สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 623 ความจริงที่น่าเหลือเชื่อ
บทที่ 623 ความจริงที่น่าเหลือเชื่อ
บทที่ 623 ความจริงที่น่าเหลือเชื่อ
“ท่านหมอ ลูกในท้องข้า…”
“ฮูหยินไม่ต้องกังวล ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” หมอหลวงเอ่ย “ระยะเวลาต่อจากนี้ ข้าจะใช้อาหารบำบัดกำจัดพิษที่เหลืออยู่ ขณะเดียวกันก็บำรุงร่างกายทารก”
“เช่นนั้น ข้าต้องรบกวนท่านแล้ว”
หมอหลวงดำเนินการรักษามู่ซืออวี่ต่อไปอีกครึ่งเดือน ท้ายที่สุดก็ขจัดพิษที่หลงเหลืออยู่ออกไปจนหมด มู่ซืออวี่จึงสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติแล้ว
ขณะเดียวกันนี้เอง ฉินเหลียนเอ๋อร์แตะลงบนแก้มของตน มองดูเงาที่ส่องสะท้อนในกระจก แล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“กรี๊ด…”
นางปัดกระจกลงจากโต๊ะทันที
“ใบหน้าของข้า…”
ใบหน้าของนางพุพองเน่าเปื่อยดุจผีสาง หากจ้องมองใบหน้านี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะได้รับความโปรดปรานหรือไม่ เกรงว่าไม่ช้านางคงถูกฮ่องเต้บั่นศีรษะเสียด้วยซ้ำ
สาวใช้ข้างกายมองนางขณะที่ตัวสั่นเทิ้ม
“นายหญิงโปรดระงับอารมณ์ พวกเราเชิญท่านหมอมาตรวจดูเถิด จะต้องรักษาหายเป็นแน่เจ้าค่ะ”
ฉินเหลียนเอ๋อร์กำหมัดแน่น “เพราะเหตุใด? เหตุใดนางไม่ตาย แต่ใบหน้าของข้ากลับกลายเป็นเช่นนี้?”
“ผู้ใดไม่ตายหรือ?” น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ผู้ใด?” ฉินเหลียนเอ๋อร์มองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวง
เหล่ามามาผู้หนึ่งเดินเข้ามา กล่าวกับฉินเหลียนเอ๋อร์ “ใต้เท้าให้บ่าวมาถ่ายทอดข้อความให้แม่นางสักคำ ‘นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น แม่นางต้องอดทนไว้เล่า ไม่เช่นนั้นคงหมดสนุก’”
“ลู่อี้?!”
“ดูเหมือนว่าใต้เท้าจะไม่ได้ทำผิดต่อแม่นาง เรื่องฮูหยินลู่เป็นความผิดของท่านจริง ๆ เช่นนั้นใต้เท้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะจัดการคนผิดแล้ว” เหล่ามามากล่าวต่อไป “แม่นางเบื่อจะใช้ชีวิตแล้วหรือ? ฮูหยินลู่ไม่ได้ผิดใจอะไรกับท่าน เหตุใดท่านต้องปองร้ายนางด้วย? ทว่านั่นไม่สำคัญ แม้ท่านจะยินยอมหยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ใต้เท้าก็ไม่มีทางปล่อยท่านไปแล้ว”
“นายหญิง…” สาวใช้เอ่ยขึ้น “เหตุใดท่านจึงล่วงเกินใต้เท้าลู่เล่า? ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
สีหน้าของฉินเหลียนเอ๋อร์เหี้ยมโหดขึ้นมา “เจ้าถอยออกไปก่อน”
หลังจากสาวใช้ออกไปแล้ว ฉินเหลียนเอ๋อร์ก็นำของบางอย่างออกมาจากตู้
“ไฟไหม้แล้ว…”
ในวังหลวงเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมา
ฉินเหม่ยเหรินที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในพระตำหนักกานลู่ถูกไฟคลอกตาย
สำหรับฮ่องเต้ นางก็เป็นเพียงสตรีธรรมดานางหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์อะไรนางนัก
แค่คนงามธรรมดา ๆ ผู้หนึ่งในวัง ต้องการมากน้อยเพียงใดก็มีได้มากน้อยเพียงนั้น ไม่ช้าก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้อีก
สกุลลู่ ลู่อี้ที่ได้รับข่าวจากในวังหลวงเอ่ยถาม “พบศพหรือไม่?”
