สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 647 อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
บทที่ 647 อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
บทที่ 647 อย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า
“ท่านพ่อข้าจะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้อย่างไร? พวกเขาไม่แม้แต่ตรวจสอบ ทว่ากลับพาคนในสกุลขุนนางที่ซื่อสัตย์ไปเช่นนี้หรือ? นี่จะไม่ทำให้จิตใจของทหารที่กำลังสู้รบอยู่ชายแดนเหน็บหนาวหรือ?” ซูจือหลิ่วเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าต้องไปหาท่านแม่ ข้าต้องถามให้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฮูหยินรองลู่ ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ฟังข้ากล่าวเสียก่อน” เฟิงเจิงเอ่ย “พวกเขาเข้าไปตรวจค้นที่จวนซูแล้ว อีกทั้งยังค้นพบว่ามีจดหมายตอบโต้กับอาณาจักรของศัตรู จดหมายเหล่านั้นเป็นญาติผู้พี่ของท่านที่นำมามอบให้”
“ผู้ใดรับผิดชอบการตรวจสอบ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ใต้เท้าฉีเซียว”
ดวงตาของซูจือหลิ่วแดงก่ำขึ้นมา “ตอนนั้นข้าไม่ควรรับนางไว้เลย เหตุใดนางชั่วช้าถึงเพียงนี้ ทำเช่นนี้คิดจะใส่ร้ายสกุลพวกข้าหรือ?”
“สตรีนางนั้นกินดื่มที่บ้านของพวกเจ้าโดยไม่มีสิ่งใดตอบแทน นางยังคิดจะปีนขึ้นกิ่งไม้สูงใหญ่ ท่านแม่ของเจ้าไม่เห็นด้วยและปฏิเสธนางหลายครั้งหลายครา นางจึงนึกแค้น ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนทำได้ทั้งสิ้น” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตอนนี้เจ้ากำลังหุนหันพลันแล่น ข้าไม่ไว้ใจให้เจ้าจัดการเรื่องเหล่านี้ เจ้าเพียงแค่รอฟังข่าวอยู่ที่นี่ ส่วนข้าจะลองไปสอบถามสถานการณ์ดู หากเจ้าต้องการสอบถามจริง ๆ ให้ไปถามกับลู่เซวียน”
“ข้า…”
“เจ้าเป็นบุตรสาวสกุลซู หากออกหน้าในยามเช่นนี้ รังแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงเท่านั้น”
“แต่ว่า ข้าเป็นบุตรสาวสกุลซู พวกท่านเกี่ยวดองกับสกุลซู เรื่องครานี้เกรงว่าจะกระทบต่อพวกท่าน ข้าจะให้ท่านออกหน้าได้อย่างไร”
“หากเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้ข้าล้มได้ เช่นนั้นหลายปีที่ผ่านมาของข้าไม่สูญเปล่าหรือ? เจ้าคงไม่ได้คิดจริง ๆ ว่าหลายปีมานี้ข้าเพียงแค่ขยันหาเงินกระมัง? เช่นนั้นเงินเหล่านั้นที่ข้าหามา ข้าจะเอาไปใช้ที่ใด? ฮ่องเต้ชราในวังผู้นั้นกินของข้าไปไม่น้อย อีกทั้งยังมีขุนนางจากที่ต่าง ๆ อีก ล้วนแต่เป็นพวกกินเนื้อทั้งนั้น”
มู่ซืออวี่ไปหาลู่อี้ก่อน ทว่าลู่อี้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่ากำลังยุ่งอยู่กับงานในมือหรือไม่ทันระวังตัวจนกลายเป็นผู้ ‘สมคบคิด’ ไปอีกคนแล้ว
หลังจากนั้นนางจึงตรงไปที่หน่วยลับทันที
เซี่ยวซื่อถูกนำตัวไปยังหน่วยลับซึ่งไม่ใช่คุกธรรมดาทั่วไป นางต้องไปที่นั่นสักเที่ยว ดูว่าใต้เท้าฉีเซียวจะเห็นแก่สตรีและช่วยผ่อนปรนให้สักหน่อยได้หรือไม่
“ใต้เท้าฉีของพวกท่านอยู่หรือไม่?”
“ใต้เท้าฉีอยู่ที่ห้องขัง”
“ข้าขอพบเขาได้หรือไม่?”
“ฮูหยินรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปรายงานประเดี๋ยวนี้”
ฉีเซียวไม่ปล่อยให้มู่ซืออวี่ต้องรอนานเกินไป
เมื่อฉีเซียวเข้ามาก็เห็นมู่ซืออวี่กำลังนวดขมับของนางอยู่พอดี
เขาเอ่ยกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้าง ๆ “ไปนำชาป๋อเหอ*[1] มาสักถ้วย”
ผู้ใต้บังคับบัญชา “…”
ที่นี่คือหน่วยลับ ไม่ใช่โรงน้ำชา
เมื่อก่อนถึงแม้จะมีใต้เท้าคนอื่น ๆ มาเยือน ใต้เท้าของเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นนี้ ฮูหยินลู่ผู้นี้ช่างมีเกียรติจริง ๆ
“ฮูหยินมาหาข้าเพราะเรื่องของสกุลซูใช่หรือไม่?” ฉีเซียวเดินเข้ามา
“ใต้เท้าฉี รบกวนท่านแล้ว”
“ไม่เป็นไร นั่งก่อนเถิด”
“ใต้เท้าฉี ท่านก็ทราบดี สกุลซูแต่งงานเกี่ยวดองกับสกุลลู่ของเรา ตอนนี้สกุลพวกเขาเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าสกุลลู่ของพวกข้า…”
“ฮูหยินวางใจเถิด แตะต้องผู้ใดก็ไม่แตะต้องสกุลลู่ของพวกท่าน ท่านไม่มั่นใจในตัวใต้เท้าลู่หรือ?” ฉีเซียวเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ส่วนสกุลซู ตอนนี้เพียงแค่ตกเป็นที่สงสัย ยังไม่พบหลักฐานอะไรแน่ชัด”
“ข้าได้ยินว่าญาติผู้พี่ของสกุลซูผู้นั้นนำจดหมายสมคบคิดกับศัตรูออกมา”
“ถึงแม้จะมีจดหมายก็ต้องทำการยืนยันลายมือเสียก่อน บนโลกนี้มีจดหมายปลอมมากมาย จดหมายเพียงฉบับเดียวจะนำมาใช้ลงโทษแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ได้อย่างไร?”
“ได้ยินใต้เท้าฉีกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็โล่งใจแล้ว ฮูหยินซูไม่เป็นไรกระมัง? นางอายุมากแล้ว สุขภาพไม่แข็งแรง ข้าส่งของไปให้นางได้หรือไม่?”
“ฮูหยินส่งมาเถิด ข้าจะให้คนของข้าส่งต่อให้ฮูหยินซู ไม่ปล่อยให้นางได้รับความไม่เป็นธรรม”
“ใต้เท้าฉี ท่านช่างฉลาดจริง ๆ” มู่ซืออวี่เอ่ย “เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับจวนอู่อันโหวหรือ? เมื่อครู่นี้ข้าผ่านมา เห็นผู้คนมุงอยู่ที่หน้าประตูมากมาย ทั้งประตูยังถูกปิดผนึกเอาไว้แล้ว”
ฮูหยินอู่อันโหวผู้นี้ มู่ซืออวี่ชอบนางมากจริง ๆ ยังมีซื่อจื่ออู่อันโหวผู้นั้นด้วย ดูสิว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดีเพียงใด
“ไม่ว่าซื่อจื่ออู่อันโหวจะไปยังอาณาจักรเฟิ่งหลินจริง ๆ หรือไม่ และหากไป จะไปอย่างเต็มใจหรือไม่ ทั้งหมดยังต้องได้รับการตรวจสอบ ทว่าสิ่งที่แน่นอนคือจวนอู่อันโหวนั้นว่างเปล่าจริง ๆ ข้าไปตรวจดูด้านใน เห็นได้ว่ามีการเตรียมการไว้นานแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่สะอาดหมดจดถึงเพียงนี้ ฮูหยินอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะดีที่สุด”
มู่ซืออวี่เข้าใจความนัยของฉีเซียวแล้ว
ฮูหยินอู่อันโหวเป็นองค์หญิงอาณาจักรเฟิ่งหลิน หากพวกเขากลับไปยังอาณาจักรเฟิ่งหลินแล้วจริง ๆ คงมีความสัมพันธ์เป็นศัตรูกันนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หากสกุลลู่เข้าไปเกี่ยวข้องกับจวนอู่อันโหว เช่นนั้นย่อมถูกจัดให้เป็นฝ่ายเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
“ใต้เท้า ข้าเชื่อว่าแม่ทัพซูไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ เขาต้องถูกกล่าวหาผิด ๆ เป็นแน่ ไม่รู้ว่าหากมีความคืบหน้าเรื่องจวนซู ท่านช่วยส่งคนมาแจ้งข้าได้หรือไม่? เพื่อเป็นการตอบแทนใต้เท้า ข้าจะออกแบบอาวุธให้ท่าน หากพวกท่านมีปัญหาเรื่องเงิน ข้าก็สามารถสนับสนุนให้ได้”
“ฮูหยินทั้งรวยทั้งมีอำนาจ เช่นนั้นหน่วยลับของพวกข้าก็ขอรับไว้” ฉีเซียวกล่าว
มู่ซืออวี่ “…”
ตกลงง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?
