สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 597 ข้าจะรับอนุ
บทที่ 597 ข้าจะรับอนุ
บทที่ 597 ข้าจะรับอนุ
ฟ่านเหยี่ยนช่วยพยุงนางลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไปหรือ?”
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้หรือ? วันนี้ข้าตกใจมาก” หยางอีเหรินบรรยายถึงภาพที่สุนัขข้างถนนกระโจนเข้ามาหานางและสภาพจิตใจอันบอบช้ำหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
“อันตรายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? พวกบ่าวรับใช้ดูแลเจ้าอย่างไรกัน?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยอย่างเย็นชา “ดูเหมือนต้องลากคนทั้งหมดออกไปแล้วทุบตีให้ตายเสีย”
หยางอีเหริน “…”
แม้ว่านางจะอยากได้รับความสนใจจากฟ่านเหยี่ยน ทว่านางก็ไม่ต้องการสูญเสียคนสนิททั้งหมดที่นี่ไป
“ไม่ได้ร้ายแรงเพียงนั้น” หยางอีเหรินเอ่ย “พวกเขาเองคงไม่ได้คาดคิดว่าจู่ ๆ จะมีสุนัขบ้าหนึ่งตัวออกมากัดคน จึงไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย”
“ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร บ่าวรับใช้ก็ไม่ดูแลเจ้าให้ดี มิหนำซ้ำยังทำให้หวางเฟยได้รับความหวาดกลัว ข้าต้องลงโทษให้หนัก” ฟ่านเหยี่ยนกล่าวด้วยท่าทีสงบ “บ่าว! ลากทุกคนที่ติดตามหวางเฟยวันนี้ออกมา โบยพวกมันยี่สิบครั้ง แล้วขายออกนอกจวนไปเสีย”
“ท่านอ๋อง…” หยางอีเหรินตกตะลึง นางรีบเข้าไปจับแขนของฟ่านเหยี่ยนเอาไว้ “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ ท่านอ๋องรักใคร่ข้าเพียงนี้ ข้าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าได้โปรดละเว้นคนเหล่านั้นด้วยเถิด!”
“หวางเฟย อาณาจักรมีกฎหมายของอาณาจักร บ้านก็มีกฎของบ้าน หากกฎไม่เป็นกฎ บ่าวรับใช้ต่ำต้อยเหล่านั้น ภายหน้าย่อมละเลยเจ้าและข้า หากข้าออกไปข้างนอกและตกอยู่ในอันตรายแล้วพวกมันประมาทเลินเล่อเช่นนี้ ข้าจะไม่ต้องตายโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตายอย่างไรหรอกหรือ?”
ท้ายที่สุด หยางอีเหรินก็ปกป้องคนเหล่านั้นเอาไว้ไม่ได้
คนที่ติดตามนางออกไปข้างนอกวันนี้คือผู้คุ้มกันที่ติดตามนางมาจำนวนสี่คน
นอกจากนี้ยังมีสาวใช้ที่ตามนางแต่งเข้าจวนอ๋องมาอีกสองคน คนหนึ่งถูกสุนัขกัด ภายหน้าอาจไม่สามารถใช้การได้แล้ว อีกคนยังอยู่ดี ทว่าเมื่อดูจากท่าทีของฟ่านเหยี่ยน เกรงว่านางคงปกป้องไว้ไม่ได้แล้วเช่นกัน
หากแค่เพียงสาวใช้สองคนก็แล้วไปเถิด ต่อให้พวกนางถูกขายออกไปก็คงไม่เสียหายมากนัก อย่างมากเพียงแค่ย้ายคนจากที่บ้านบิดามารดานางมาก็สิ้นเรื่อง ทว่าผู้คุ้มกันเหล่านี้ล้วนคัดเลือกมาเป็นอย่างดี การสูญเสียครั้งนี้ทำให้นางปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก
เสียงโบยดังขึ้นมาจากข้างนอก
แม้แต่ผู้คุมกันฝีมือดีก็ไม่อาจทานทนการโบยเช่นนี้ได้
หยางอีเหรินกัดฟัน ทำได้เพียงกล้ำกลืนความสูญเสียครั้งนี้
“ท่านอ๋อง ข้ากลัวจริง ๆ การที่ท่านอยู่กับข้าได้ ข้าดีใจยิ่งนัก”
“อย่างนั้นหรือ?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “แต่ข้าคิดว่า หลังจากเผชิญเรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนี้มา หวางเฟยควรพักผ่อนให้เต็มที่ พอดีเรือนหลังของข้าว่างเปล่าเกินไป ถึงเวลาที่จะต้องเติมเต็มแล้ว”
“ท่านอ๋อง ท่านหมายความว่าอย่างไร?” หยางอีเหรินตกตะลึง
“ข้าต้องการ… รับอนุ” ฟ่านเหยี่ยนมองหยางอีเหรินด้วยสีหน้าเฉยเมย “พวกนางจะได้แบ่งเบาภาระของหวางเฟยได้ ดูรูปร่างของหวางเฟยสิ เจ้าผ่ายผอมยิ่งกว่าตอนที่แต่งงานกับข้าไม่น้อย นั่นทำให้ข้าทุกข์ใจยิ่งนัก ข้าว่าไม่จำเป็นต้องไปหาที่อื่น มีหนึ่งคนพร้อมพอดี นับแต่นี้ไปหวางเฟยก็ให้นางแบ่งเบาภาระเจ้าเถอะ!”
สิ้นคำ ฟ่านเหยี่ยนก็จากไป
หยางอีเหรินยึดขอบโต๊ะเอาไว้แน่น มองแผ่นหลังของฟ่านเหยี่ยนแล้วจึงกัดฟันพูด “ในที่สุดข้าก็มองออก เดิมทีเขาไม่ได้มาที่นี่เพราะรู้สึกสงสารข้าแม้แต่น้อย”
นางช่างไร้เดียงสายิ่งนัก ในใจถึงยังคงเพ้อฝันเรื่องเขา
ก่อนหน้านี้ท่านพ่อท่านแม่เคยกล่าวว่า พี่หญิงคือพระชายาองค์รัชทายาท สกุลหยางของพวกนางย่อมเป็นคนขององค์รัชทายาท นางแต่งงานให้กับเซวียนอ๋อง จุดประสงค์คือเพื่อหยุดความคิดของฉู่กุ้ยเฟย จะดีที่สุดหากนางสามารถเอาชนะใจเซวียนอ๋องและทำให้เซวียนอ๋องหันมารับใช้องค์รัชทายาทได้ แต่แม้ว่านางจะทำไม่สำเร็จก็ไม่สำคัญ อย่างไรเสียขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างก็รู้ว่าเซวียนอ๋องไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
ทว่าหยางอีเหรินกลับไม่ยินยอมพ่ายแพ้ พี่หญิงของนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วถือสิทธิ์อันใด เหตุใดสกุลนางจึงต้องหนุนหลังอีกฝ่าย การแย่งชิงบัลลังก์มักจะเป็นเช่นนี้ หากยังไม่ถึงอึดใจสุดท้ายก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ชนะ
เดิมทีหยางอีเหรินคิดจะดึงสกุลหยางมาเพื่อเซวียนอ๋อง ทว่าเซวียนอ๋องกลับไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางยังต้องกังวลอันใดอีก ภายหน้าอย่าให้นางเห็นว่าเขามาขอความช่วยเหลือก็แล้วกัน
“หวางเฟย…” สาวใช้ขั้นสองเดินเข้ามา “ท่านมีอันใดจะรับสั่งเจ้าคะ?”
“เตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะกลับไปเยี่ยมญาติที่สกุลหยาง” หยางอีเหรินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“แต่…” สาวใช้ขั้นสองเอ่ยเสียงค่อย “ต้องเตรียมอันใดบ้างเจ้าคะ? ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นพี่หญิงทั้งสองท่านจัดการ บ่าวทำไม่เป็นเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีประโยชน์อันใดบ้าง! หา!”
แม่นมที่ติดตามหยางอีเหรินมาเดินเข้ามาจากด้านนอก แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “หวางเฟย ยามนี้ไม่อาจกลับจวนหยางได้นะเจ้าคะ เมื่อครู่นี้มีคนเข้ามารายงานว่าท่านอ๋องรับสาวใช้อวิ๋นซวงผู้นั้นเข้าจวนแล้วเจ้าค่ะ”
“จ้าวอวิ๋นซวง?”
“เป็นนางเจ้าค่ะ”
“ดีสิ ดียิ่งนัก!” หยางอีเหรินเอ่ย “เมื่อก่อนนางเป็นสาวใช้ข้างกายท่านอ๋อง หากข้ากำจัดนาง ท่านอ๋องย่อมไม่ยินดี แต่ตอนนี้นางกลายเป็นอนุของท่านอ๋อง หากข้าต้องการกำจัดอนุผู้หนึ่ง เช่นนั้นไม่ใช่ว่าง่ายเพียงขยับนิ้วหรือ? นางรนหาที่ตายดีนัก ข้าจะช่วยให้นางสมปรารถนาเอง!”
