สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 643 ตกเป็นเป้าหมายแล้ว
บทที่ 643 ตกเป็นเป้าหมายแล้ว
บทที่ 643 ตกเป็นเป้าหมายแล้ว
อาณาบริเวณของสกุลลู่มีขนาดใหญ่มาก ด้านหลังยังมีสวนผลไม้ขนาดใหญ่สวนหนึ่ง ในบรรดาผลไม้หลายชนิด ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปี่แป่กำลังสุกงอม
“อื้ม…” ฉินเหลียนโบกมือให้กับลู่จื่ออวิ๋น “จื่ออวิ๋น ผลไม้บ้านเจ้าหวานยิ่งนัก!”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินมาหา “ท่านแม่ข้าใช้วิธีทาบกิ่งอะไรสักอย่าง บอกว่าผลไม้ที่ปลูกด้วยวิธีนี้จะอร่อยกว่า ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำได้อย่างไร แล้วผลไม้บ้านข้าก็หวานกว่าผลไม้บ้านอื่นจริง ๆ”
“เหตุใดท่านแม่เจ้าเยี่ยมยอดถึงเพียงนี้ ราวกับเรื่องใดล้วนรู้ทั้งสิ้น” ฉินเหลียนเอ่ย “ไม่แปลกใจเหตุใดท่านแม่ข้าจึงชื่นชมนางมากเพียงนี้”
หยางเจิงและเจี่ยหลิงหลงก็เก็บปี่แป่มาจำนวนหนึ่งเช่นกัน
เมื่อมองดูคนอื่น ๆ แล้ว พวกนางเพียงแค่เก็บบางส่วนมาเพื่อลองชิมเท่านั้น ไม่ได้เก็บมากจนเกินไป
“แม่นางลู่ ไม่รู้ว่าให้ปี่แป่ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?” เจียงฉวนเหลียงคุณชายเจ็ดเจียงเอ่ยขึ้น “ช่วงนี้แม่ของข้าไอหนักขึ้นเรื่อย ๆ ได้ยินว่าหากต้มปี่แป่เป็นยาแล้วทานเป็นประจำจะบรรเทาอาการไอได้”
“หากคุณชายเจียงต้องการก็เก็บไปเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ตอนนี้เป็นช่วงที่ปี่แป่สุก หากทุกคนชอบก็สามารถเก็บกลับไปให้ครอบครัวชิมดูได้”
หยางเจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงเป็นเจี่ยหลิงหลงที่ดึงมือนางไป พร้อมกับเอ่ยว่า “เจ้ากับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ยังเกรงใจอะไรกัน ปี่แป่เหล่านี้หวานจริง ๆ นำกลับไปให้ครอบครัวเจ้าลองชิมดูเถิด!”
เดิมทีคนอื่น ๆ ยังคงอายเกินกว่าจะกินและเก็บปี่แป่ ในเมื่อลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยปากแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่คนกระมิดดกระเมี้ยนอะไร ดังนั้นจำนวนคนที่เก็บปี่แป่จึงเพิ่มขึ้น
“สวนผลไม้บ้านเจ้านี่ดีจริง ๆ” ฉินเหลียนเอ่ย “เมื่อครู่ข้าเดินเข้ามาข้างใน ผลไม้ที่นี่มีไม่ต่ำกว่าสิบชนิด เดิมทีผลไม้ก็เป็นของหายาก ปกติอยากจะกินเล็กน้อยยังต้องซื้อในราคาสูง บ้านพวกเจ้าไม่ขาดแคลนของกินจริง ๆ”
“เจ้าชอบกิน ก็แค่เพียงมาบ้านข้า แน่นอนว่าหากคุณหนูใหญ่ฉินเกรงใจและอยากซื้อด้วยเงิน นั่นยิ่งง่ายดาย เรือนพักบนผ่อนภูเขาของพวกข้าไม่ได้ปลูกผลไม้ไว้มากมายหรือ? ผลไม้เหล่านั้นมีไว้เพื่อให้ลูกค้าทานเท่านั้น แขกทานไม่หมดก็ต้องขายออกไปอยู่ดี”
“น้องหญิงลู่ เรือนพักผ่อนบนภูเขาของบ้านพวกเจ้าไม่ได้จองได้ง่าย ๆ ในเมื่อทุกคนเป็นสหายกันแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้รับเกียรติได้รับบัตรสมาชิกของพวกเจ้าหรือไม่?” เจียงเหยียนหรงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
สายตาคู่หนึ่งจับจ้องมา
ลู่จื่ออวิ๋นแบมือ สีหน้าอับจนปัญญา “เรือนพักผ่อนบนภูเขาแห่งนั้นเป็นทรัพย์สินของท่านแม่ข้า ข้าไม่อาจตัดสินใจได้”
“เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่สกุลลู่ ขอแค่เพียงเจ้าเอ่ยอะไรสักคำ คนที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาจะต้องไว้หน้าพวกเราอย่างแน่นอน” เจียงเหยียนหรงเอ่ยอีกครั้ง
“ทรัพย์สินของท่านแม่ข้าเป็นของท่านแม่ข้า นางยังไม่ได้ยกมรดกให้ข้า ข้ากล่าวอะไรไปก็ไร้ผล เอาละ ไม่ต้องผิดหวัง ถึงแม้ข้าจะมอบบัตรสมาชิกเรือนพักผ่อนบนภูเขาให้ไม่ได้ ทว่าผลไม้ของที่นี่สามารถทานได้ตามใจชอบ ที่นี่ข้าเป็นเจ้าบ้าน ข้าทำได้!”
สายตาของเจียงฉวนเหลียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
เด็กหญิงตัวเล็กสกุลลู่ผู้นี้ใช้ไม้อ่อนก็แล้วใช้ไม้แข็งก็แล้วจริง ๆ!
หากเปลี่ยนเป็นคุณหนูจากสกุลอื่น เมื่อเห็นท่าทีเอาใจใส่เช่นนี้ของเขาคงดีใจจนเนื้อเต้น แทบอดทนไม่ไหวและตามกลับไปจวนเจียงแทบไม่ทัน
เจียงฉวนเหลียงมองปี่แป่ในมือของเขาแล้วกลอกตา
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นหันไป เขาก็โยนปี่แป่ในมือทิ้ง
ลู่จื่ออวิ๋นบังเอิญไปเหยียบบนปี่แป่นั้นเข้าพอดี เท้าของนางพลันลื่นไถล…
“จื่ออวิ๋น…” ฉินเหลียนอยู่ใกล้นางมากที่สุด ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปคว้านางไว้ นางเองก็เกือบจะลื่นล้มเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าร่างของลู่จื่ออวิ๋นกำลังจะล้มลง จู่ ๆ เจียงหว่านเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นมาพยุงนางเอาไว้
“ไม่เป็นไรกระมัง?” เจียงหว่านเฉินเอ่ยถาม
ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
เจียงฉวนเหลียงถอนมือที่ยื่นไปกลับมา
เจียงหว่านเฉินผู้นี้โผล่ออกมาจากที่ใดอีก?
“พวกเจ้าก็เก็บผลไม้อยู่ที่นี่เหมือนกันหรือ” จางเหล่ยกล่าว “เมิ่งหานเยว่ยืนกรานจะมาเก็บปี่แป่ให้ได้ พวกเราล้วนมาเป็นเพื่อนเขา”
ฉินเหลียนเห็นเมิ่งหานเยว่ก็ส่งยิ้มให้เขา
เมิ่งหานเยว่เดินเข้าไปหาฉินเหลียน “ดูเหมือนเจ้าจะอิ่มแล้วกระมัง เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องเก็บแล้ว”
“ผู้ใดกล่าวว่าไม่ต้องเก็บ?” ฉินเหลียนเอ่ย “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์บอกไว้แล้ว พวกเราสามารถเก็บได้เท่าที่ต้องการ”
ลู่ฉาวอวี่เดินอยู่ข้างหลัง เมื่อครู่นี้ลู่จื่ออวิ๋นเกือบจะล้มลง เขามองไม่เห็น หากเขาเห็นคงไม่ปล่อยให้ถึงคราวเจียงหว่านเฉินแล้ว
ลู่ฉาวอวี่มองเพียแวบเดียวก็เห็นเจียงฉวนเหลียง
“จ้วงหยวนหลางก็มาแล้วหรือ” เจียงฉวนเหลียงเอ่ยยิ้ม ๆ “เช่นนั้นวันนี้ปี่แป่คงล้ำค่ายิ่งกว่าเดิมแล้ว อย่างไรเสียปี่แป่ที่จ้วงหยวนหลางได้สัมผัสจะต้องมีต้องมีปราณเซียนเป็นแน่”
“หากท่านกล่าวเช่นนี้ มิใช่ว่าห้องน้ำที่จ้วงหยวนหลางใช้ก็มีปราณเซียนหรือ?” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสีเหน็บแนม “ลู่ฉาวอวี่ ข้าขอเส้นบะหมี่สักเส้นสิ สละห้องน้ำของเจ้าให้เจียงฉวนเหลียงได้แช่ในปราณเซียนสักหน่อย”
หลายคนที่อยู่ข้าง ๆ เบือนหน้าหนี
เด็กหนุ่มผู้นั้นไม่อาจล่วงเกินได้ เจียงฉวนเหลียงก็ไม่อาจล่วงเกินได้เช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย
ลู่ฉาวอวี่นำเด็กหนุ่มมาหลายสิบคน ตอนนี้เด็กหนุ่มเหล่านั้นได้พบกับบุตรสาวสกุลขุนนางที่ยังไม่ออกเหย้าเรือนหลายคน การเก็บปี่แป่ในครั้งนี้จึงได้มีการจัดกลุ่มใหม่