“พบแล้วขอรับ” จือเชียนกล่าว “ในวังแจ้งข่าวมาว่าฉินเหม่ยเหรินไม่อาจรับเรื่องที่ต้องเสียโฉมได้ นางอยู่ในห้องเพียงลำพัง จากนั้นจึงจุดไฟเผาตัวเอง”
“ไปตรวจสอบอีกครา” ลู่อี้เอ่ย “เหตุเพลิงไหม้นี้เกิดได้แปลกประหลาดยิ่งนัก คนผู้นั้นก็ตายอย่างแปลกประหลาดเช่นกัน”
เพิ่งถูกเปิดโปงก็จุดไฟเผาตนเองทันที ดูเหมือนหวาดกลัวถึงขนาดต้องเผาตนเอง ทว่าลู่อี้รู้สึกว่าเขาไม่ได้มีอำนาจน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนั้น
เซี่ยคุนไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง
“เพลิงในวังนั่นแปลกจริง ๆ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าคนผู้นั้นจุดไฟเอง ทว่าได้หนีออกมาจากวังแล้วหรือไม่ จนกระทั่งบัดนี้ยังตรวจสอบออกมาไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอน นั่นคือคนผู้นั้นยังไม่ตาย ถึงแม้ศพนั้นจะคล้ายคลึงกับนางมาก ทว่าศพนั้นมีร่องรอยกระดูกแตกหัก ฉินเหม่ยเหรินไม่เคยมีประวัติกระดูกหักมาก่อน ฉะนั้นนั่นไม่ใช่ศพนาง”
“มีคนอยู่เบื้องหลังนาง”
“นั่นแน่นอน หากไม่มีผู้ใด ในหมู่สตรีมากมายเพียงนั้น นางคงไม่ได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนี้ ถึงแม้รูปโฉมนางนับว่าไม่เลว ทว่าเมื่อเทียบกับนางแล้ว ผู้ที่งามกว่าใช่ว่าจะไม่มี”
“ตรวจสอบอีกครั้ง”
“อันที่จริงข้าพบร่องรอยบางอย่างแล้ว เพียงแต่หานางไม่พบจึงไม่อาจยืนยันได้ ท่านอยากฟังสิ่งที่ข้าพบหรือไม่?”
“เล่าให้ข้าฟัง”
“ฉินเหลียนเอ๋อร์ผู้นั้นไม่ใช่ฉินเหลียนเอ๋อร์ตัวจริง หนึ่งในยาที่นางใช้คือยาคงสภาพรูปโฉม อันที่จริงนางเปลี่ยนรูปโฉมมา ตัวตนที่แท้จริงของนาง…”
“อย่าได้โยกโย้มากความ”
“คนผู้นั้นเป็นคนคุ้นเคยของพวกท่าน” เซี่ยคุนกล่าว “มู่ซือเจียว ยังจำได้หรือไม่? หากกล่าวตามหลักสายเลือดแล้ว นางเป็นลูกพี่ลูกน้องฮูหยินลู่ของพวกเรา”
“เป็นนาง!” ครานี้ลู่อี้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยคุนจิบชาแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “คือนางจริง ๆ คราแรกข้าคิดจะไปหานางเพื่อยืนยันเรื่องนี้ ผลคือท่านกลับดีนัก ไม่มีอะไรทำจึงไปทำให้นางกลัวจนหนีไปแล้ว ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าจะตามหานางอย่างไร”
“เดิมทีข้าแค่เพียงอยากทำให้นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา นึกไม่ถึงว่านางกลับยังมีลูกไม้ จุดไฟเผาที่แห่งนั้น แสร้งตายเพื่อหลบเลี่ยงสายตาข้า”
“สาวชาวบ้านเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเหตุใดจึงกลายมาเป็นสตรีของฮ่องเต้ ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหลายปีมานี้มู่ซือเจียวผู้นั้นพบเจอสิ่งใดมาบ้าง ผู้ที่ส่งนางมาเป็นผู้ใด?”
องค์รัชทายาท? องค์ชายรอง? เจียงเหล่า? หรือเป็นบรรดาขุนนางใหญ่ที่ต้องการแก่งแย่งชิงอำนาจเหล่านั้น?