ณ สกุลลู่
มู่ซืออวี่ได้ยินซางจือเอ่ยถึงเรื่องซุบซิบนินทาที่กำลังเล่าลือด้านนอก นางจึงหยุดมือที่กำลังเขียน
“สาวใช้ผู้นั้นชื่ออะไร?”
“ได้ยินว่านางชื่ออวิ๋นซวงเจ้าค่ะ” ซางจือกล่าว “เซวียนวางเฟยผู้นั้นคิดว่าจะกำจัดอนุคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากอันใด นึกไม่ถึงว่าเซวียนอ๋องจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เซวียนหวางเฟยถูกผู้ติดตามของท่านอ๋องไล่ออกมา”
“อวิ๋นซวง…” มู่ซืออวี่พึมพำ “ชื่อนี้…ดูเหมือน…”
ชื่อนางเอกคนนั้น
เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว มู่ซืออวี่เองก็จำได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่านางยังคงจำมันได้ราง ๆ
อย่างไรก็ตาม ในนิยายต้นฉบับ นางเอกปรากฏตัวขึ้นหลังจากฟ่านเหยี่ยนขึ้นครองบัลลังก์ นางตกหลุมรักกับฟ่านเหยี่ยนครั้งที่เขาปลอมตัวออกไปข้างนอก จากนั้น ต่อมาเขาถึงพานางเข้าไปในวัง และภายหลังก็กลายเป็นสนมที่เขาโปรดปรานมากที่สุด ก่อนจะกลายเป็นฮองเฮา
“สาวใช้ผู้นี้มีอันใดไม่ถูกต้องหรือเจ้าคะ?” ฉานอีเอ่ยถาม “ท่านจะตรวจสอบหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น เรื่องในจวนเซวียนอ๋องไม่เกี่ยวข้องกับเรา” คนเขากำลังแก้ไขโครงเรื่อง ดังนั้นนางจึงไม่ควรเข้าไปสอด
ตอนนี้โครงเรื่องพังทลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นกับฟ่านเหยี่ยน ทว่าสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ คู่พระนางอย่างเป็นทางการของตัวเอกฝ่ายชายและตัวเอกฝ่ายหญิงกำลังได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
“ก่อนหน้านี้สองวัน เซวียนหวางเฟยยังคิดจะหาเรื่องคุณหนูของพวกเรา บัดนี้พวกเรายังไม่มีโอกาสที่จะทำอันใดนาง นางกลับกำลังถูกสามีของตนทรมานจนเนื้อตัวแตกยับ”
“นี่เป็นอย่างที่เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นย้อนคืนกระมัง!”
มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นมา “ทางด้านชิงเหอจวิ้นจู่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“หมอหลวงไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ทุกวัน ได้ยินมาว่าบาดแผลนั้นรักษาได้ยากยิ่ง แม้รักษาหายดีแล้วก็จะยังคงทิ้งรอยแผลเป็นไว้”
“ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกเขาแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “หมู่นี้กิจการของเรากำลังได้รับผลกระทบ ข้าวางแผนจะจัดงาน เจ้าเรียกเฟิงเจิงและหวังต้าชุนมาหน่อย ข้ามีเรื่องจะสั่งการ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อเฟิงเจิงและหวังต้าชุนรุดมา เฟิงเจิงก็เอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ เหตุใดไม่จัดการหารือที่ร้านเล่าขอรับ?”
“งานในครั้งนี้ต้องเก็บเป็นความลับ หากทุกคนรู้ เกรงว่าไม่นานจะหลุดออกไป พวกเจ้าไม่สังเกตหรือว่าช่วงนี้มีคนใหม่เยอะขึ้นมาก?”
“อาจารย์กำลังจะบอกว่ามีคนทรยศอีกแล้วหรือขอรับ?”
“อาจไม่ใช่การทรยศแต่เป็นการใช้เงินซื้อคน การที่ข่าวจะรั่วไหลออกไปจึงเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นอย่าง ไร หลังจากจัดตั้งกลุ่มการค้าเมืองหลวงแล้ว พวกเราที่ไม่เข้ากลุ่มก็จะตกเป็นเป้าหมายทั้งในที่ลับและที่แจ้ง จึงต้องระมัดระวังให้ถี่ถ้วน”
“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ ถูกทุบ” หวังต้าชุนกล่าว “แต่เถ้าแก่หร่วนใจดียิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่รายงานเรื่องนี้ให้ทางการทราบ”
“รายงานทางการไม่มีประโยชน์อันใด”