สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 619 ฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด
บทที่ 619 ฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด
บทที่ 619 ฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด
“ย่อมได้ พี่หญิงซ่างกวน” มู่ซืออวี่ตอบกลับอย่างใจกว้าง
“ดีจริง!” ฮูหยินอู่อันโหวคว้ามือของมู่ซืออวี่ไปจับ “น้องหญิงมู่ ข้าละชอบคนที่ใจกว้างทั้งยังตรงไปตรงมาอย่างเจ้าจริง ๆ”
ฮูหยินเจียงหัวเราะเบา ๆ “น้องหญิงมู่ เจ้าไม่อาจเป็นฝนตกไม่ทั่วฟ้าได้ กล่าวกันแล้วก็เป็นท่านที่ช่วยชีวิตเจียงหว่านเฉินของเราเอา โชคชะตาของเราก็นับว่าไม่ตื้นเขิน ข้าก็อยากเรียกท่านว่าน้องหญิงเช่นกัน”
“พี่หญิงชิงหรู”
“น้องหญิงมู่รู้จักแซ่เดิมข้าด้วยหรือ?”
“จวนเจียงเป็นลูกค้าพิเศษของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ครั้งก่อนมีคำสั่งซื้อที่ต้องเขียนชื่อ ท่านเขียนชื่อของท่านลงไป
“จริงด้วย ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว”
มู่ซืออวี่แทบทานทนท่าทีกระตือรือร้นของ ‘พี่หญิง’ ทั้งสองท่านเอาไว้ไม่ไหว ไม่นานก็มีฮูหยินคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมผสมโรง
ฮูหยินถานเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูสิ พวกท่านทำอันใดกัน? วันนี้เป็นวันมงคลของนายท่านรองลู่และคุณหนูสกุลซู หากพวกท่านยังรุมล้อมฮูหยินลู่เช่นนี้ หากใครไม่รู้คงคิดว่าวันนี้เป็นงานมงคลของนางและใต้เท้าลู่เป็นแน่”
“ข้าและน้องหญิงมู่รู้สึกราวกับเป็นสหายกันมานานนม วันนี้ข้าจึงต้องเกาะติดนางหน่อยแล้ว” ฮูหยินเจียงเอ่ย
“ข้ากำลังจะจัดชุมนุมบุปผาน้ำชา น้องหญิงมู่ต้องมาร่วมชมบุปผาจิบชาด้วยกันให้ได้เล่า” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ย
ฮูหยินถานนึกคำพูดของสามีขึ้นมาได้ มองจากท่าทีของฮูหยินอู่อันโหวและฮูหยินเจียงแล้ว ย่อมคาดเดาออก
ดั่งคำที่ว่าสกุลหนึ่งมีธิดางดงาม สกุลอื่นย่อมต้องการสู่ขอมาให้บุตรชายของตน นี่ไม่นับว่าแปลกอันใด
เมื่อนึกถึงเด็กที่บ้านคนนั้น ฮูหยินถานก็เอ่ยเชิญมู่ซืออวี่เช่นกัน เพียงแต่ไม่ใช่ไปดื่มชาชื่นชมบุปผา ทว่านัดหมายไปชมงิ้วด้วยกัน
หลังจากงานแต่งสิ้นสุดลง ลู่อี้จึงพาภรรยาและลูกกลับไปที่บ้านของตนเอง
มู่ซืออวี่รู้สึกง่วงงุนนานแล้ว ดวงตาแทบลืมไม่ขึ้น
นางตื่นขึ้นมาขณะที่ลู่อี้กำลังวางนางลงบนเตียง
“ถึงบ้านแล้วหรือ?”
“นอนเถอะ!”
“ข้ายังไม่ได้อาบน้ำ”
“ข้าจะช่วยอาบให้เจ้า”
ลู่อี้บอกว่าเขาจะช่วยอาบน้ำให้มู่ซืออวี่ เขาก็ช่วยนางอาบแล้วจริง ๆ ทว่าผลกลับกลายเป็นนางตื่นขึ้นมาและไม่อาจนอนหลับลงได้ง่าย ๆ
“วันนี้มีบางอย่างเกิดขึ้น”
มู่ซืออวี่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของลู่อี้ พูดคุยกันเรื่องความเปลี่ยนแปลงจากท่าทีของฮูหยินหลายท่านที่มีต่อนาง
“เจ้าคิดว่าพวกนางสนใจอวิ๋นเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ?”
