สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 588 ความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมการตายของบิดามารดา
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 588 ความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมการตายของบิดามารดา
บทที่ 588 ความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมการตายของบิดามารดา
บทที่ 588 ความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมการตายของบิดามารดา
เสียงกรีดร้องจากห้องข้าง ๆ หยุดลง
สองพี่น้องก็เงียบลงเช่นกัน
ผู้คุมยังคงไต่สวนต่อไป
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน เจ้าจะไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป แต่หากเจ้าอธิบายได้ไม่ชัดเจน ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองการทรมานรูปแบบใหม่”
“ข้าสารภาพแล้ว ข้าจะสารภาพทุกอย่าง ท่านถามสิ่งใดข้าก็จะตอบให้หมด” เสียงระโหยโรยแรงของเฉินหูจงดังขึ้นมา
“เจ้าชื่ออะไร?”
“เฉินหูจง…”
ก่อนอื่นผู้คุมซักถามข้อมูลจากเฉินหูจงโดยละเอียด จากนั้นจึงเปรียบเทียบกับข้อมูลในมือของเขา ถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ขึ้นมาทันที
“เจ้าทำงานให้ใคร?”
“คนที่ติดต่อกับข้าคือคนที่เรียกว่าผู้ดูแลหรง เขาอายุราว ๆ สี่สิบปี หน้าตา… พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีอันใดโดดเด่นเป็นพิเศษ เขาให้เงินข้าจำนวนหนึ่ง และสั่งให้ข้าเปิดโรงพนันแห่งนี้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาต้องการทำอะไร ปกติแล้วข้ารับผิดชอบแค่เพียงดูแลโรงพนันเท่านั้น”
“เจ้าเคยเปิดร้านผ้า เหตุใดไม่ทำต่อ?”
“เมื่อก่อนข้าเคยเปิดร้านผ้าเพราะมีสหายคอยดูแล ต่อมาสหายคนนั้นเกิดเรื่องขึ้น กิจการร้านผ้าของข้าเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ข้าจึงเลิกกิจการนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
“เกิดอะไรขึ้นกับสหายของเจ้า?”
“นี่… ใต้เท้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกระมัง?”
“ไม่ใช่ว่าถามสิ่งใดก็จะตอบหรือ? เจ้าอยากลองเครื่องทรมานของศาลต้าหลี่เราอีกครั้งหรือไม่?”
“ไม่นะขอรับ! ข้าพูดแล้ว!” เฉินหูจงกล่าวต่อ “สหายของข้าก็โชคร้ายเช่นกัน เขาไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า จึงถูกคนฆ่าตาย”
“เห็นสิ่งใด?”
เฉินหูจงลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะเปิดปากเอ่ย
“วันนั้นข้าและสหายของข้าไปที่สาขาย่อยเพื่อดูว่ากิจการเป็นอย่างไรบ้าง ระหว่างทางฝนตกลงมาอย่างหนัก พวกเราไม่สามารถเดินทางต่อได้จึงไปหาที่พักก่อน สถานที่ที่เราไปพักเป็นวัดแห่งหนึ่ง พระที่นั่นไม่ต้องการให้เราพักค้างคืน ทว่าสหายของข้าจ่ายค่าธูปเทียนให้พวกเขาจึงได้พักค้างคืนที่นั่น ตกดึกคืนนั้น ลมแรงมากเสียจนพัดหน้าต่างเปิดออก สหายของข้าเดินไปตรงหน้าต่างที่เปิด จากนั้น…”
“จากนั้นเป็นอย่างไร?”
