สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 634 การตายของฮูหยินอิน
บทที่ 634 การตายของฮูหยินอิน
บทที่ 634 การตายของฮูหยินอิน
ภายในชั่วพริบตา นับตั้งแต่กองทัพออกจากเมือง เวลาก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
ชั่วระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ เหมันตฤดูผ่านไปวสันตฤดูเวียนมา น้ำแข็งและหิมะละลาย ลมหายใจแห่งวสันตฤดูเผยต่อผืนฟ้าและแผ่นดินอีกครั้ง
ผู้คนถอดเสื้อผ้าหนานุ่มออก เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม ไม่ได้ดูอ้วนกลมอีกต่อไป ทุกคนต่างเดินด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง แม้แต่ท่วงท่ายังสง่างามยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ารูปร่างของมู่ซืออวี่ในตอนนี้ยังไม่สง่างาม อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้คลอดออกมา ผู้อยู่อาศัยในท้องนางยังคงนอนกลิ้งในครรภ์มารดาอยู่ทุกวัน
มู่ซืออวี่ออกมาจาก ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ขณะเดินผ่านร้านขายเป็ดย่าง นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงกลิ่นหอมหวนนั่นจึงบอกกับซางจือ “พวกเรากินเป็ดย่างแล้วค่อยกลับเถอะ”
“ได้เลยเจ้าค่ะ” ซางจือลงจากรถม้าก่อนแล้วรอประคองมู่ซืออวี่ลงมา
สองนายบ่าวกำลังจะเข้าไปในร้านเป็ดย่าง แต่พวกนางก็เห็นลู่อี้ออกมาจากโรงน้ำชาข้าง ๆ เสียก่อน
“นาย…” ซางจือกำลังจะร้องเรียกลู่อี้ เพียงแต่ถูกมู่ซืออวี่ห้ามเอาไว้
ข้างกายลู่อี้มีสตรีนางหนึ่ง หน้าตางดงามหมดจด สวยสง่าทั้งยังเปี่ยมเสน่ห์
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยบางอย่าง ทว่ายังคงรักษาระยะห่างเอาไว้ ดูแล้วคงไม่มีอะไร
“ฮูหยิน นายท่านคงทำหน้าที่อยู่กระมังเจ้าคะ” ซางจือกังวลว่ามู่ซืออวี่จะคิดมาก จึงเอ่ยปลอบนางด้วยความระมัดระวัง
“ไม่อย่างนั้นจะเป็นอย่างไรได้อีกเล่า?” มู่ซืออวี่เหลือบมองนางแวบหนึ่ง “เขายังจะทำอะไรได้อีก?”
หนึ่งเค่อต่อมา ซางจือเห็นมู่ซืออวี่ทานอาหารด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยตามปกติ ดูไม่เหมือนได้รับความทุกข์ใจใด ๆ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไม่กินแล้ว” มู่ซืออวี่เช็ดไม้เช็ดมือ “พวกเราไปกันเถอะ!”
“ฮูหยิน ท่านยังทานไปไม่มากเลยนะเจ้าคะ”
“กินไม่ลงแล้วแล้ว” มู่ซืออวี่เบ้ปาก “ใต้เท้าลู่ไม่ได้ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนข้านานเพียงใด? วันนี้จู่ ๆ ก็ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนสตรีหน้าตาสะสวยผู้หนึ่ง ข้าเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว”
ซางจือทำตัวไม่ถูก “ฮูหยิน เมื่อครู่เหตุใดไม่ไปถามนายท่านเล่าเจ้าคะ? ตอนนี้นายท่านไปแล้ว ท่านกลับไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเสียได้”
ตกกลางคืน ลู่อี้กลับมาที่ห้อง
มู่ซืออวี่ที่ปกติมักจะหลับไปแล้วกลับกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“วันนี้เหตุใดยังไม่นอนเล่า?”
ตอนนี้นางท้องโตแล้ว ทารกในท้องเริ่มก่อกวน ดังนั้นนางจึงมักจะเข้านอนเร็วอยู่เสมอ
มู่ซืออวี่วางหนังสือในมือลงแล้วเงยหน้ามองเขา “วันนี้ข้าเห็นท่านบนถนน ข้างกายท่านมีคนงามที่หน้าตาหมดจดเป็นพิเศษผู้หนึ่ง นั่นเป็นผู้ใด?”
ลู่อี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินมาหานาง “นี่เป็นเหตุผลที่เจ้าไม่นอนหรือ?”
“ครึ่งหนึ่งกระมัง!” มู่ซืออวี่จ้องมองเขา
“นั่นเป็นพยานของข้า” ลู่อี้เอ่ย “คราก่อนข้าเคยเอ่ยถึงแล้ว ข้ากำลังตรวจสอบสาเหตุการตายของท่านพ่อท่านแม่ เจ้ายังจำได้หรือไม่?”
“จำได้” มู่ซืออวี่สลัดสีหน้าหยิ่งผยองบนใบหน้าทิ้งไป แล้วมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สตรีผู้นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ?”
“ข้าตรวจสอบมานานถึงเพียงนี้แล้ว กลับสืบไม่พบเบาะแสใด ๆ ไม่นานมานี้ ร่องรอยต่าง ๆ เริ่มโผล่พ้นผิวน้ำ” ลู่อี้กล่าวต่อไป “สตรีผู้นั้นเป็นหนึ่งในเบาะแส”
“สืบทราบแล้วหรือยัง?”
“เบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่คนผู้หนึ่งคือฮูหยินอิน สะใภ้ขององค์หญิงใหญ่” ลู่อี้เอ่ย “ประวัติของฮูหยินอินเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้อย่างเหมาะเจาะ ในตอนนั้นนางไม่อยู่ในเมืองหลวงจริง ๆ อายุของนางก็สอดคล้อง อีกทั้งสุขภาพของนางก็เริ่มไม่ดีมานับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ไม่ว่าจะมองเช่นไรก็ดูเหมือนจะเป็นนาง เพียงแต่ข้าคิดว่าทั้งหมดนี้ราบรื่นเกินไปจึงรู้สึกแปลกพิกล”
“ท่านยังรู้สึกว่ามีอันใดแปลกอีกหรือไม่?”
“ข้าตรวจสอบมานานกลับไม่พบสิ่งใดเลย ราวกับว่าหลักฐานทั้งหมดถูกลบล้างไปแล้ว บัดนี้จู่ ๆ ก็มีเบาะแสแล้วเบาะแสเล่าปรากฏขึ้น ทั้งยังปะติดปะต่อกันโดยสมบูรณ์ เจ้าไม่รู้สึกว่าทั้งหมดนี้แปลกพิกลหรือ?”
“เช่นนั้นก็ตรวจสอบอีกครั้ง”
“ข้าตั้งใจจะทำเช่นนั้น” ลู่อี้กระชับผ้าห่มขึ้นคลุมภรรยา “เจ้านี่นะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องดูแลตนเองให้ดี เรื่องอื่นปล่อยให้ข้าจัดการเถิด”
“อื้อ” มู่ซืออวี่ส่งหนังสือให้เขา “เช่นนั้นท่านก็ไปอาบน้ำเถอะ จะได้รีบพักผ่อน”
หลายวันต่อมา มู่ซืออวี่กำลังตรวจสมุดบัญชี จู่ ๆ พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน “ฮูหยินอินจวนองค์หญิงใหญ่ตายแล้วขอรับ”
เรื่องที่ลู่อี้กำลังตรวจสอบฮูหยินอินไม่มีผู้ใดรู้ ที่พ่อบ้านเข้ามารายงานเป็นเพราะลูกสะใภ้ขององค์หญิงใหญ่เสียชีวิต จวนผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ไม่อาจไม่แสดงท่าทีอะไรได้ นางที่เป็นฮูหยินลู่เองก็ไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
“ส่งคนไปสอบถามเสียหน่อย” มู่ซืออวี่เอ่ยกับพ่อบ้าน “ดูว่าแต่ละจวนมีทีท่าอย่างไร”
นางไม่เคยจัดการกับเรื่องเช่นนี้จึงควรระมัดระวัง เอาไว้ค่อยปฏิบัติตามฮูหยินมากประสบการณ์จากจวนอื่นก็คงไม่มีอะไรผิด
ไม่นานนัก พ่อบ้านก็กลับมารายงาน “ฮูหยิน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้วขอรับ”
“เหตุใดเล่า?”
“เพราะ… ใต้เท้าของพวกเรานำร่างของฮูหยินอินไปแล้วขอรับ”
มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “นำไปศาลต้าหลี่แล้วหรือ?”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นองค์หญิงใหญ่มีท่าทีอย่างไร?”
“คราแรกองค์หญิงใหญ่กริ้วเป็นอย่างยิ่ง ทว่าใต้เท้ามีเหตุผลที่สมควร เขาสงสัยว่าฮูหยินอินถูกผู้ร้ายสังหาร ไม่ได้ตายธรรมดา ฉะนั้นจึงต้องตรวจสอบ”
ถ้าคนผู้หนึ่งไม่ได้ตายธรรมดา หากแต่ผู้อื่นฆ่า เช่นนั้นย่อมหมายความว่ามีการสมรู้ร่วมคิด หากองค์หญิงใหญ่ขัดขวางลู่อี้ไม่ให้ทำหน้าที่ เช่นนั้นย่อมต้องถูกสงสัยว่านางมีอะไรปิดบังหรือไม่
“เช่นนั้นไม่ต้องสนใจแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าส่งคนไปจับตาดูก่อน หากมีความคืบหน้าให้มารายงานข้า”
“ขอรับ”
เมื่อลู่อี้กลับมา มู่ซืออวี่ก็เอ่ยถามเรื่องการตายของฮูหยินอินอีกครั้ง
“ไม่พบร่องรอยของการถูกพิษ สุขภาพของนางเดิมทีก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่แล้ว ดูเหมือนจะเสียชีวิตด้วยอาการป่วยจริง ๆ”
“เช่นนั้นอาการป่วยของนางมีปัญหาหรือไม่?” มู่ซืออวี่ซบศีรษะลงบนอกของสามี
ปกตินางมักจะอิงแอบเขาเช่นนี้ เมื่อท้องของนางเริ่มโตขึ้น การอิงแอบเขาเช่นนี้สบายเป็นที่สุด นางสามารถผ่อนคลายได้ด้วยวิธีนี้
“เจ้าสงสัยว่าโรคของนางเป็นฝีมือคนหรือ?”
“ท่านบอกว่าเพราะเหตุการณ์นั้นทำให้สุขภาพของนางย่ำแย่ลง” มู่ซืออวี่กล่าวต่อไป “ข้าคิดว่าหากเป็นเพราะเหตุการณ์นั้นจริง ๆ หมอประจำตัวนางย่อมรู้อาการของนางดีที่สุด แต่นั่นต้องดูว่าโชคของท่านเป็นอย่างไร หากมีปัญหาจริง ๆ เกรงว่าท่านหมอผู้นั้นคง… แต่หากไม่มีปัญหา ท่านหมอผู้นั้นก็คงยากที่จะรอดอยู่ดี”
ลู่อี้ช้อนตัวนางขึ้น ค่อย ๆ ประคองนางไปนอนด้านข้าง “ฮูหยิน เจ้านอนก่อนเถิด ข้าไปสั่งการสักสองสามคำแล้วจะกลับมา”
มู่ซืออวี่ส่งเสียงงึมงำรับคำ แล้วจึงหลับตาลง
เมื่อลู่อี้กลับมาอีกครั้ง มู่ซืออวี่ก็หลับลึกไปแล้ว
ลู่อี้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ถึงแม้จะย่างเข้าสู่วสันตฤดูแล้ว หากแต่ความหนาวเย็นในยามค่ำคืนยังคงอยู่ ทุกครั้งที่เขากลับมาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อไม่ให้ความเย็นบนร่างกายเขาส่งผลต่อไปยังภรรยาและลูก
ลู่อี้มองมู่ซืออวี่ผู้นอนหลับอย่างไม่สงบนัก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความปวดใจ
นี่คือลูกคนสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
เขาทานยาทำหมันไปแล้ว ภายหน้าย่อมไม่มีลูกคนต่อไปอีก
ช่วงเวลาทุกข์ทรมานของสตรีตั้งครรภ์สิบเดือน นางต้องผ่านมันถึงสามครั้งเพื่อเขา เขาทนปล่อยให้นางแบกรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ทารกในท้องกำลังเตะนาง เมื่อเขาก้มหน้าลงก็บังเอิญเห็นรอยเท้าเล็ก ๆ นั่นพอดี
เขาลูบลงบนท้องของภรรยาเบาๆ กระซิบกับเด็กที่อยู่ในท้อง “เด็กดื้อ อย่ารบกวนการนอนของแม่เจ้าเลย”