สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 589 ปรึกษาเรื่องการแต่งงานของลู่เซวียน
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 589 ปรึกษาเรื่องการแต่งงานของลู่เซวียน
บทที่ 589 ปรึกษาเรื่องการแต่งงานของลู่เซวียน
บทที่ 589 ปรึกษาเรื่องการแต่งงานของลู่เซวียน
ภายในลานบ้าน บุรุษสวมหน้ากากสามสิบคนยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ
เซี่ยคุนเอ่ยว่า “นี่เป็นหน่วยกล้าตายกลุ่มแรก”
“ทำได้ไม่เลว” ลู่อี้เอ่ย “ทำตามแผนเดิม เหลือไว้ในจวนเพียงสิบคน ที่เหลือก็จัดการให้เรียบร้อย…”
“เข้าใจแล้ว” เซี่ยคุนกล่าว “ระยะนี้ในกรมกลาโหมมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง…”
“คาดเดาได้นานแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “น่าเสียดายที่ความทะเยอทะยานของท่านไม่ได้อยู่ที่ราชสำนัก ไม่เช่นนั้นคงเหมาะมากหากไปประจำที่กรมกลาโหม”
“ข้าไม่สนใจ”
ทั้งสองคุยกันอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้วจึงเข้าไปทานอาหารในบ้าน
“ท่านลุงเซี่ย” ลู่จื่ออวิ๋นเข้ามาหา “ข้ามีของบางอย่างจะให้ท่าน”
เซี่ยคุนยิ้มบาง ๆ “สิ่งของอันใด?”
“นี่เป็นปลอกสวมเข่าที่ข้าทำเอง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านลองดูสิว่าใช้ได้หรือไม่”
เซี่ยคุนหยิบมันขึ้นมา แล้วกวาดตามองขึ้น ๆ ลง ๆ แววตาอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน “ใช้ได้ดี”
“ท่านยังไม่ได้ใช้เลยนะ!”
“วัสดุดีเพียงนี้ ทั้งยังให้สัมผัสที่นุ่มนวล แค่มองดูก็รู้ว่ามีประโยชน์มาก” เซี่ยคุนกล่าว “แต่ต่อไปไม่ต้องทำให้ลุงเซี่ยแล้วนะ หากทำมากเกินไปจะเจ็บมือและเจ็บตาเอา”
“ท่านวางใจเถิด ข้ารู้จักประมาณตนเอง”
ลู่อี้ที่อยู่ข้าง ๆ มองเซี่ยคุนและลู่จื่ออวิ๋น แล้วจึงกล่าวว่า “ข้ายังไม่มีปลอกสวมเข่า เจ้ากลับทำให้ท่านลุงเซี่ยของเจ้าก่อนแล้ว”
“ท่านพ่อ ข้าเพิ่งทำเสื้อผ้าใหม่ให้ท่านสองชุดนะเจ้าคะ!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เหตุใดท่านจึงมีนิสัยขี้อิจฉาเช่นนี้”
เซี่ยคุนเอ่ย “พ่อของเจ้าขี้น้อยใจ ไม่ต้องไปสนใจเขา”
“ท่านชอบลูกสาวเพียงนี้ ภายหน้าหากมีลูกสาวในอนาคตจะเป็นอย่างไร?” ลู่อี้กล่าว “เจ้าเด็กที่บ้านท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ซนหรือไม่?”
“ซนสิ แม่ของเขาผอมลงไปมาก ข้าหาแม่นมมาให้สองคน นางกลับเหลือไว้เพียงคนเดียว ไม่ว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะซุกซนเพียงใด นางก็ยังพูดจาอ่อนหวานกับเขาเสมอ ข้าละอยากตบก้นเขาสักครั้งจริง ๆ”
หลังทานอาหารเย็น เซี่ยคุนก็กลับไป ลู่อี้จึงล้างหน้าล้างตาแล้วกลับไปที่ห้องนอน
มู่ซืออวี่กำลังพูดคุยกับสาวใช้ทั้งสอง เมื่อเห็นลู่อี้เข้ามา นางจึงให้สาวใช้ทั้งสองถอยออกไป
“พูดคุยกระซิบกระซาบอันใด ข้ายังฟังไม่ได้หรือ?”
