สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 598 น้องสามี อยากสร้างความชอบอีกหรือไม่
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 598 น้องสามี อยากสร้างความชอบอีกหรือไม่
บทที่ 598 น้องสามี อยากสร้างความชอบอีกหรือไม่
บทที่ 598 น้องสามี อยากสร้างความชอบอีกหรือไม่
มู่ซืออวี่หารือเรื่องรายละเอียดกิจกรรมกับลูกศิษย์ทั้งสองของนาง จากนั้นจึงงีบหลับอยู่ข้างหน้าต่าง
ตอนนี้นางตั้งครรภ์ ความง่วงงุนของนางยิ่งย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว นางจึงรับผิดชอบเพียงให้คำแนะนำ ปล่อยที่เหลือให้เฟิงเจิงและหวังต้าชุนไปจัดการ
“ฮูหยิน ท่านไปนอนพักผ่อนที่เตียงเถิด!” ซางจือเอ่ยเบา ๆ
มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมาเอ่ยด้วยท่าทีสะลึมสะลือ “หากข้านอนตอนนี้ กลางคืนจะนอนไม่หลับ ข้าเพียงแค่งีบเดี๋ยวเดียว งีบเดี๋ยวเดียว…”
ฉานอีนำผ้าห่มผืนบางมาห่มให้มู่ซืออวี่
จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เบิกตาโพลงโดยพลัน
“ฮูหยิน ข้าทำให้ท่านตกใจหรือเจ้าคะ? บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ” ฉานอีคุกเข่าลง
“ไม่ใช่ จู่ ๆ ข้าก็นึกออกเรื่องหนึ่ง” มู่ซืออวี่ค่อย ๆ ลุกขึ้น “เตรียมรถม้า ไปที่บ้านนายท่านรอง”
ลู่เซวียนเพิ่งกลับมาถึงจวน พ่อบ้านก็แจ้งว่าฮูหยินใหญ่ลู่มาแล้ว
“พี่สะใภ้ข้ามา? นางมาคนเดียวหรือ?”
“พาสาวใช้อีกสองคนมาด้วยขอรับ”
“ตอนนี้อยู่ที่ใด?”
“รอนายท่านรองอยู่ในห้องตำราขอรับ กล่าวว่ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่าน”
ลู่เซวียนกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดา ๆ จากนั้นจึงไปพบมู่ซืออวี่
“พี่ใหญ่มาหาข้าที่นี่บ่อยครั้ง แต่พี่สะใภ้น้อยครั้งที่จะมา ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว วันนี้มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นหรือ?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยให้เจ้าได้เลื่อนขั้นอย่างไรเล่า” มู่ซืออวี่เอ่ย “นั่งลงพูดคุยกันเถอะ”
สาวใช้สองคนอยู่ใกล้ ๆ คอยเติมชาให้นายทั้งสอง
มู่ซืออวี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระยะนี้ให้ฟังคร่าว ๆ
“เจ้าคนแซ่หลี่ผู้นั้นมาจากจวนพระสัสสุระ หมายความว่าพระสัสสุระคิดจะรวบรวมพ่อค้าทั่วทั้งเมืองหลวง เขาคิดจะกุมความมั่งคั่งเอาไว้ในมือหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ย “วิธีการของพวกเขาก็ชั่วร้ายเช่นกัน หากไม่ยินยอมเข้าร่วมกับเขา เจ้าก็จะถูกตอบโต้ ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ ตรงข้ามพวกเราเพิ่งถูกทุบ”
“ข้าทำอันใดได้บ้าง?” เรื่องเศรษฐกิจอยู่ในการควบคุมของกรมพระคลัง ตอนนี้เขาเป็นรองเสนาบดีกรมพระคลัง เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขาจริง ๆ
ทว่าแต่โบราณมา การต่อสู้ระหว่างผู้ทำการค้าเปรียบเสมือน ‘เรื่องภายในบ้าน’ ที่ยากแก่การแก้ไข