“นอกจากเรื่องนี้ ข้าก็คิดเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว ฮูหยินเจียงผู้นั้นท่าทีชัดเจนเป็นพิเศษ แรกเริ่มนางกล่าวชมอวิ๋นเอ๋อร์ก่อน หยั่งเชิงดูว่านางมีการหมั้นหมายแล้วหรือยัง ส่วนฮูหยินอู่อันโหวนั้น ชื่นชมเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มาแต่ไหนแต่ไร”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ยังเล็ก แม้พวกเขาจะมีความคิดเช่นนี้ นั่นก็เป็นเรื่องของอีกหลายปีข้างหน้า ไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ดูไปก่อนเถิด”
“อืม”
ลู่เซวียนเพิ่งแต่งงาน จึงมีวันหยุดเป็นเวลาสามวัน
มู่ซืออวี่เอ่ยแนะนำลู่เซวียนแล้ว เขาสามารถพาซูจือหลิ่วไปเที่ยวเล่นในเมืองใกล้ ๆ ที่มีทิวทัศน์ที่งดงามได้ เช่นนี้ก็นับได้ว่าเป็นการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เล็ก ๆ
ซูจือหลิ่วนั่งอยู่ในรถม้า มองวิวทิวทัศน์ข้างนอกที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปแล้วจึงเอ่ยว่า “พวกเราไปเที่ยวสองสามวันได้จริง ๆ หรือ?”
“เดิมทีข้ามีวันหยุดพักผ่อนสามวัน หากที่นั่นสนุกสามารถรั้งอยู่ต่อสักสองสามวันได้ ข้าแจ้งไว้แล้ว ใต้เท้าคนอื่น ๆ ย่อมให้ความร่วมมือกับข้าแน่นอน” ลู่เซวียนเอ่ย “เพียงแต่หากกลับมาไม่ทันการ หวังว่าท่านพ่อและท่านแม่จะไม่ถือสา”
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าชอบท่านเพียงนี้ จะถือสาได้อย่างไร?” ใบหน้าของซูจือหลิ่วแดงเรื่อขึ้นมา
ลู่เซวียนคว้ามือของซูจือหลิ่วไปกุม
นอกรถม้า โม่จู๋มองกู้อีเตาแล้วจึงเอ่ย “ท่านช้าลงหน่อย”
กู้อีเตาทำเหมือนไม่สนใจโม่จู๋ ทว่ามือของเขากลับเคลื่อนไหวช้าลง
ณ สกุลซู ซูเซิ่งและเซี่ยวซื่อได้ยินตั้งแต่เช้าตรู่แล้วว่าลูกเขยของพวกเขาพาลูกสาวออกไปเที่ยวเล่น ต้องรอกลับมาเมืองหลวงก่อนถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้านภรรยาได้
สองสามีภรรยาสับสน บางครั้งก็สุขใจ บางครั้งเศร้าใจ
สุขใจที่ลูกเขยของตนยินดีใช้วันหยุดพักผ่อนพาลูกสาวตนออกไปเที่ยวเล่นสูดอากาศ แสดงให้เห็นว่าเขาพึงพอใจต่อนาง แต่ที่เศร้าใจเพราะคนในบ้านน้อยลงไปหนึ่งคน แม้กระทั่งหัวใจของเขาก็วูบโหวง
ฮูหยินรองซูเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พวกท่านอยู่ที่บ้านหรือ!”
“เจ้ารู้ว่าพวกเราอยู่ที่บ้าน ถึงได้มาหาพวกเราไม่ใช่หรือ?” เซี่ยวซื่อมองนางอย่างเย็นชา “มีเรื่องวุ่นวายอันใดอีก?”