“นางยังไปได้ไม่ไกล อย่างน้อยนางก็ไม่ออกจากเมืองหลวงเร็ว ๆ นี้แน่” ลู่อี้เอ่ย “หากนางมีความทะเยอทะยานมากพอ นางจะต้องยังอยู่ในวังหลวง ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
มู่ซืออวี่พ่นน้ำทั้งปากออกมา
นางเช็ดคราบน้ำจากมุมปากของตน สายตาคู่นั้นมองลู่อี้อย่างเหลือเชื่อ
“ท่านบอกว่าฉินเหม่ยเหรินผู้นั้นคือมู่ซือเจียวงั้นหรือ?”
เป็นไปได้หรือ?
ใบหน้าทั้งสองนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
รูปโฉมของฉินเหลียนเอ๋อร์นั้นงดงามบริสุทธิ์กว่ามาก หากใช้คำพูดของยุคสมัยปัจจุบันมานิยาม นางคงเป็นดาวโรงเรียนที่ใสบริสุทธิ์ แต่มู่ซือเจียวเป็นเพียงสาวชาวบ้านผู้หนึ่ง รูปโฉมธรรมดาทั่วไป นิสัยหยาบกระด้าง
ในหัวของนางปรากฏท่าทางอ่อนหวานของฉินเหลียนเอ๋อร์
“อันที่จริง หากข้าคิดให้ถี่ถ้วน ตอนที่ข้าพบนางครั้งแรก ข้ามักจะรู้สึกว่าสายตาที่นางมองข้านั้นดูน่ากลัว” มู่ซืออวี่เอ่ย “หลังจากนั้นนางกลับพรางตัวได้อย่างแนบเนียน นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ข้า นางพยายามทำให้ข้าไว้ใจ ที่แท้ก็เพื่อทำให้ข้าลดการระแวดระวังลง จากนั้นจึงวางยาพิษลงบนปิ่นปักผมโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เกือบทำให้ข้าต้องตายทั้งแม่ทั้งลูก”
“สิ่งที่นางนึกไม่ถึงคือมีคนอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเวลา ไม่ต้องเอ่ยถึงฝีมือที่เยี่ยมยอดของสาวใช้ทั้งสอง ยังมีผู้คุ้มกันลับที่คอยปกป้องเจ้าในมุมมืดด้วย นางไม่มีโอกาสลงมือ ด้วยเหตุนี้จึงใช้ยาพิษทำร้ายร่างกายเจ้า นางรู้จักเจ้าดีทีเดียว รู้ว่าเจ้าเก่งกาจเรื่องกลไก ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ทายาพิษที่รูกุญแจของกล่อง ให้พิษติดไปทางปิ่นปักผมของเจ้า”
หลังจากที่ลู่อี้ออกไปแล้ว มู่ซืออวี่จึงลุกขึ้นจากเตียง เดินวนไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้า
ท้องของนางใหญ่เพียงนี้ อีกเพียงสองเดือนก็จะคลอดแล้ว
แรกเริ่มนางค่อนข้างผ่อนคลาย ทว่าหลังจากพบเจอเรื่องนี้ มู่ซืออวี่ก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา
นางก็เหมือนแม่ส่วนใหญ่ เริ่มคิดพะวงไปต่าง ๆ นานา กังวลว่าการถูกวางยาพิษครั้งนี้จะส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ ยามนี้นางไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้เพียงชั่วขณะ จนกว่านางจะคลอดเขาออกมาและตรวจดูให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาไม่มีปัญหาใด ๆ
“ฮูหยิน วันนี้จวนเราเพิ่งจ้างบ่าวรับใช้มาใหม่เจ้าค่ะ” ฉานอีเอ่ย “ในเรือนเรามีบ่าวรับใช้เพิ่มอีกสองคน”
มู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองดูบ่าวรับใช้ไม่คุ้นหน้าที่อยู่ข้างนอก
“เหตุใดยังมีสาวใช้ด้วยเล่า?”
“นายท่านเป็นคนจัดการเจ้าค่ะ” ฉานอีเอ่ย “บ่าวคาดเดาว่า นายท่านจงใจจะล่องูออกจากถ้ำ ทว่าฮูหยินวางใจเถิด บ่าวจะไม่ยอมคลาดสายตาและไม่ปล่อยให้ผู้ใดเข้าใกล้ท่านได้”