“หากพวกเขาจัดตั้งกลุ่มการค้าเมืองหลวงขึ้นมาได้ เช่นนั้นราชสำนักก็สามารถรวบรวมผู้ทำการค้าเข้าด้วยกันและจัดตั้งกฎหมายขึ้นมาภายในชื่อของราชสำนัก ถึงตอนนั้นกลุ่มการค้าเมืองหลวงก็จะเหลือเพียงในนามแล้ว อีกทั้งราชสำนักยังสามารถกำหนดกฎหมายการค้าขึ้นมาเล่มหนึ่ง ซึ่งในนั้นจะมีกฎหมายมากมายที่เกี่ยวข้องกับการทำการค้า…”
มู่ซืออวี่และลู่เซวียนพูดคุยกันเป็นเวลาสองชั่วยาม ลู่เซวียนเขียนบางอย่างลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นก็ขยายความโดยอาศัยความคิดของมู่ซืออวี่ ทั้งสองคนยิ่งพูดคุยกันลึกลงไปเรื่อย ๆ กระดาษที่เต็มไปด้วยร่างก็กระจายออกเต็มโต๊ะตรงหน้า
เมื่อลู่อี้มารับมู่ซืออวี่ เขาก็เห็นฉากที่เต็มไปด้วยการปรึกษาหารืออย่างดุเดือดระหว่างน้องสามีและพี่สะใภ้ โดยมีสาวใช้สองคนฟังด้วยท่าทีง่วงงุนอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามา พวกนางจึงตื่นจากความงุนงงและยืนตัวตรงทันที
“นายท่าน…”
ลู่อี้สะบัดมือส่งสัญญาณให้สาวใช้ทั้งสองคนถอยออกไป
เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม ฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสอง
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ลู่อี้ดูเหมือนได้แรงบันดาลใจบางอย่างจึงหยิบพู่กันที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาเขียนบางอย่างลงไป
เมื่อลู่เซวียนและมู่ซืออวี่หยุดสนทนาจึงได้รู้ว่าลู่อี้มาถึง
“พี่ใหญ่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“มาสักพักหนึ่งแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “วีธีของพี่สะใภ้เจ้าไม่เลว ทันทีที่ร่างกฎหมายการค้านี้ขึ้นมาและประกาศใช้ เหล่าผู้ทำการค้าจะสามารถหลบเลี่ยงข้อพิพาทระหว่างกัน ทั้งยังหลีกเลี่ยงการหาผลประโยชน์ของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ หลายวันนี้เจ้าไม่ต้องไปท้องพระโรงแล้ว เพียงแค่จัดทำร่างนี้อยู่ที่บ้านให้ถี่ถ้วนก็พอ หากทำคนเดียวไม่ไหว เช่นนั้นก็นำคนจากกรมพระคลังสักสองคนมาช่วย”
“หิวยิ่งนัก นี่ถึงเวลาทานอาหารแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าจะให้บ่าวยกอาหารมาเดี๋ยวนี้” ลู่เซวียนกล่าว
สองพี่น้องลู่ดื่มสองสามจอก มู่ซืออวี่มองพวกเขาด้วยความอยาก ทว่านางต้องห้ามตนเองไว้เพื่อเด็กในท้อง
หลังจากนั้นสองพี่น้องสกุลลู่ก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องนี้ในราชสำนัก ส่วนมู่ซืออวี่ก็ยุ่งกับการจัดการกิจการของนาง คนในสกุลลู่ทุกคนล้วนมีงานล้นมือ
“พี่หญิงมู่” ซูจือหลิ่วเดินเข้ามาหาพร้อมกับสาวใช้สองคน
มู่ซืออวี่หันมามองนาง “วันนี้เหตุใดเจ้ามีเวลาว่างมาได้เล่า?”
“ได้ยินว่าเรือนกรุ่นฝันกำลังจัดงาน ข้าจึงมาดูหน่อย” ซูจือหลิ่วเอ่ยขึ้น “มีอันใดให้ช่วยหรือไม่?”
“มีอยู่จริง ๆ” มู่ซืออวี่เอ่ย “วันนี้มีแขกเหรื่อมามากมายยิ่งนัก มีบางส่วนเป็นสตรีจากสกุลขุนนาง เจ้าก็คุ้นเคยกันดี หากช่วยข้ารับรองแขกสักคนสองคนคงดียิ่ง”
“ได้เจ้าค่ะ” ซูจือหลิ่วเห็นสหายสนิทสองสามคนพอดีจึงเข้าไปทักทาย
เมื่อสตรีจากสกุลขุนนางเหล่านั้นเห็นซูจือหลิ่วก็หัวเราะขึ้นมา
“พวกเรานึกว่าตนเองขยันมากแล้ว เพราะตื่นแต่เช้า มาแต่เช้า นึกไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่ซูจะขยันกว่าเราเสียอีก!”