เมื่อซูจือหลิ่วกลับมาจากไปหาลู่เซวียน มู่ซืออวี่ก็กลับมาพอดี ซูจือหลิ่วจึงเข้ามาหานาง
“พี่สะใภ้ เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้าไปที่หน่วยลับมา ข้าสอบถามจากใต้เท้าฉีเซียวของที่นั่นมาสองสามเรื่อง” มู่ซืออวี่ถ่ายทอดคำพูดของฉีเซียวให้ซูจือหลิ่วฟัง
“ดังนั้น ตอนนี้จึงต้องตรวจสอบดูว่าลายมือเหล่านั้นเป็นของจริงหรือไม่ หากหลักฐานชัดเจน ความผิดของพ่อข้าก็ไม่อาจปัดได้พ้นอย่างนั้นหรือ?” ซูจือหลิ่วเอ่ย
“เหตุใดต้องกล่าวเช่นนั้น? หรือเจ้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าเป็นหนอนบ่อนไส้? หากเจ้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าบริสุทธิ์ ก็ควรเข้าใจว่าขอแค่เพียงตรวจสอบเรื่องนี้ออกมาชัดเจน ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าก็จะไม่เป็นไรแล้ว”
“ข้าไม่ได้ไม่เชื่อในตัวท่านพ่อ ข้าเพียงแต่ไม่เชื่อคนที่วางแผนใส่ความท่านพ่อข้า ท่านลองคิดดู ในเมื่ออีกฝ่ายใช้วิธีเช่นนี้ใส่ความพ่อข้า พวกเขาจะเผยพิรุธอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”
เย็นวันนั้นเอง สองพี่น้องสกุลลู่เรียกพรรคพวกกลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาไปหารือเกี่ยวกับวิธีตอบโต้ที่จวนลู่
ท่านแม่ทัพซูเซิ่งยังรบอยู่ที่ชายแดน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ความอัปยศนี้จะปล่อยให้เขาแบกรับไม่ได้ ไม่เช่นนั้น หากฮ่องเต้ชราเกิดโง่เขลา ออกคำสั่งให้ไปที่ชายแดนเพื่อไต่สวนผู้กระทำผิดจริง ๆ เช่นนั้นชายแดนจะไม่ตกสู่ความวุ่นวายหรอกหรือ?
บางทีนี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องการเห็นเช่นกัน
ชายแดนไม่อาจวุ่นวาย ฉะนั้นทางด้านเมืองหลวงจึงต้องเร่งตรวจสอบความจริง
วันถัดมา ลู่อี้ไปยังท้องพระโรงแต่เช้าตรู่
สกุลลู่และสกุลซูเกี่ยวดองกัน เรื่องนี้เขาจึงไม่อาจออกหน้า ทว่าเขาสามารถให้ผู้อื่นออกหน้าแทนได้
ทว่าฝ่ายเจียงเก๋อเหล่าและฝ่ายเซวียนอ๋องต่างกระตือรือร้นที่จะใช้โอกาสนี้ตัดขาดสายสัมพันธ์ของลู่อี้ ฉะนั้นการจะลบล้างข้อกล่าวหาของซูเซิ่งจึงไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น
หลายวันมานี้ เมืองหลวงล้วนกำลังโจษจันถึงเรื่องนี้ ข่าวลือเรื่องการทรยศอาณาจักรหลีของซูเซิ่งแพร่กระจายลุกลามใหญ่โตไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่บังคับให้หน่วยลับประหารชีวิตเซี่ยวซื่อยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
บางคนถึงกับยืนขวางประตูจวนของลู่เซวียนเพื่อเรียกร้องให้ลู่เซวียนหย่าซูจือหลิ่วและมอบตัวซูจือหลิ่วให้หน่วยลับนำไปประหาร
[1] ชาป๋อเหอ คือ ชาสะระแหน่