“เขาได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ เขาถามข้าว่าได้ยินหรือไม่ ข้ากำลังนอนอยู่จึงบอกว่าไม่ได้ยิน เขาจึงกล่าวว่าจะออกไปดู หลังจากเขาไปแล้ว ข้ารู้สึกปวดเบาเล็กน้อยจึงตามออกไป วันนั้นฝนตกลงมาหนักมาก ข้าเห็นพระเหล่านั้นกำลังรังแกสตรีหน้าตางดงามผู้หนึ่ง สตรีผู้นั้นอยากจะวิ่งหนี ทว่าถูกพระเหล่านั้นจับตัวเอาไว้ท่ามกลางสายฝน สหายของข้าจะเข้าไปช่วย แต่เขาเพียงคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้กับพระที่แข็งแรงหลายคนได้อย่างไร? เขาถูกพระเหล่านั้นทุบตีปางตาย พระเหล่านั้นไม่สนใจสหายของข้า แต่พาตัวสตรีคนนั้นไป”
“ทันทีที่พวกเขาจากไป ข้าก็เข้าไปพาสหายของข้าหนีทันที แม้ว่าฝนจะตกหนัก ข้าก็รู้ว่าไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไปแล้ว สหายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องหาที่พักรักษา รักษาอยู่กว่าครึ่งเดือนเขาถึงจะกลับบ้านได้ ไม่นานหลังจากกลับบ้านไป เขาก็ประสบเหตุร้ายไม่สามารถทำกิจการได้อีก จึงกลับไปที่ชนบท”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าสหายของเจ้าเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นี้”
“วันนั้นหลังจากที่ข้ากลับมาแล้ว มารดาของข้าล้มป่วยเสียชีวิต ข้าจึงนำร่างของนางกลับไปที่บ้านเดิม แล้วออกจากเมืองฮู่เป่ย หลังจากข้ากลับมา ครอบครัวของสหายข้าก็เกิดเรื่องแล้ว เดิมทีข้าไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นหรือไม่ ทว่าวันหนึ่ง ข้าได้ยินว่าพระทั้งหมดในวัดนั้นตายแล้ว อีกทั้งยังตายอย่างอนาถ มีบาดแผลถูกฟันหลายสิบแผลทั่วทั้งร่างกาย”
เอี๊ยด! ประตูห้องขังเปิดออก
ลู่อี้และลู่เซวียนเดินเข้ามา
“ใต้เท้าลู่” ผู้คุมทำความเคารพ
ลู่อี้สะบัดมือ
เฉินหูจงลืมตาขึ้นมา มองดูลู่อี้และลู่เซวียน
“ใต้เท้า…” เฉินหูจงกล่าว “ใต้เท้าลู่… ท่านเป็นลูกชายของสหายลู่หรือ?”
ลู่อี้และลู่เซวียนเปลี่ยนไปไม่น้อย
โดยเฉพาะลู่อี้ที่หลังจากมาเป็นขุนนางแล้วดูน่าเกรงขามมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งคนในหมู่บ้านพบเขาก็ยังไม่กล้าแสดงตัวว่ารู้จักกัน
“บอกเรื่องที่เจ้ารู้มา” ลู่อี้เอ่ยด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น
“เมื่อครู่นี้… ข้าบอกไปหมดแล้ว” เฉินหูจงกล่าว
“ไม่! เจ้ายังไม่ได้บอกโดยละเอียด” ลู่อี้กล่าว “การที่เจ้าแน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ต้องมีเหตุผลอื่น ๆ อยู่ บางทีเจ้าอาจชื่นชอบการถูกทรมานมากกว่า”
“ไม่นะ! ใต้เท้าลู่ เห็นแก่พ่อแม่ของท่าน โปรดไว้ชีวิตผู้น้อยด้วย!” เฉินหูจงกล่าว
“เช่นนั้นเล่ามาโดยละเอียด” ลู่เซวียนกล่าว “เจ้าเล่าไม่ครบถ้วนเช่นนี้ พวกเราจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร? เจ้าคงไม่ได้คิดว่าพวกข้าหลอกง่ายเพียงนั้นกระมัง? ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ไว้ เรื่องนี้พวกเราตรวจสอบมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แม้วันนี้เจ้าไม่พูด พวกข้าก็จะยังตรวจสอบต่อไป เพียงแต่หากเจ้าให้ความร่วมมือ เราอาจรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้ ทว่าหากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือแต่โดยดี…”
