สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 628 หยางอีเหรินสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 628 หยางอีเหรินสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น
บทที่ 628 หยางอีเหรินสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น
บทที่ 628 หยางอีเหรินสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่น
ณ หอซือเป่า ฟางเหยารั้งลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้ “น้องหญิงจื่ออวิ๋น ได้ยินว่าคุณหนูวังชอบเสื้อผ้าที่เจ้าทำเป็นอย่างยิ่ง ขอแสดงความยินดีด้วย”
ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่สมควรหรือ? มีอะไรให้ต้องแสดงความยินดีกัน?”
“นั่นก็จริง ตอนนี้หอซือเป่าของเราต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว” ฟางเหยาเอ่ย “นอกจากท่านเจ้าหอและผู้ดูแล ฝีมือของเจ้าถือว่าล้ำเลิศที่สุด ฮูหยินแต่ละจวนล้วนกล่าวชมเชยเจ้าไม่ขาดสาย”
“ท่านคิดจะกล่าวอะไรกันแน่?”
“เป็นเช่นนี้ เซวียนหวางเฟยต้องการสั่งทำเสื้อผ้า พวกเราที่ไปหาล้วนไม่มีผู้ใดถูกใจนาง ตอนนี้ขึ้นอยู่กับน้องหญิงจื่ออวิ๋นแล้วว่าจะสามารถออกหน้าทำให้เซวียนหวางเฟยพึงพอใจได้หรือไม่”
ลู่จื่ออวิ๋นมองฟางเหยา “พวกเราหอซือเป่ายากจนเสียจนไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อแล้วหรือ?”
“น้องหญิงจื่ออวิ๋นหมายความว่าอย่างไร?”
“หากไม่ใช่ เหตุใดต้องหาปัญหาใส่ตัวด้วยเล่า? เซวียนหวางเฟยไม่พอใจทุกคน นั่นหมายความว่ารูปแบบของหอซือเป่าเราไม่ใช่แบบที่นางชอบ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางสามารถไปจ้างหญิงปักที่อื่นได้ เหตุใดต้องมาผูกคอตายใต้ต้นไม้เราเพียงต้นเดียวด้วย*[1]?”
“เซวียนหวางเฟยเลือกหอซือเป่าเราให้รับผิดชอบเสื้อผ้าใหม่ของนาง นางไม่พึงพอใจ นั่นหมายความว่าเหล่าพี่หญิงน้องหญิงคนอื่น ๆ ไม่เข้าใจความต้องการของนาง หากเปลี่ยนเป็นน้องหญิงจื่ออวิ๋น…”
“หากเปลี่ยนเป็นข้าแล้วเซวียนหวางเฟยยังไม่พอใจ เช่นนั้นก็ไม่พอใจเถิด หอซือเป่าแต่ละวันมีลูกค้ามากมาย ข้ายุ่งเสียจนมือแทบไม่ว่าง จะมีเวลารับใช้แขกเจ้าเล่ห์เช่นนี้ได้อย่างไร” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าสงบ “ดูข้าสิ ข้าลืมไปว่าพี่หญิงฟางเหยาเป็นคนขี้กลัวเป็นที่สุด ยามปกติเพียงแค่หนึ่งในเชื้อพระวงศ์เหล่านี้จามออกมา ท่านก็ตัวสั่นเทิ้มแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงเซวียนหวางเฟยที่จัดการยากผู้นี้”
“ข้าย่อมไม่อาจมั่นใจในตนเองเทียบเท่าน้องหญิงจื่ออวิ๋น หากน้องหญิงจื่ออวิ๋นมาจากพื้นเพคนธรรมดาเช่นพวกเรา คงเข้าใจความรู้สึกของข้า”
“ท่านพ่อท่านแม่ข้ามอบความมั่นใจนี้ให้ พี่ชายข้าเองก็มอบความมั่นใจนี้ให้ เกรงว่าข้าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของท่าน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยนิ่ง ๆ “ยังเป็นคำพูดนั้น เซวียนหวางเฟยไม่พอใจทุกคน คำสั่งซื้อนี้ไม่รับก็แล้วไปเถิด หากท่านอาจารย์ตำหนิก็บอกว่าข้าเป็นคนบอก หากเพราะคำสั่งซื้อนี้ทุกคนจึงจะมีข้าวกิน เช่นนั้นข้าจะออกเงินนี้ให้เอง พอดีท่านแม่ข้าเพิ่งให้ค่าขนมเดือนนี้มาหมื่นตำลึงเงิน ข้ายังไม่มีที่ให้ใช้ เช่นนั้นข้าจะทำเสื้อผ้าให้ครอบครัวข้าสักสองสามชุด”
หลังจากลู่จื่ออวิ๋นเดินไปแล้ว หลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างต้องร่ำไห้ด้วยความอิจฉา
“หนึ่งหมื่นตำลึงเงิน…”
“ทั้งยังเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเดือนเดียว”
“ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ เหตุใดบางคนจึงคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดกันนะ?”
ฟางเหยามองตามหลังลู่จื่ออวิ๋นไป สายตาของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“โชคชะตาล้วนอยู่ในกำมือของตนเอง เป็นคนโชคดีแล้วอย่างไร? สักวันโชคดีนั้นก็จะหมดไป”
ณ จวนเซวียนอ๋อง หยางอีเหรินมองฟางเหยาที่ยืนอยู่ด้านล่าง
“กล่าวเช่นนี้แล้ว แม่นางลู่จากหอซือเป่าของพวกเจ้าเชิญมาได้ยากเย็นมากสินะ”
“น้องหญิงจื่ออวิ๋นมีงานในมือมากเกินไป ยุ่งมากเสียจนไม่อาจปลีกตัวมาได้” ฟางเหยาเอ่ยเสียงค่อย “เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ไม่อาจทำให้พระนางหวางเฟยพอพระทัย”
“ได้ยินมานานแล้วว่าแม่นางสกุลลู่ฝีมือเยี่ยมยอด ช่างน่าเสียดาย หวางเฟยผู้นี้ไม่ได้พบนาง” หยางอีเหรินเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถิด เสื้อผ้าของข้าก็ให้เจ้าทำ!”
“ขอบพระทัยพระนางหวางเฟย”
เมื่อฟางเหยาออกมาจากเรือนหลักของหยางอีเหริน นางไม่ทันระวังจึงล้มลง
“อ๊ะ…” นางอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรกระมัง?” คนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าฟางเหยา
ฟางเหยาเงยหน้าขึ้นมา เห็นชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ตรงหน้านาง
ดวงตาดอกท้อคู่นั้นของเขามองนางอย่างเป็นกังวล
ใบหน้าของฟางเหยาเปล่งสีแดงเรื่อขึ้นมา นางส่ายศีรษะเบา ๆ “ข้าไม่เป็นไร”
ชายผู้นั้นช่วยพยุงนางลุกขึ้นยืน
“แม่นางน้อยบอบบางเช่นนี้ ต้องดูแลตนเองดี ๆ เล่า อย่าทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ”
“ขอบคุณ” ฟางเหยาเอ่ยเสียงค่อย
หลังจากชายผู้นั้นเข้าไปในเรือนหลักของหยางอีเหรินแล้ว ฟางเหยาจึงเอ่ยถามบ่าวรับใช้ที่เป็นคนนำทาง “เมื่อครู่นี้ผู้ใดหรือ…”
“ผู้นั้นคือคุณชายหยางฟางจวิ้น พี่ชายพระนางหวางเฟยเจ้าค่ะ”
“คุณชายหยาง…”
ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอ่อนโยนจริง ๆ
ลู่เซวียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขากลับมาที่บ้าน ขณะกำลังผ่านลานฝึกวรยุทธ์ พลันได้ยินเสียงดังมาจากที่นั่นจึงหันกลับไปมอง
ซูจือหลิ่วพาสาวใช้สองสามคนไปฝึกวรยุทธ์อยู่ที่นั่น ดูจากรูปร่างผอมเพรียวของนางแล้ว ดูบอบบางเป็นอย่างมาก ทว่าหอกนั้นกลับกวัดแกว่งจนเห็นเพียงเงา ไม่อาจมองตามการเคลื่อนไหวของนางได้แม้แต่น้อย
“ฮูหยิน ฮูหยินเจ้าคะ…”
ซูจือหลิ่วหยุดมือ
สาวใช้ส่งสัญญาณให้นาง นางจึงมองตามสายตาของสาวใช้ และเห็นลู่เซวียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกำลังส่งยิ้มมาให้
จู่ ๆ นางก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจเล็กน้อย รู้สึกเขินอายขึ้นมา
“วันนี้ท่านกลับมาเร็วนัก”
“วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า แน่นอนว่าข้าต้องกลับมาเร็วกว่าปกติ” ลู่เซวียนเอื้อมมือไปหานาง
ซูจือหลิ่วลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าเหงื่อออก…”
“กลัวอะไรเล่า?” ลู่เซวียนคว้ามือนางมากุม “เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าดื่มจนเมามาย ทั้งยังอาเจียนออกมาอย่างน่าเกลียดยิ่ง เจ้ากลับไม่รังเกียจ เหงื่อของเจ้าที่ออกมามีกลิ่นหอม ข้าจะยังรังเกียจได้หรือ?”
บ่าวรับใช้หลายคนที่อยู่บริเวณนั้นหัวเราะคิกคัก
ซูจือหลิ่วแต่ไหนแต่ไรมาหนังหน้าหนายิ่ง ทว่าในเวลานี้ นางกลับรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาแล้ว
เมื่อก่อนผู้อื่นล้วนคิดว่าการกระทำของนางหยาบกระด้าง ดูไม่เหมือนกุลสตรีสกุลใหญ่แม้แต่น้อย เมื่อเผชิญกับคนที่จงใจมาหาเรื่อง แต่ไรมานางลงมือแต่ไม่ออกปากเสมอ ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับลู่เซวียน ปากของนางกลับกระอึกกระอักมากขึ้นเรื่อย ๆ และมักจะถูกเขาชักนำอยู่ตลอด
“วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า พวกเราไปทานอาหารกับพี่สะใภ้กันเถิด”
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร?”
“พี่สะใภ้ทำขนมชนิดหนึ่ง บอกว่าทำเฉพาะวันเกิดเท่านั้น แม้ที่เรือนพักบนผ่อนภูเขาจะมีขนมชนิดนี้ ทว่าข้าลองชิมแล้ว ไม่อร่อยเท่าพี่สะใภ้ทำ วันเกิดของเจ้า นางย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน เจ้าจะได้ลองลิ้มรสฝีมือนางพอดี”
“พี่สะใภ้กำลังตั้งครรภ์ พวกเราอย่าทำให้นางลำบากเลย”
“ไม่เป็นปัญหา ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ นางไม่อาจไปไหนมาไหนได้ คิดว่าคงเบื่อเต็มทนแล้ว พวกเราไปสร้างความครื้นเครงให้นาง เช่นนี้นางจะได้มีความสุข”
ณ จวนลู่ มู่ซืออวี่จับมือซูจือหลิ่ว “นับตั้งแต่ข้าท้อง ใต้เท้าลู่ก็ปฏิบัติต่อข้าราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง นั่นก็ไม่ให้ข้าทำ นี่ก็ไม่ให้ข้าทำ ยังมีน้องสามีที่เข้าใจข้า รู้ว่าข้าอยู่นิ่งไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดเจ้า พวกเราต้องฉลองให้ดี ๆ สักหน่อยแล้ว บ่าว…”
“ฮูหยิน”
“ไปที่จวนซู เชิญท่านแม่ทัพซูและฮูหยินเซี่ยวมาเดี๋ยวนี้”
“ขอบคุณพี่สะใภ้” ซูจือหลิ่วกล่าว “ข้าจะช่วยเป็นลูกมือท่าน จะได้เรียนรู้จากท่านสักเล็กน้อย”
ท่านแม่ทัพซูกำลังทอดถอนใจ
วันนี้เป็นวันเกิดลูกสาวแก้วตาดวงใจของเขา เมื่อปีที่แล้วพวกเขาทั้งสามคนยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นอย่างดี วันนี้กลับกลายเป็นพวกเขาสองสามีภรรยาเฒ่านั่งมองหน้ากันอย่างเงียบงัน
“ไม่ต้องถอนหายใจแล้ว ลูกสาวแต่งงานกับครอบครัวที่ดีเช่นนั้น ท่านยังจะมาถอนหายใจเรื่องอะไร?”
“แต่งงานกับครอบครัวที่ดีไม่ได้ทำให้ข้าไม่คิดถึงนาง!” ท่านแม่ทัพซูเอ่ย “วันนี้เป็นวันเกิดของนังหนูคนนั้น ด้วยนิสัยของนาง ย่อมไม่ปริปากอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าลูกเขยจะรู้หรือไม่ ตอนหารือช่วงเช้าข้าควรไปเตือนเขาเสียหน่อย เหตุใดข้าจึงมัวแต่ทะเลาะกับเจ้าคนเลวแซ่เฉินจนลืมเรื่องนี้ไปนะ”
“นายท่าน มีคนมาจากจวนลู่ขอรับ” พ่อบ้านเดินนำบ่าวรับใช้จวนลู่เข้ามา
ท่านแม่ทัพซูเอ่ย “ใต้เท้าลู่มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เป็นฮูหยินใหญ่ของพวกเรา นางเชิญท่านแม่ทัพซูและฮูหยินไปร่วมฉลองวันเกิดฮูหยินรองขอรับ” บ่าวรับใช้กล่าวตามจริง
[1] ผูกคอตายใต้ต้นไม้เพียงต้นเดียว หมายถึง ยึดติดกับคนเพียงคนเดียวหรือเพียงหนทางเดียว ไม่หาวิธีแก้ปัญหาใหม่ ๆ