“ท่านจะเทียบกับพี่หญิงซูได้หรือ? พี่หญิงซูและฮูหยินลู่ไม่นานก็จะเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กันแล้ว พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้พวกเราเป็นแขก นางเป็นเจ้าบ้าน”
“พวกเจ้าพอได้แล้ว” ซูจือหลิ่วใจกว้าง นางไม่ได้แสดงสีหน้าออกมาแม้แต่น้อยแม้จะรู้สึกกระอักกระอ่วน “วันนี้เป็นวันดีของพี่หญิงมู่ หากพวกเจ้ารังแกคนอื่นเช่นนี้ ระวังข้าจะไม่เกรงใจอีก”
“เช่นนั้น คิดจะไม่เกรงใจพวกเราอย่างไรเล่า?”
“ข้าจะลงโทษให้พวกเจ้าซื้อของที่แพงที่สุดที่นี่”
“พี่หญิงที่แสนดี ท่านให้อภัยพวกเราด้วยเถิด เงินเล็กน้อยของพวกเราจะซื้อได้อย่างไร? แม้ท่านจะเอาข้าไปขายก็ซื้อของพวกนั้นไม่ได้หรอก!”
สองสามคนนั้นหัวเราะออกมา
มู่ซืออวี่ให้ซูจือหลิ่วไปรับรองแขกนับว่าฉลาดมาก นางไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวด้วยตนเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงผ่อนคลายลงไปมาก
“ที่นี่ค่อนข้างครึกครื้นทีเดียวนะ!” เสียงเอื่อยเฉื่อยเสียงหนึ่งดังขึ้น
ด้านหลังเขามีผู้ติดตามมาหลายสิบคน
“พี่หญิงซู นั่นไม่ใช่หลานชายของฮองเฮา โอวหยางลั่วหรือ?”
โอวหยางลั่วจากจวนพระสัสสุระ หนึ่งในคุณชายจอมเสเพลแห่งเมืองหลวง
มู่ซืออวี่ทราบตัวตนของเขาจากบทสนทนาของคนข้าง ๆ
เมื่อเห็นว่าเขามาที่นี่ด้วยเจตนาไม่ดีก็รู้ว่าคงมีคนยุยงให้เขามาสร้างปัญหาแล้ว
ปัง!
โอวหยางลั่วเตะตู้ตำราหนึ่งทีจนประตูตู้แง้มออก
“นี่มันของชั่วช้าอะไรกัน?” โอวหยางลั่วเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม “ทำของเช่นนี้ออกมา คงไม่ได้คิดจะหลอกเอาเงินคนกระมัง?”
มู่ซืออวี่ที่เดินออกมาเอ่ยขึ้น “คุณชายโอวหยาง ท่านทั้งปราดเปรียว วรยุทธ์ล้ำเลิศ แม้ของจะทำจากเหล็กก็คงไม่อาจต้านทานแรงเตะท่านได้”
“ข้าเพียงอยากตรวจสอบสินค้า เถ้าแก่เนี้ยมู่ร้อนตัวแล้วหรือ?” โอวหยางลั่วมองนางอย่างโอหัง
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? คุณชายโอวหยางอยากตรวจสอบสินค้า แน่นอนว่าข้าต้องให้ความร่วมมือ” มู่ซืออวี่ปรบมือ
ผู้คุ้มกันร่างกายแข็งแรงกำยำนับสิบคนเดินออกมา
แต่ละคนประดับดาบข้างเอว สีหน้าเยือกเย็นเคร่งขรึม ค่อนข้างข่มขวัญคนทีเดียว
ทว่าโอวหยางลั่วคุณชายจอมเสเพลแห่งเมืองหลวงผู้นี้ทำเรื่องไร้สาระมามากมายนับไม่ถ้วน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เห็นฮูหยินผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ผู้หนึ่งอยู่ในสายตา
ผู้ใดใช้ให้เขาเป็นถึงหลานฮองเฮาเล่า?
“คิดจะทำอันใดกัน? ข่มขู่ข้าหรือ?” โอวหยางลั่วเย้ยหยัน “ทำลายที่แห่งนี้ให้ย่อยยับ!”
“หากคุณชายโอวหยางอยากทำลายที่แห่งนี้ อย่างมากข้าก็แค่สูญเสียเงินเล็กน้อย ทว่าท่านคิดให้กระจ่างก่อนเถิดว่าฮองเฮายังจะปกป้องท่านได้หรือ?”
“เจ้ากล้าข่มขู่ข้าหรือ?”
เขาเหวี่ยงมือไปทางมู่ซืออวี่
ฉานอีดึงมู่ซืออวี่ถอยออกมา ส่วนซางจือขวางกำปั้นของเขาไว้
ขณะที่โอวหยางลั่วกำลังจะบ้าคลั่งนั้นเอง ทหารม้าขบวนหนึ่งก็เข้ามา