ฉินเหลียนและเมิ่งหานเยว่เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ทั้งสองสกุลได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว ดังนั้นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่จึงเป็นคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน อยากจะหวานเพียงใดก็หวานได้เท่าที่พวกเขาต้องการ ไม่มีผู้ใดนินทาว่าร้าย
ส่วนคนอื่น ๆ
เจี่ยหลิงหลงและหยางเจิงกำลังเก็บปี่แป่อยู่ดี ๆ จู่ ๆ เซี่ยชิงโจวก็เดินออกมา
“ปี่แป่ข้างบนใหญ่กว่า เหตุใดพวกเจ้าไม่เก็บข้างบนเล่า?”
“เก็บไม่ได้” หยางเจิงกล่าว “มันสูงเกินไป”
“ข้าจะปีนขึ้นไปเก็บให้ พวกเจ้ารอช่วยอยู่ด้านล่าง” เซี่ยชิงโจวคว้าตะกร้าจากมือของเจี่ยหลิงหลงแล้วปีนขึ้นไปบนต้นไม้
มีคนแรกปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้ว เด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ย่อมไม่ต้องอดกลั้นอีกต่อไป
“โอ๊ย ผู้ใดขว้างของใส่ข้า?” ชายหนุ่มที่เพิ่งปะทะกับเจียงฉวนเหลียงลูบหัวตัวเอง จากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธ ท้ายที่สุดสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่เจียงฉวนเหลียง “เจ้าคนแซ่เจียง เจ้าขว้างของใส่ข้า!”
เจียงฉวนเหลียงก็อยู่บนต้นไม้เช่นกัน เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงหันไปมองแล้วพูดจาด้วยน้ำเสียงดูถูก “ข้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาไปสนใจเจ้า เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาว่าข้าขว้างของใส่เจ้า?”
เจียงเหยียนหรงร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
นางบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ควบคุมอารมณ์รักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าคนสกุลลู่ ตอนนี้กลับดีนัก นับประสาอะไรกับภาพลักษณ์ที่ดี ไม่ถูกเกลียดก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ทุกท่าน ผลไม้มีไว้กิน ไม่ใช่มีไว้เล่น หากทุกท่านสนใจที่จะเปิดศึก เหตุใดไม่ใช้ประโยชน์จากสงครามที่ชายแดน เชิญตนเองเข้าสู่สนามรบ ไปฆ่าฟันศัตรูที่นั่นอย่างห้าวหาญเล่า?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “หากไม่ได้มีผลประโยชน์อะไร โปรดอย่าทำลายต้นผลไม้ของข้าเลย”
เท่านั้นเองทุกคนจึงยับยั้งชั่งใจตัวเอง
เซี่ยชิงโจวเห็นลู่จื่ออวิ๋นอยู่ด้านล่าง จึงตะโกนเรียกนาง “แม่นางลู่…”
“คุณชายเซี่ย”
“ไม่รู้ว่าเจ้าชาดเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มันสบายดี”
“เช่นนั้นก็ดี” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “ช่วงนี้มีม้าอีกสองสามตัวมาที่สนามม้าของข้า หากแม่นางลู่สนใจ สามารถเข้าไปดูได้”
“นางไม่ว่าง แต่ข้าว่าง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เรือนพักผ่อนบนภูเขาของเราขาดแคลนม้าอยู่พอดี ในเมื่อท่านซื้อม้าใหม่มาหลายตัว ไม่สู้มอบม้าให้เรือนพักผ่อนบนภูเขาของเราสักสองตัวเล่า?”
“นอกจากท่านจะเป็นจ้วงหยวนหลางแล้ว ยังดูแลกิจการที่บ้านด้วยหรือ?” เซี่ยชิงโจวเอ่ยยิ้ม ๆ “ได้ ๆ พวกท่านไปเลือกเอาเถอะ เลือกแล้วก็นำไปได้เลย”