“ไม่ได้ จะมีเรื่องวุ่นวายได้อย่างไร?” สายตาของฮูหยินรองซูแฝงแววอิจฉา
เมื่อคืนนี้นางถูกนายท่านรองซูตบเข้าหนึ่งฉาด คำพูดของนายท่านรองซูทำให้นางตื่นเต็มตา นางเอาแต่ประชดประชันทะเลาะเบาะแว้งกับบ้านใหญ่เช่นนี้ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ยังไม่สู้ประจบประแจงเอาใจ ฉวยโอกาสจากพวกเขายังดีกว่า
ถึงแม้ซูเซิ่งจะเป็นขุนนางทหาร นางไม่อาจฉกฉวยประโยชน์อันใดได้ ทว่าบัดนี้พวกเขาเกี่ยวดองกับสกุลลู่แล้ว ลู่อี้และลู่เซวียนมีตำแหน่งขุนนางใหญ่โตเป็นพันธมิตรกับพวกเขามีแต่จะเป็นประโยชน์
“ว่ามาเถอะ มีเรื่องอันใด?” ซูเซิ่งเอ่ยถาม
“หลานสาวของท่านกำลังจะแต่งงานไม่ใช่หรือ? อีกฝ่ายก็อยู่กรมพระคลังเช่นกัน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าลู่เซวียน ดูสิพวกเราสองสกุลกำลังจะเกี่ยวดองกันแล้ว ขั้นขุนนางของฝ่ายนั้นไม่สูงไม่ต่ำ ช่างทำให้พวกเราสกุลซูขายหน้ายิ่งนัก ไม่สู้ให้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ช่วยออกหน้าพูดแทนเสียหน่อย ช่วยว่าที่ลูกเขยของข้าให้ได้เลื่อนขั้น เช่นนี้แต่งงานไปแล้วสกุลซูเราจะได้พอมีหน้ามีตาบ้าง”
“หากเจ้าไม่ชอบที่อีกฝ่ายขั้นขุนนางต่ำต้อย เช่นนั้นเหตุใดจึงตกลงเรื่องการแต่งงานนี้ตั้งแต่แรกเล่า? ในเมื่อสู่ขอทาบทามกันแล้ว นั่นหมายความว่าเจ้าพึงพอใจ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ลูกเขยของข้าจะทำงานในกรมพระคลังก็ไม่ได้หมายความว่าเขานึกจะเลื่อนขั้นใครก็เลื่อนขั้นได้ หากเป็นเช่นนั้น เขาจะได้รับความเชื่อใจจากผู้อื่นได้อย่างไร? ตอนนี้เจ้ามีสองทางเลือก หากไม่หาลูกเขยคนอื่นก็ยอมรับชะตากรรมเสีย อย่าได้พูดจาเหลวไหลอีก”
“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พวกท่านได้พึ่งพิงกิ่งไม้สูงใหญ่แล้วก็หันหลังไม่สนใจคนเช่นนี้หรือ” ฮูหยินรองซูเอ่ยด้วยความโมโห
“หากไม่ใช่เพราะความสามารถที่โดดเด่นของหลิ่วเอ๋อร์ของพวกเรา สิ่งที่เจ้าทำหลายวันมานี้เกรงว่าจะทำลายการแต่งงานที่ดีของครอบครัวเราไปแล้ว พวกเราไม่ได้ไล่เจ้าออกไป ทั้งยังยินดีไปมาหาสู่กับเจ้าต่อเพียงเพราะเห็นแก่หน้าน้องรอง หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้ข้าคงสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่ใช่เร่ออกมาทำให้พวกเราเบื่อหน่าย” เซี่ยวซื่อเอ่ย “บ่าว ส่งฮูหยินรองออกไป!”
“ข้าไปเองได้” ฮูหยินรองซูผลักบ่าวรับใช้ออกไป
เมื่อนางออกมาแล้วก็ตะโกนด่าเข้าไปข้างใน “พวกท่านคิดว่าได้พึ่งพิงกิ่งไม้ใหญ่โตแล้ว ภายหน้าก็จะอยู่สุขสำราญหรือ พวกท่านไม่มองดูบ้างเล่า ยามตายพวกท่านก็ไม่มีบุตรชายคอยส่ง ภายหน้ายังต้องพึ่งลูกชายบ้านรองของพวกเราโยนกระถางธูปให้อีก!”
“ไล่นางออกไป! ภายหน้าไม่อนุญาตให้นางเหยียบย่างเข้ามาในบ้านพวกเราโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันขาด” เซี่ยวซื่อเอ่ยด้วยความโกรธ
ซูเซิ่งกล่าว “ฮูหยิน พวกเราเปลี่ยนที่อยู่กันเถอะ!”
“มีสิทธิ์อันใดให้พวกเราเปลี่ยน? สกุลซูเป็นพวกเราที่ก่อร่างสร้างขึ้นมา บ้านรองอยู่ในกำมือของพวกเรา บัดนี้เพราะสตรีสมควรตายผู้นั้นจะให้พวกเราเปลี่ยนบ้านรึ ฝันไปเถอะ!”
ท้ายที่สุดซูเซิ่งและภรรยาก็ไม่ได้ย้ายออกไป
หลายวันต่อมา ลู่เซวียนกลับมาพร้อมกับซูจือหลิ่วที่มีท่าทีเขินอาย
เมื่อของขวัญหลายคันรถม้าส่งมาถึงหน้าประตูบ้าน เพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ต่างอิจฉาตาร้อน
“หลิ่วเอ๋อร์” เซี่ยวซื่อคว้ามือของซูจือหลิ่วมากุม “พวกเราเข้าไปพูดคุยกันข้างในเถิด”
“เจ้าค่ะ” ซูจือหลิ่วเหลียวมองลู่เซวียน
ลู่เซวียนกำลังพูดคุยกับซูเซิ่ง
กลับมาเยี่ยมบ้านภรรยาวันนี้ ซูเซิ่งนำสุราทั้งหมดที่เขาสะสมมานานออกมา แสดงให้เห็นว่าบัดนี้เขามีความสุขมากเพียงใด