สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 617 ลู่เซวียนแต่งงานแล้ว
บทที่ 617 ลู่เซวียนแต่งงานแล้ว
บทที่ 617 ลู่เซวียนแต่งงานแล้ว
“กรี๊ดดด…” ฮูหยินรองซูก้มลงมองเลือดบนพื้น นางปิดปากแล้วส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น
นายท่านรองซูรีบเอ่ยว่า “ฮูหยินอย่าตื่นตระหนกไป ข้าจะพาไปหาท่านหมอ บ่าว! รีบเข้ามาช่วยพยุงฮูหยินเร็วเข้า!”
ฮูหยินรองซูชี้ไปทางมู่ซืออวี่อย่างต้องการจะกล่าวบางอย่าง ทว่าถูกนายท่านรองซูดึงตัวไปเสียก่อน
“นางทำร้ายข้า… นางทำร้าย…. ท่านมันคนไร้ประโยชน์…”
เมื่อฟันหายไปหนึ่งซี่ ยามพูดจึงมีเสียงลมออกมา ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ความหมายยังคงพอฟังเข้าใจได้
ทว่าท่ามกลางคนมากมายที่อยู่ที่นี่ กลับไม่มีใครคิดจะช่วยนาง บางคนรู้สึกว่าภาพเมื่อครู่นี้สร้างความพึงพอใจให้ไม่น้อย
“น้องสะใภ้ช่างไม่ระวังเอาเสียเลย” เซี่ยวซื่อเอ่ยขึ้นมา “ฮูหยินใหญ่ลู่ อย่าได้ถือสา!”
“มีสกุลใดที่ไม่รู้ว่าอันใดควรอันใดไม่ควรบ้างเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ย “เช่นนั้นพวกเรามาคุยเรื่องการแต่งงานของจือหลิ่วและน้องสามีกันเถิด!”
ลู่เซวียนค้อมคำนับซูเซิ่งและเซี่ยวซื่อ “ผู้เยาว์ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกมากมาย หากแม่ทัพซูและฮูหยินต้องการอันใดโปรดบอก ผู้เยาว์จะพยายามอย่างถึงที่สุด”
“พวกเราไม่เคยแต่งงานในเมืองหลวง พิธีรีตองในการแต่งงานเหล่านั้นยิ่งรู้น้อยยิ่ง” มู่ซืออวี่เอ่ย “กฎเกณฑ์การแต่งงานระหว่างสกุลผู้มั่งคั่งนั้นยากเข้าใจเสียจริง แม่ทัพซูและฮูหยินต้องการสิ่งใดล้วนได้ทั้งสิ้น สิ่งที่สะใภ้สกุลอื่นมี สกุลลู่พวกเราก็มีเช่นกัน”
หลายวันต่อมา ลู่เซวียนในชุดเจ้าบ่าวนำขบวนแต่งงานไปยังสกุลซูเพื่อรับตัวเจ้าสาว
หน้าตาท่าทีของลู่เซวียนดูมีความรู้ความสามารถเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดผ่านไปมาเห็นเจ้าบ่าวหน้าตาดีเช่นนั้นก็ล้วนเอ่ยชมความโชคดีของเจ้าสาว
บ่าวรับใช้หลายคนเดินจูงม้าไป บนม้าหนึ่งตัวมีตะกร้าสองใบ อีกทั้งตะกร้าใบนั้นเต็มไปด้วยเหรียญทองแดง ระหว่างทาง บ่าวรับใช้โปรยเงินไปทุกหนทุกแห่ง
“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันมงคลของนายท่านรองลู่ ฮูหยินใหญ่ของพวกเรากล่าวว่า ทางใดได้ยินคำอวยพรเป็นสิริมงคล พวกเราก็จะโปรยเงินมงคลไปทางนั้น ให้พวกท่านได้ยินดีปรีดาไปด้วยกัน”
ชาวบ้านได้ยินแล้วก็เห็นดีเห็นงามเป็นอย่างยิ่ง รีบเอ่ยคำอวยพรมากมายออกมาอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งถนนเต็มไปด้วยคำชื่นชมยินดีหลายรูปแบบ เหรียญทองแดงถูกโปรยปรายไปทุกหนทุกแห่งราวกับสายฝน ผู้คนล้วนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ลู่อี้มองบรรยากาศทั่วทั้งงานแต่ง
เขานึกถึงปีแห่งความยากลำบากของพวกเขาสองพี่น้อง นึกย้อนกลับไปถึงความกดดันที่เขาแบกรับเพื่อที่จะรักษาลู่เซวียน บัดนี้เห็นลู่เซวียนโดดเด่น ในใจของเขาปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“หนึ่งคำนับฟ้าดิน… สองคำนับบิดามารดา…”