“ข้าสารภาพ! ข้าจะสารภาพทุกอย่าง” เฉินหูจงกล่าว “วันนั้นหลังจากข้าพาสหายลู่ออกไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขายังเป็นห่วงแม่นางผู้นั้นจึงใช้เงินจำนวนมากจ้างผู้คุ้มกันในท้องถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดไปที่วัดกับเขา เมื่อพวกเราขึ้นไปบนภูเขาก็เห็นเลือดมากมายไหลนองเต็มพื้น เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้กล่าวความจริง ข้าไม่ได้แค่ได้ยินมาว่าพระเหล่านั้นตายแล้ว ทว่าข้าเห็นพระเหล่านั้นตายด้วยตาตนเอง”
“แม่นางท่านนั้นได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่ง ชายผู้นั้นมีไฝที่หางตา อาวุธเป็นดาบยาว ดาบนั้นแปลกประหลาดมาก ด้ามจับเป็นสีแดง เขาเดินอุ้มแม่นางผู้นั้นออกมา แม่นางผู้นั้น… น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนั้นเองชายผู้นั้นคิดจะฆ่าพวกเรา ทว่าแม่นางผู้นั้นหยุดเขาเอาไว้ แต่ข้าเห็นว่าดวงตาของชายผู้นั้นอาฆาตเป็นอย่างยิ่ง เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร”
“หลังจากกลับมาที่บ้าน สหายลู่รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาเหม่อลอยตลอดทั้งวัน ในตอนนี้เองศัตรูที่แข็งแกร่งก็ฉวยประโยชน์จากเขา เคล็ดลับของเขาถูกขโมยไป กิจการของเขาไม่สามารถไปต่อได้ เขาจึงถือโอกาสนี้กลับไปยังบ้านเกิด ส่วนข้า ตอนนั้นข้ากลับไปร่วมงานศพมารดาจริง ๆ”
“ใต้เท้าลู่ นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้แล้ว” เฉินหูจงกล่าว “เห็นแก่สายสัมพันธ์ที่ดีของข้ากับบิดาของท่าน”
“ความผิดที่เจ้าทำครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องเปิดปากอธิบายเรื่องในครั้งนี้ออกมาให้หมด” ลู่อี้เอ่ยด้วยท่าทีเย็นชา
“สิ่งที่ข้ารู้ ข้าก็พูดไปหมดแล้ว”
“เจ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำสิ่งใด แต่เจ้าเปิดโรงพนันให้พวกเขามานานถึงเพียงนี้ ย่อมล่วงรู้อะไรมาบ้าง หากเจ้าไม่สารภาพ เช่นนั้นก็อย่าได้คิดแม้แต่จะออกจากศาลต้าหลี่”
ลู่อี้หมุนตัวจากไป
ลู่เซวียนตามเขาไปติด ๆ
หลังออกมาจากห้องขังแล้ว ลู่เซวียนจึงเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ท่านว่าสิ่งที่เขาเล่าเชื่อได้หรือไม่?”
“ไม่ว่าจะเชื่อได้หรือไม่ หลังตรวจสอบก็จะทราบเอง” ลู่อี้กล่าว “ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว ขอเพียงแค่เราตรวจสอบก็จะค้นพบความจริงเสมอ นอกจากนี้ หากพระตายทั้งวัดจริง เรื่องนี้จะต้องเป็นที่โจษจันอย่างใหญ่หลวงแน่นอน ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนจำได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไร”
“ได้! เช่นนั้นหากมีข่าวก็บอกข้าด้วย” ลู่เซวียนกล่าว
“อืม”
“ไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นเป็นใคร” ลู่เซวียนเอ่ย “หากเป็นเพราะเหตุการณ์นี้จริง ๆ เช่นนั้น ไม่ใช่ว่าท่านพ่อกับท่านแม่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือ เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อมีเจตนาดี แต่อีกฝ่ายกลับลงมือฆ่าเขาอย่างโหดเหี้ยม”
“เกิดเรื่องเช่นนี้กับสตรีผู้หนึ่ง อีกฝ่ายคิดจะฆ่าคนปิดปาก ให้เรื่องนี้กลายเป็นความลับไปตลอดกาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะโจมตีผู้บริสุทธิ์” ลู่อี้กล่าว “เพียงแต่ ข้าจะไม่วันปล่อยคนที่ลงมือสังหารท่านพ่อท่านแม่เป็นอันขาด”
“ข้าก็เช่นกัน!”
“เจ้ากลับไปก่อน ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ”