สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 635 คุณชายน้อยมาแล้ว
บทที่ 635 คุณชายน้อยมาแล้ว
บทที่ 635 คุณชายน้อยมาแล้ว
เด็กคนนั้นราวกับสัมผัสบางอย่างได้จึงออกแรงเตะเขาอย่างแรง
เขาวางมืออยู่ในตำแหน่งนั้นพอดี แรงเตะที่ส่งมาถึงมือคนเป็นพ่อให้ความรู้สึกน่ามหัศจรรย์ยิ่ง
“อือ…” มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมา เอ่ยด้วยความมึนงงเมื่อเห็นลู่อี้ “ท่านนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นเล่า? เหตุใดยังไม่นอนอีก?”
“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ยังไม่หลับเลย” ลู่อี้เอ่ยอย่างจนปัญญา “ข้าเห็นเจ้านอนหลับไม่สนิทแล้วอยากตีเขาจริง ๆ”
“สิบเดือนที่ตั้งครรภ์มาล้วนเป็นเช่นนี้” มู่ซืออวี่ลูบท้องของนางอย่างรักใคร่ “ข้าคิดว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานข้าคงคลอด ท่านอย่าได้ยุ่งกับเขาเลย ระวังเขาจะออกมาทักทายท่านล่วงหน้า”
ลู่อี้ยกหมอนนางให้สูงขึ้น “เช่นนี้สบายหรือไม่?”
“อื้ม”
ลู่อี้นอนลงข้าง ๆ ภรรยา มองนางหลับสนิทไป จากนั้นจึงค่อย ๆ หลับตาลง
ณ ศาลต้าหลี่ ลู่อี้สาวเท้าเข้ามา
เจี่ยเฉิงผิงเดินเข้ามารายงาน “ใต้เท้า เรื่องที่ท่านให้ไปตรวจสอบกระจ่างแล้ว ร่างของฮูหยินอินไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการถูกลอบสังหาร ไม่มีร่องรอยการวางยาพิษ นางป่วยตายขอรับ”
“ป่วยเป็นโรคอะไร? ท่านหมอว่าอย่างไร? ยาที่นางกินเป็นประจำตรวจสอบแล้วหรือยัง?”
“ท่านหมอ…” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “หาท่านหมอผู้นั้นไม่พบแล้ว ทว่าข้าได้สอบถามสาวใช้ที่เคยรับใช้นางแล้ว ไม่พบพิรุธอะไร ทุกอย่างล้วนสอดคล้องกันทั้งสิ้น”
ลู่เซวียนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ท่านพี่”
“เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ข้าได้ยินว่าพบเบาะแสแล้วจึงมาดูเสียหน่อย” ลู่เซวียนมองศพที่นอนอยู่ตรงนั้น “เป็นนางที่ทำให้พวกเราสูญเสียพ่อแม่ อีกทั้งยังเกือบจะทำลายชีวิตของพวกเราหรือ?”
“คนตายไม่อาจให้การ ยังตรวจสอบออกมาไม่ได้” ลู่อี้เอ่ย “เบาะแสทั้งหมดชี้ไปที่นาง แต่ตอนนี้กลับไม่มีวิธียืนยันแม้แต่น้อย”
เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “แม้นางไม่อาจฟื้นขึ้นมายืนยัน แต่จากหลักฐานก็พอที่จะอนุมานได้ หนึ่ง อายุถูกต้อง สอง เวลานั้นนางไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงจริง ๆ ส่วนนางไปที่ใดไม่มีผู้ใดรู้ อย่างไรสกุลเดิมของนางก็อยู่ที่เมืองเยี่ย แลเมืองเยี่ยก็เป็นเมืองที่อยู๋ใกล้เคียงพวกท่านทางนั้น เป็นไปได้ว่านางอาจจะกลับไปเยี่ยมบ้านบิดามารดา สาม เรื่องอำนาจก็สอดคล้อง มีเพียงเชื้อพระวงศ์ที่มีอำนาจอย่างองค์หญิงใหญ่ที่สามารถปิดบังความจริงจากคนมากมายมายได้ด้วยเพียงคำสั่งเดียว”
“เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ?
“ข้าบอกว่ามีเพียงองค์หญิงใหญ่…”
“ไม่ ท่านกล่าวว่าสกุลเดิมของนางอยู่ที่เมืองเยี่ย” ลู่อี้เอ่ย “เหตุใดข้าจึงนึกไม่ถึงมาก่อน หากนางกลับไปเยี่ยมสกุลเดิมของนาง เช่นนั้นคนทางสกุลเดิมของนางย่อมต้องรู้อะไรบางอย่าง ที่แท้ใช่นางหรือไม่ เริ่มสืบหาเบาะแสจากที่นั่นก็ได้ บางทีอาจได้ผลลัพธ์อื่น”
“เมืองเยี่ยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ หากต้องการตรวจสอบต้องใช้เวลาสักระยะ” ลู่เซวียนเอ่ย
“ใจร้อนจะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้” ลู่อี้กล่าว “สิ่งที่พวกเรากำลังมองหาคือผู้ร้ายตัวจริง ไม่ใช่คนต้องสงสัย เจ้ากลับไปก่อน รอฟังข่าวจากข้า”
ลู่เซวียนเอ่ยว่า “ข้ายังมีเรื่องอื่นจะปรึกษาพี่ใหญ่”
“เช่นนั้นพวกเราไปพูดคุยที่ห้องตำราเถิด”
การตายของฮูหยินอินตรวจสอบออกมาไม่กระจ่าง ร่างกายนี้ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงส่งคืนกลับไปให้จวนองค์หญิงใหญ่
จวนองค์หญิงใหญ่จัดพิธีฝังศพให้นางอย่างรวดเร็ว
ในวันที่จัดพิธีฝังศพ มู่ซืออวี่ไม่ได้ไป อย่างไรเสียนางก็ตั้งครรภ์ ไม่มีผู้ใดยอมให้หญิงมีครรภ์ไปยังสถานที่เช่นนั้น
หลังจากนั้น มู่ซืออวี่ก็ผลักเรื่องไว้ข้างหลัง เมื่อนางเตรียมตัวพร้อมแล้ว ในที่สุดเด็กในท้องก็เริ่มเคลื่อนไหว
“ฮูหยินจะคลอดแล้ว…” ซางจือวิ่งออกไปข้างนอก “บ่าว รีบไปเรียกหมอตำแยกับท่านหมอมาเร็วเข้า!”
ฉานอีรออยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่ “ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยนะเจ้าคะ ไม่นานท่านหมอกับหมอตำแยก็จะมาแล้ว บ่าวยังให้คนไปตามนายท่านมาด้วย ทุกคนใกล้จะมาดูท่านแล้วนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของมู่ซืออวี่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ฉานอี ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าคลอด แต่เอ่ยอย่างไม่กลัวเจ้าขบขัน ข้ากังวลแล้วจริง ๆ สตรีคลอดลูกไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย… โอ๊ย…”
“ฮูหยิน บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ”
“ฉาวอวี่… ฉาวอวี่เข้าสอบแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ” ฉานอีเอ่ย “ฮูหยินลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ? นายน้อยเข้าห้องสอบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
มู่ซืออวี่สูดหายใจเข้าลึก แรกเริ่มมีความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย ทว่าไม่นานความเจ็บปวดก็ทวีความหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ นางยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้นแล้ว
หมอตำแยและท่านหมอรีบรุดมา
ภายใต้คำสั่งเป็นขั้นเป็นตอนของหมอตำแย ทุกคนจึงรีบตระเตรียม
ซูจือหลิ่วเป็นคนแรกที่มาถึง นางตรงเข้าไปในห้องคลอดทันที
มู่ซืออวี่กัดผ้าเช็ดหน้าส่งเสียงครวญครางเบา ๆ มือทั้งสองข้างถูกสาวใช้ทั้งสองจับเอาไว้แน่น
“ฮูหยินรอง ท่านยังไม่เคยคลอดบุตร ภาพนี้อย่าได้ดูจะดีกว่า ท่านจะได้ไม่ต้องกลัว” หมอตำแยอยู่ในจวนลู่มาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว จึงรู้จักกับเจ้านายในจวนหลายคน
ซูจือหลิ่วอยากรั้งอยู่กับมู่ซืออวี่ ถึงแม้นางจะช่วยไม่ได้ ทว่าหากได้อยู่เคียงข้างกายอีกฝ่ายและให้กำลังใจก็ยังดี ทว่าเมื่อนางเห็นฉากนี้ก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยจริง ๆ ชั่วขณะหนึ่งนางไม่อาจเดินหน้าหรือก้าวถอยหลังได้
มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “จือหลิ่ว เจ้าออกไปเถอะ ที่นี่วุ่นวายเกินไป ไม่ต้องเข้ามา”
“ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าคลอดลูก ไม่เป็นไร…”
ซูจือหลิ่วออกไปแล้ว
ลู่เซวียนเห็นซูจือหลิ่วออกมา จึงดึงมือนางไปยังมุมที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าได้ยินพวกเขากล่าวว่าผู้ที่ไม่เคยคลอดบุตรไม่ควรไปห้องคลอด ไม่เช่นนั้นจะสร้างเงามืดภายในใจเอาได้ง่าย ๆ”
“ท่านพูดราวกับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในอย่างไรอย่างนั้น พวกท่านบุรุษยิ่งไม่เคยเข้าห้องคลอดกระมัง?”
“ข้าไม่เคยเข้าไป แต่พี่ใหญ่ของข้า…” ลู่เซวียนเหลือบมองลู่อี้แวบหนึ่ง “ตอนนั้นที่คลอดเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์และฉาวอวี่ เขาก็อยู่ในนั้น เมื่อออกมามือไม้เขาพลันปวกเปียก หากข้าจับไว้ไม่ทัน เกรงว่าจะทรุดลงกับพื้นแล้ว”
เมื่อลู่อี้มาถึง เขาได้ยินลู่เซวียนกำลังเอ่ยถึงเรื่องน่าอายในตอนนั้นเข้าพอดี
“สถานการณ์ข้างในเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พี่สะใภ้เพิ่งปวดท้อง” ซูจือหลิ่วเอ่ย “หมอตำแยให้ข้าออกมาก่อน”
“เจ้าและน้องเซวียนควรไปรอที่ห้องรับรองแขกด้านข้าง เจ้าจะได้ไม่ต้องกลัว” ลู่อี้เอ่ย “ข้าจะเฝ้าอยู่ที่นี่เอง”
ตอนที่เสี่ยวชิงเอ๋อร์เกิดเขาไม่อยู่ ครั้งนี้อย่างไรเขาก็ไม่อาจพลาดโอกาสไปได้
ลู่อี้เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
ลู่เซวียนเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ข้าอยู่ข้างในแล้ว พวกเราไปรอที่ห้องข้าง ๆ เถอะ การคลอดไม่ได้รวดเร็ว บางครั้งอาจกินเวลาหลายชั่วยาม”
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นมาถึงก็เอ่ยถามลู่เซวียนสองสามคำ พอรู้ว่าท่านแม่ของนางเพิ่งเริ่มปวดท้องก็ตั้งใจจะรุดเข้าไปในห้องนั้น ทว่าซูจือหลิ่วห้ามนางเอาไว้
ลู่เซวียนและภรรยาพาลู่จื่ออวิ๋นไปยังห้องรับรองแขกข้าง ๆ
“โอ๊ยยย…” เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องข้าง ๆ
ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะดูฝืนกลั้นเอาไว้ อย่างไรก็ยังคงทำให้สตรีทั้งสองหวาดกลัวอยู่ดี
บรรยากาศทั่วทั้งจวนลู่เริ่มตึงเครียดขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นนายหรือบ่าว พวกเขาล้วนรอข่าวเกี่ยวกับการคลอดของมู่ซืออวี่
การต่อสู้ครั้งนี้เนิ่นนานถึงหนึ่งชั่วยาม ทันใดนั้นเสียงร้อง ‘อุแว้ ๆ’ ก็ดังมาจากเรือนหลัก เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง แสดงให้เห็นว่าเด็กแข็งแรงสมบูรณ์เพียงใด
ซูจือหลิ่วและสามีรวมถึงลู่จื่ออวิ๋นรีบวิ่งออกมารออยู่หน้าห้องที่ใช้ทำคลอด
ซางจือออกมาประกาศข่าวดี “คลอดแล้วเจ้าค่ะ เป็นคุณชายน้อย เสียงร้องดังเชียวเจ้าค่ะ”