“กำลังพูดคุยเรื่องการแต่งงานของสาวใช้สองคนนั้น” มู่ซืออวี่เอ่ยต่อไป “พวกนางอยู่กับข้ามาหลายปี อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว หากยังไม่แต่งงานก็จะกลายเป็นสาวแก่ทึนทึก ข้ารู้ว่าพวกนางไม่อยากไปจากข้า พวกนางรู้สึกว่าหากแต่งงานไปแล้วจะไม่ได้คอยรับใช้ข้างกายอีก อันที่จริงแม้จะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้าไม่ได้ ทั้งคู่ก็สามารถเป็นผู้ผู้ดูแลข้างกายข้าได้อยู่ดี จื่อซูและจื่อเยวี่ยนติดตามข้ามานาน ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ไปไม่น้อย หากเป็นเพียงสาวใช้ก็น่าเสียดาย ก่อนที่ท่านจะมา สาวใช้สองคนนี้ยังตามมารบเร้าข้าไม่เลิก!”
“เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานแล้ว ยังมีอีกเรื่องให้เจ้ากังวล”
“มีอะไรหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“เรื่องน้องเซวียน” ลู่อี้เอ่ย “พวกเรามีลูกคนที่สี่แล้ว เขายังอยู่ตัวคนเดียว จวนทั้งหลังว่างเปล่า ไม่มีนายหญิงของบ้านสักคน นั่นไม่เหงามากหรือ!”
มู่ซืออวี่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลู่เซวียนก่อนหน้านี้ จึงกล่าวขึ้นมาว่า “น้องสามีมีหนี้ดอกท้อ*[1] หากแต่เขาไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง แต่ท่านกล่าวได้ถูกต้อง ถึงเวลาที่จะปรึกษาเรื่องนี้กันอย่างจริงจังเสียที”
“ไม่นานมานี้ข้าได้พบกับแม่ทัพซู ฟังความนัยของเขาแล้ว เขาตั้งใจจะหมั้นหมายลูกสาวของเขาให้น้องเซวียน”
“ซูจือหลิ่วงั้นหรือ?”
“ไม่ผิด”
“แต่ว่า…”
ซูจือหลิ่วและฉู่หนิงจูเป็นสหายสนิทกัน เช่นนี้ไม่เหมาะสมกระมัง? แม้ว่าตอนนี้ฉู่หนิงจูจะมีโชคชะตาของตนเองแล้ว ทว่าอย่างไรนางก็เคยชอบพอลู่เซวียนมาก่อน เช่นนี้จะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองคนหรือมไม่
“มีอันใดหรือ?” ลู่อี้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าภรรยามีสีหน้าผิดปกติ
มู่ซืออวี่เอ่ยถึงเรื่องที่ตนกังวลออกมา
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา” ลู่อี้เอ่ย “ขอเพียงแม่นางซูไม่ขัดข้อง น้องเซวียนไม่ขัดข้อง ข้าคิดว่าผู้อื่นไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง”
“ไม่มีผู้อื่นแล้วหรือ?”
“บุตรสาวผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนเย่อหยิ่งทะนงตน เกรงว่าจะไม่ใช่ครู่ครองที่ดีอันใด แน่นอนว่าข้าพิจารณาผู้อื่นด้วย ทว่าในบรรดาผู้ที่มีอายุและสถานะที่เหมาะสม ไม่มีผู้ใดเทียบได้กับแม่นางซูผู้นี้” ลู่อี้กล่าวต่อไป “นอกจากนี้แล้วน้องเซวียนก็เป็นคนที่แม่ทัพซูชอบ อย่างน้อยพ่อตาก็จะไม่สร้างความลำบากใจให้เขา หากเป็นสกุลอื่นที่มีความขัดแย้งภายในมากมาย เช่นนั้นเขาจะประสบความยุ่งยากเป็นอย่างมาก”
“ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสม แต่ท่านสนใจสกุลซูใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่จ้องเขา “ปกติท่านจะทำอะไรในราชสำนักข้าไม่สนใจ แต่ข้าไม่อนุญาตให้ท่านใช้คนในครอบครัวเป็นเครื่องมือต่อรอง”
“ฮูหยินคนดี เรื่องเช่นนี้ข้าไม่กล้าทำเป็นอันขาด”
“เช่นนั้นท่านคิดอันใดอยู่กันแน่?”
“ข้าใคร่ครวญจากสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ข้าเห็นว่าการแต่งงานกับสกุลซูครั้งนี้ให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมต่อน้องเซวียนมากที่สุด” ลู่อี้เอื้อมไปรั้งตัวมู่ซืออวี่เข้ามากอด ให้นางนั่งลงบนตักของเขา “แม่นางซูผู้นั้นเจ้าก็เคยพบแล้ว นางนิสัยดีทั้งยังเป็นคนตรงไปตรงมา ด้วยเพราะนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพจึงไม่มีความคิดซับซ้อนอันใด เจ้าก็รู้จักนิสัยของน้องเซวียน เขาเป็นคนคิดมาก ต้องการคนใจกว้างเช่นนี้เคียงคู่กัน”
“น้องสามีรู้หรือไม่?”