สกุลลู่ไม่มีบิดามารดา บิดามารดาบัดนี้คือซูเซิ่งและภรรยา
สกุลซูมีบุตรสาวเพียงคนเดียว บัดนี้ลู่เซวียนไม่ใช่เพียงลูกเขยของพวกเขา แต่ยังเป็นบุตรชายในครอบครัวพวกเขาด้วย
ซูเซิ่งและภรรยามองคู่ที่สมกันราวกับกิ่งทองใบหยกตรงหน้าด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน
ลูกสาวของพวกเขามีที่ให้พึ่งพาแล้ว พวกเขาทั้งตื้นตันใจ ทั้งโล่งใจ
หลายวันมานี้ พวกเขารู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง งานแต่งที่เขาทำหน้าหนาร้องขอเพื่อลูกสาวนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆ ดูได้จากสายตาอิจฉาตาร้อนของสหายร่วมงานเหล่านั้น
“สามีภรรยาคำนับกันและกัน…”
ลู่เซวียนแต่งงาน ถึงแม้งานวันนี้จะไม่สู้งานเลี้ยงเลื่อนตำแหน่งของลู่อี้ก็ไม่ถึงกับแตกต่างกันมากนัก
งานนี้มู่ซืออวี่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
“ฉานอี เจ้าไปดูเจ้าสาวที่ห้องหอ ส่งอาหารไปให้นางทานสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่ต้องอยู่รับรองแขกเหรื่อ
อันอี้หางในฐานะที่เคยเป็นสหายของลู่เซวียนก็อยู่ในแขกที่ได้รับเชิญในวันนี้เช่นกัน
เขามองพี่ชายน้องชายสกุลลู่ที่รุ่งโรจน์เปล่งประกาย แล้วนึกถึงตนที่กำลังตกต่ำลง จึงดื่มสุราเข้าไปอีกหลายจอก
“ฮูหยินลู่” เย่อิงเกอยกจอกสุราขึ้นมา “วันนี้เป็นวันมงคลของนายท่านรองลู่ หากพี่ชายข้าอยู่ที่นี่ เขาต้องมีความสุขเป็นแน่ ความสัมพันธ์ยามนั้นของพวกเขาดียิ่ง จอกนี้ดื่มแทนพี่ชายข้า ทว่าข้ารู้ว่าฮูหยินลู่ไม่อาจดื่มสุรา ดังนั้นท่านเพียงแค่ดื่มน้ำแทนก็พอ สุราจอกนี้แทนจิตใจของข้าและพี่ชาย”
“ได้ เช่นนั้นต้องขอบคุณแล้ว” มู่ซืออวี่ยกจอกน้ำเปล่าขึ้นดื่ม
นางมองเย่อิงเกออย่างสังเกต “เจ้าดื่มหนักไปแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าดื่มไปเพียงแค่สองจอก” เย่อิงเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินกังวลว่าข้าจะดื่มหนักจนเสียสติไปหรือ? วางใจเถอะ หากข้าดื่มมากไปก็เพียงหลับเท่านั้น ไม่มีทางเสียสติ”
ฉานอีนำอาหารและน้ำชามา ทั้งยังเอ่ยกับสาวใช้ของซูจือหลิ่ว “ฮูหยินกำชับแล้ว ฮูหยินรองลู่ต้องการทานสิ่งใดก็ให้บ่าวไปทำมา จวนพวกเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมายเพียงนั้น วันนี้เป็นวันมงคลของนายท่านรอง ไม่อาจให้เจ้าสาวต้องคับข้องใจเป็นอันขาด”
“วางใจเถิด ฮูหยินรองของพวกเราไม่เกรงใจฮูหยินใหญ่อย่างแน่นอน” สาวใช้ผู้นั้นยิ้ม
เสียงความครื้นเครงดังเข้ามาจากหน้าต่าง
ซูจือหลิ่วมองไปทางหน้าต่าง
“ข้างนอกมีคน” นางเอ่ยกับฉานอี
ฉานอีเดินออกไปนอกประตู ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ดึงเด็กหญิงตัวน้อยผู้หนึ่งเข้ามา
“ข้างนอกมีแม่นางน้อยคนหนึ่ง” ฉานอีเอ่ย “ไม่รู้ว่าแขกท่านใดพานางมา ฮูหยินรอง เช่นนั้นข้าพานางไปก่อนแล้ว”
“ท่านคือแม่บุญธรรมหรือ?” แม่นางน้อยผู้นั้นมองซูจือหลิ่วแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ข้ากล่าวว่าวันนี้เป็นงานแต่งของพ่อบุญธรรม คนที่แต่งก็คือแม่บุญธรรม ท่านเป็นเจ้าสาว ดังนั้นท่านเป็นแม่บุญธรรมใช่หรือไม่?”
