้านของพวกเขาให้แน่ชัด หากไม่สะดวก ข้าจะไปแจ้งที่กรมพระคลังด้วยตนเอง”
“นี่ไม่จำเป็น” เซี่ยคุนกล่าว “นายท่านรองจัดการเรื่องนี้ได้”
หนึ่งชั่วยามต่อมา ลู่เซวียนก็มาหาถึงหน้าประตู
ลู่อี้เห็นจึงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“เซี่ยคุนมาตรวจสอบทะเบียนบ้านที่กรมพระคลัง ข้าจึงช่วยเขาตรวจดู กลับเจอคนรู้จักเข้าโดยบังเอิญ ข้าคิดว่าพี่ใหญ่คงยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อบอกท่านโดยเฉพาะ”
“ผู้ใด?”
“เฉินหูจง” ลู่เซวียนเอ่ย “พี่ใหญ่ยังจำคนผู้นี้ได้หรือไม่?”
“เฉินหูจง…” ลู่อี้ใคร่ครวญดู “ข้าเหมือนจะนึกออกแล้ว ตอนนั้นที่ท่านพ่อและท่านแม่ทำกิจการ เขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด พวกเขาไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง อีกทั้งยังเคยมาสังสรรค์ที่บ้านของเราหลายครั้งหลายครา”
“พี่ใหญ่ ไม่เสียแรงที่ท่านเป็นพี่ใหญ่จริง ๆ ความจำดียิ่งนัก” ลู่เซวียนกล่าว “คือเขานั่นเอง คราแรกข้ายังจำไม่ได้ ทว่าเมื่อข้าเห็นทะเบียนบ้านของเขาจึงพบว่าเขามาจากเมืองฮู่เป่ยเช่นเดียวกับเรา เมื่อข้าดูข้อมูลเขาอีกทีก็พบว่าเขาทำกิจการค้าผ้า ข้าจึงจำเขาได้”
“เช่นนั้น เจ้าคงรู้ว่าคราวนี้เราจับผู้ใดมา”
“ข้ารู้” ลู่เซวียนเอ่ย “นึกไม่ถึงว่าคนผู้นั้นเป็นเจ้าของโรงพนันจริง ๆ พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าเขาจะรู้สาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่หรือไม่?”
ลู่อี้กล่าว “วางใจเถอะ ข้าจะตรวจสอบให้กระจ่าง”
“ข้าอยากนั่งด้วยได้หรือไม่?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม “ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้เขาเห็นข้า”
“ได้”
ที่คุมขังศาลต้าหลี่
ผู้คนนับร้อยถูกจับขังคุก ที่คุมขังศาลต้าหลี่เบียดเสียดแน่นขนัด มีทั้งเสียงก่นด่า เสียงร้องขอความยุติธรรม ขอความเมตตา และเสียงร้องไห้ระงมไปทุกที่…
“ข้าเพียงเดิมพันเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง เหตุใดต้องจับข้ามาด้วย? ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่เล่นการพนันอีก”
“ภรรยาของข้าป่วย ข้าเพียงแค่อยากชนะสักสองสามตาเพื่อหาเงินค่ายา เหตุใดจึงได้พบเจอเรื่องโชคร้ายเช่นนี้? สวรรค์ ท่านมีตาหรือไม่ เมื่อวานไม่จับ พรุ่งนี้ไม่จับ กลับจับมาวันนี้…”
เจ้าหน้าที่ทางการเอาดาบเคาะลูกกรงเหล็ก “เอะอะโวยวายอะไรกัน? หยุดโวยวายได้แล้ว ถ้าหากยังเอะอะมะเทิ่งอยู่อีก เช่นนั้นก็มาลิ้มลองรสชาติของการโดนย่างเนื้อดู”
มีเจ้าหน้าที่ทางการเข้ามาอีกหลายคน เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้แต่งกายแตกต่างจากผู้คุมห้องขังโดยสิ้นเชิง
“พี่ใหญ่หวัง ท่านมาแล้ว”
เจ้าหน้าที่แซ่หวังกล่าวว่า “ใต้เท้ามีคำสั่งใหม่ลงมา”
ผู้คุมห้องขังคุกเข่าลงแล้วกล่าว “ใต้เท้าโปรดรับสั่ง”
เจ้าหน้าที่หวังหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ ผู้ใดที่ถูกขานชื่อให้ก้าวออกมา”
จากนั้นก็ตามมาด้วยการร่ายชื่อยาวเหยียด
ทุกครั้งที่มีการขานชื่อ จะมีคนหนึ่งคนออกมาจากกลุ่ม
ไม่นานนักก็มีผู้ถูกขานชื่อออกมามากกว่าเจ็ดสิบคน
“คนเหล่านี้ออกไปกับคนของเรา”
“ใต้เท้า พวกเราแค่เล่นพนัน ไม่นับว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ท่านคิดจะทำอะไรพวกเรากันแน่?”
“หยุดพูดจาไร้สาระ! เจ้ายังอยากออกไปหรือไม่” เจ้าหน้าที่หวังเอ่ยอย่างหมดความอดทน
“ไป! พวกเราไปกันเถอะ!”
หลังจากคนออกไปมากกว่าเจ็ดสิบคนแล้ว ก็เหลือคนอีกประมาณสี่สิบคน
เมื่อครู่นี้คนเบียดเสียดหนาแน่น ทว่าตอนนี้เกือบจะกลายเป็นห้องว่างเปล่า รู้สึกสงบเงียบลงเป็นอย่างมาก
คนที่เหลืออีกสี่สิบคนจู่ ๆ ก็ไม่พูดจาอื้ออึงอีก
เจ้าหน้าที่หวังกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ผู้ถูกเลือกคนถัดไปก้าวออกมาข้างหน้า”
“หวังซูหลิน…”
ทุกครั้งที่มีคนถูกเรียกก็จะมีคนออกมาหนึ่งคน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาตัวเขาไป
“เฉินหูจง” เจ้าหน้าที่หวังกวาดตามองกลุ่มคน
ชายรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งเดินออกมา
เจ้าหน้าที่หวังชี้ไปยังเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ให้เขาพาเฉินหูจงออกไป
เฉินหูจงเดินตามเจ้าหน้าที่คนนั้นออกจากที่คุมขัง
เขาก้มหน้าลง ไม่กล้าเหลียวมองไปรอบ ๆ อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าเขากำลังลอบมองอยู่ สภาพแวดล้อมทุกอย่างของที่นี่เขารู้ทั้งหมดแล้ว
“เฉินหูจง คนเมืองฮู่เป่ย…” เจี่ยเฉิงผิงอ่านข้อมูลในหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในมือ “จากการที่พวกเราตรวจสอบ พบว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกกบฏ โรงพนันของเจ้าคือสถานที่ที่พวกเขาติดต่อกัน เป็นเช่นนี้หรือไม่?”
“ใต้เท้า ข้าถูกปรักปรำ ผู้น้อยเป็นคนทำกิจการตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กบฏอะไร ผู้น้อยไม่รู้เรื่องเลยนะขอรับ!” เฉินหูจงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตื่นตระหนก
“เช่นนั้นหรือ?” เจี่ยเฉิงผิงยังคงอ่านสิ่งที่เฉินหูจงทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“สามปีก่อน เจ้าสังหารคนคนหนึ่ง”
“ใต้เท้า…”
“ผู้ใดช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้”
“ใต้เท้า ผู้น้อยไม่ได้ทำนะขอรับ ผู้น้อย…”
“พอแล้ว หากตอนนี้เจ้ายังไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด เช่นนั้นมาลองลิ้มรสเครื่องทรมานของศาลต้าหลี่พวกเราก่อนเถอะ” เจี่ยเฉิงผิงมองเขาด้วยสายตาคมกริบ “ทหาร! ทรมานเขา!”
ลู่อี้และลู่เซวียนนั่งอยู่ข้างหลัง
ประตูข้าง ๆ เป็นสถานที่ที่เฉินหูจงถูกทรมาน
เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากห้องข้าง ๆ ยิ่งน่าเวทนาขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าทั้งสองคนยังคงดื่มชาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สีหน้าดูผ่อนคลาย
“งานที่กรมพระคลังเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เลวเลย” ลู่เซวียนเอ่ย “ข้าไม่อาจปล่อยให้พี่ใหญ่ได้เลื่อนขั้นเพียงคนเดียวกระมัง หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานก็จะมีข่าวดีของข้าแล้ว”
“เช่นนั้น ถึงเวลาที่ควรขบคิดเรื่องการแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?” ลู่อี้กล่าว “เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะถูกมองว่ามีปัญหาทางร่างกาย”
ลู่เซวียนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง “ข้าจะลองคิดดูอีกครั้ง”
“หนึ่งเดือน” ลู่อี้เอ่ย “หากเจ้าไม่มีทางออก ข้าจะช่วยเตรียมการให้เจ้าเอง”
“พี่ใหญ่…” ลู่เซวียนกล่าวอย่างจนปัญญา “ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเช่นท่าน”
“ฉะนั้นข้าถึงได้ให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือนอย่างไรเล่า” ลู่อี้กล่าว “เจ้ามีเวลามากพอที่จะไตร่ตรองเรื่องนี้”