“เขารู้ว่าข้าต้องการให้เขาแต่งงาน แต่ไม่รู้ว่าเป็นสกุลซู”
“ข้าพอมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่นางซู ไม่เช่นนั้นข้าจะลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามความคิดเห็นของนางก่อน หากเป็นความต้องการของแม่ทัพซูฝ่ายเดียว พวกเราก็อย่าได้ทำให้นางลำบากใจเลย แต่หากว่านางสนใจเช่นกัน พวกเราค่อยถามน้องสามีว่าเขาคิดอย่างไร”
การจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ นางก็ได้ให้ความสนใจกับสตรีที่ยังไม่ออกเรือนเป็นพิเศษเช่นกัน ดังที่ลู่อี้กล่าวไว้ ถึงแม้จะกล่าวไม่ได้ว่าเข้าอกเข้าใจกันไปเสียทั้งหมด แต่ก็กล่าวได้ว่ามีความสัมพันธ์คุ้นเคยกันดี ความจริงแล้วผู้ที่เหมาะสมจะเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันมีไม่มากนัก หากให้นางเลือก แน่นอนว่านางย่อมชอบซูจือหลิ่วมากกว่า เพราะหญิงสาวผู้นี้ไม่มีอันใดซับซ้อนนัก นางจึงสบายใจที่จะเกี่ยวดองกับอีกฝ่าย
แน่นอนว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของลู่เซวียน ย่อมต้องถามความคิดเห็นของเขา
“ในจวนของพวกเรามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนใช่หรือไม่” มู่ซืออวี่ถาม
“ใช่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืด ปกติจะไม่ปรากฏตัวออกมา” ลู่อี้เอ่ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องไปสนใจพวกเขา พวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยคุนและจะจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง”
“ข้าเตรียมจะปรับเปลี่ยนบ้านเสียหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะส่งแผนผังให้พี่ใหญ่เซี่ย ให้เขาระวังไว้ จะได้ไม่ไปสัมผัสกลไกโดยไม่ตั้งใจ”
สองสามีภรรยาต่างยุ่งทั้งคู่ ระหว่างวันพวกเขาไม่ได้พบกัน ทำได้เพียงจับมือสนทนากันอย่างยาวนานในยามค่ำคืน บางทีก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางทีก็เป็นเรื่องจริงจัง หลังจากพูดคุยสนทนากันจบแล้วก็อิงแอบและสัมผัสถึงการมีอยู่ของกันและกัน
“วันนี้ท่านอาจารย์ที่สอนเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กล่าวว่า เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มีพรสวรรค์มากเพียงนี้ นางไม่ควรเสียเวลาไปกับการเย็บปักถักร้อยเลยจริง ๆ ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่อาจารย์ท่านนั้นกล่าวไม่ถูกต้องจึงโต้เถียงกับนางเสียหลายคำ”
“เจ้านี่นะ เอาแต่ตามใจเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์” ลู่อี้เอ่ย “ท่านอาจารย์เพียงชื่นชมคนมีพรสวรรค์ เพียงแค่เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ชอบเย็บปักถักร้อย รอนางไม่ต้องการเรียนแล้วค่อยว่ากันเถอะ! ส่วนเรื่องอื่น ข้าก็คิดว่านางทำได้ดีไม่แพ้กัน เมื่อวานข้ากลับมายังได้ยินเสียงฉิน เมื่อตามเสียงฉินนั้นไปถึงได้พบว่าเป็นลูกสาวเรากำลังบรรเลง”
มู่ซืออวี่เห็นว่าคิ้วที่ขมวดมุ่นของลู่อี้คลายลง ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันทีที่เขากลับมา นางพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ วันนี้เขาอารมณ์ขุ่นมัวเป็นพิเศษ แต่เขาไม่ต้องการแสดงมันออกมาต่อหน้านางจึงข่มกลั้นอารมณ์ไว้
แต่สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่ให้เขาข่มกลั้นแต่เป็นการผ่อนคลาย โยนความคิดไม่ดีที่ทำให้เขาไม่มีความสุขเหล่านั้นทิ้งไป แล้วเผชิญหน้ากับมันด้วยแนวคิดที่ต่างออกไป
[1] หนี้ดอกท้อ หมายถึง โชคเรื่องความรัก