“พ่อบุญธรรม?” ซูจือหลิ่วเอ่ยถาม “พ่อบุญธรรมของเจ้าคือลู่เซวียนหรือ?”
“อื้อ ท่านแม่ข้าบอกว่าข้าเกิดได้อย่างปลอดภัยเพราะพ่อบุญธรรม เขาและท่านลุงของข้าเป็นสหายร่วมศึกษา ดังนั้นตอนที่ข้าเกิดมา พ่อบุญธรรมของข้าจึงรับข้าเป็นลูกบุญธรรมของเขา ตอนที่ข้าเกิด ข้าอ่อนแอมาก หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงตายไปแล้ว ฉะนั้นข้าต้องระลึกถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อบุญธรรม” โหยวหรงอวี้กล่าว
“นายท่านรองไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน” ซูจือหลิ่วถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
ฉานอีที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “บ่าวก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเจ้าค่ะ”
“ข้าและท่านแม่ข้าอาศัยอยู่ที่เมืองฮู่เป่ย เพิ่งเข้าเมืองหลวงมาไม่นาน” โหยวหรงอวี้ตอบ “ข้าชื่อหรงอวี้”
โหยวหรงอวี้มีสาวใช้ผู้หนึ่งดูแลนาง สาวใช้นางนั้นไปปลดทุกข์ คุณหนูกลับหายไปแล้วจึงรีบร้อนไปตามหาคน หลังจากตามหาอยู่เป็นเวลานานจึงไปตามบ่าวรับใช้สกุลลู่มาช่วยหา แต่ก็ยังหาไม่พบ นางไร้ทางเลือก ได้แต่ไปรายงานกับเย่อิงเกอ
เมื่อเย่อิงเกอรู้ว่าโหยวหรงอวี้หายตัวไปจึงรีบไปหามู่ซืออวี่ให้นางส่งคนไปช่วยตามหา
ลู่เซวียนทำหน้าที่รับรองแขกฝ่ายชาย ทว่าเมื่อเขาอยู่ระหว่างทางไปห้องน้ำ เขาสังเกตได้ว่าบรรยากาศภายในจวนผิดปกติจึงสอบถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เย่อิงเกอเดินผ่านมาพอดี ทันทีที่เห็นลู่เซวียนในชุดเจ้าบ่าว นางหยุดฝีเท้าลง สายตาจับจ้องลู่เซวียนไม่ละ
“พี่ลู่เซวียน”
ลู่เซวียนจดจำเย่อิงเกอได้
รูปโฉมของเย่อิงเกอดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
“ฮูหยินโหยว ท่านมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใด?”
ลู่เซวียนไม่รู้จริง ๆ ว่าเย่อิงเกอเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว
เย่อิงเกอได้ยินคำว่า ‘ฮูหยินโหยว’ ในใจของนางพลันหนาวเหน็บราวกับอยู่ในเหมันตฤดู
“ข้าเพิ่งเข้าเมืองหลวงมาได้ไม่นาน” เย่อิงเกอเอ่ย “ฮูหยินลู่เชิญข้ามาร่วมงานแต่งของท่าน ข้านึกว่านางบอกท่านแล้ว ที่แท้ท่านยังไม่ทราบนี่เอง หากรู้เสียแต่เนิ่น ๆ ข้าคงไม่หน้าหนามาร่วมงานแต่งของท่าน”
ลู่เซวียนเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านมีเรื่องอันใดหรือ?”
“ลูกสาวของข้าไม่รู้ว่าไปที่ใด ข้ายังต้องตามหานาง” เย่อิงเกอเอ่ย “ท่านไปทำหน้าที่ของท่านต่อเถอะ นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ข้าจะให้คนค่อย ๆ ตามหา แขกของท่านยังรอท่านอยู่ วันนี้ท่านเป็นเจ้าบ่าว ผู้ใดล้วนจากไปได้ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ไม่เมาห้ามกลับ ทว่าพี่ลู่เซวียน ยังคงดื่มให้น้อยเถิด ดื่มมากไปจะทำร้ายร่างกายท่านได้”