สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 65 เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจนี่น่ารักเสียจริง
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 65 เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจนี่น่ารักเสียจริง
บทที่ 65 เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจนี่น่ารักเสียจริง
บทที่ 65 เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจนี่น่ารักเสียจริง
มู่ซืออวี่รู้ว่าลู่ฉาวอวี่ขี้อาย นางจึงไม่บังคับ ได้แต่วางถังไว้ให้แล้วกลับไปทำงานต่อ
ลู่ฉาวอวี่มองตามหลังของนางด้วยท่าทางเย็นชา
ตั้งแต่จำความได้เขาก็ไม่มีแม่ เมื่อก่อนเขาไม่ต้องการ ตอนนี้ก็ไม่ต้องการ และในอนาคตเขาก็ไม่ต้องการเช่นกัน
เมื่อในใจไม่มีความคาดหวังก็ย่อมไม่ผิดหวัง หากวันหนึ่งนางจากไป เขาจึงจะไม่ต้องเสียใจ
“เดี๋ยวสิ เขามีเสื้อผ้าแค่สามชุด ชุดหนึ่งขาด ชุดหนึ่งสกปรก และที่เหลือแขวนอยู่ยังไม่แห้ง” มู่ซืออวี่พูดกับตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นเด็กคนนั้นจะใส่อะไร?”
นางตบแป้งทาหน้าในมือแล้วล้างมือด้วยน้ำสะอาด จากนั้นก็ไปเคาะประตูห้องของลู่ฉาวอวี่ “ฉาวอวี่ เสื้อผ้าของเจ้ายังไม่แห้ง เจ้าซักแล้วเอาผ้าห่มคลุมไว้นะ ข้าจะตากแห้งให้แล้วค่อยเอาไปให้เจ้า”
ลู่ฉาวอวี่นั่งยอง ๆ อยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยสีหน้าเย็นชา ท่าทางดูหงุดหงิด “เข้าใจแล้ว”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำพลาดในเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้
รู้แบบนี้แล้วคงตากผ้าให้แห้งก่อนค่อยส่งให้ลู่จื่ออวิ๋น
“พี่ชาย วางเสื้อผ้าไว้ที่หน้าต่างได้เลย!” เสียงของลู่จื่ออวิ๋นทะลุผ่านประตูเข้ามา
“ได้”
มู่ซืออวี่คลี่ยิ้มพร้อมกับนวดเส้นบะหมี่ “เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจนี่น่ารักเสียจริง”
ลู่ฉาวอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงออกมา เขาไม่ลืมที่จะคว้าอ่างอาบน้ำออกมาเททิ้ง
เขาไม่สามารถแบกอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ในคราวเดียวได้ จึงตักมันขึ้นมาด้วยถังเล็กแล้วเทมันออกทีละนิด หลังจากเดินไปมาเจ็ดแปดรอบ ห้องก็ถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย
ลู่จื่ออวิ๋นต้องการช่วย แต่ลู่ฉาวอวี่ไม่อนุญาตให้นางแตะต้อง เด็กหญิงตัวน้อยจึงได้แต่เดินตามหลังลู่ฉาวอวี่เหมือนลูกสมุนตัวน้อย ซึ่งนี่ขัดขวางต่อการทำเรื่องต่าง ๆ ของเขายิ่งนัก เพราะเด็กชายไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก
มู่ซื่ออวี่ได้แต่คิดในใจ
เด็กคนนี้… ภายนอกดูเย็นชา แต่ภายในกลับอ่อนโยน
เด็กคนนี้จะกลายเป็นตัวร้ายได้อย่างไร? เขาสมควรได้รับความรักและความสุขเหมือนเด็กทั่วไป
ไม่นานในหม้อก็เดือดปุด ๆ พร้อมกลิ่นหอมที่โชยออกมา
มู่ซืออวี่เดินไปหาลู่ฉาวอวี่ หยิบถังจากมือของเขาไปวางลงข้าง ๆ ก่อนจะออกแรงกดไหล่เล็กของเขาให้นั่งลง “ผมกระเซอะกระเซิงเหมือนรังนกเชียว มานี่ ข้าจะจัดการให้เจ้า”
“ข้าทำเอง…”
“ไม่ต้อง” มู่ซืออวี่ขัดคำพูดเขา “ข้าไม่กินเจ้าหรอก เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา?”
“ข้าไม่ได้กลัว”
เขาไม่ได้กลัวเลยสักนิด
ใบหน้าของลู่ฉาวอวี่บูดบึ้ง
“ใช่ เจ้าไม่กลัว เจ้าแค่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง เอ้า มัดเรียบร้อยแล้ว สวยงามจริง ๆ ฉาวอวี่เหมือนพ่อของเจ้าเสียจริง!”
ลู่ฉาวอวี่กะพริบตา เม้มริมฝีปาก และมองไปข้างหน้าอย่างเฉยเมย
“ท่านพี่!” ลู่จื่ออวิ๋นตะโกน
ลู่ฉาวอวี่ยืนขึ้นทันที ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างกระวนกระวายใจ “มีอะไรงั้นหรือ?”
“พี่ชาย ซานเหมาตายแล้ว!” ลู่จื่ออวิ๋นอุ้มลูกไก่ที่ตายไปแล้วมาด้วย “เหตุใด? เหตุใดซานเหมาถึงตาย? ข้าดูแลพวกมันอย่างดีมาโดยตลอด”
ลู่ฉาวอวี่ถอนหายใจพลางเดินไปหาลู่จื่ออวิ๋น “มันดูซึม ๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันข้างนอก แต่ไม่ได้เป็นเพราะเจ้า เจ้าทำดีมากแล้ว”
มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น
เจ้าเด็กปากไม่ตรงกับใจรู้วิธีปลอบน้องสาว ไม่หวงคำพูดเหมือนเช่นปกติ ดูเหมือนว่าเมื่อโตขึ้นก็กลายเป็นคนบ้าที่ห่วงน้องสาวเช่นกัน
แต่ในต้นฉบับนั้น เด็กคนนี้ค่อย ๆ กลายเป็นตัวร้ายเพราะน้องสาวของเขา…
“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…”
“อวิ๋นเอ๋อร์ ลูกไก่ตัวน้อยจะอยู่รอดเพื่อเจ้าไม่ได้ นี่เป็นการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดไหนก็หนีไม่พ้น เช่นเดียวกับมนุษย์เรา ถ้าเราไม่แข็งแกร่งพอก็จะถูกผู้อื่นกดแล้วลากไปกับพื้นอย่างรุนแรง” มู่ซืออวี่กล่าวคำพูดที่เป็นความจริงแต่กลับโหดร้ายต่อลู่จื่ออวิ๋น “นอกจากนี้ แม้ว่ามันจะมีชีวิตรอด สักวันมันก็จะกลายเป็นอาหารของมนุษย์ สุดท้ายผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม อยู่ที่ว่าจะมาเร็วหรือมาช้า”
“เหตุใดเจ้าถึงบอกนางเช่นนี้?” ลู่ฉาวอวี่มองมาด้วยความโกรธ “นางยัง…”
“ถ้าเจ้าเข้าใจหลักข้อนี้ นางก็คงจะเข้าใจเช่นกัน ฉาวอวี่ ข้ารู้ว่าเจ้ารักน้องสาวของเจ้าและต้องการปกป้องนาง แต่เจ้าเลี้ยงดูน้องสาวเหมือนกระดาษเปล่า ต่อไปนางจะไม่สามารถทนแรงโจมตีใด ๆ ได้นะ” มู่ซืออวี่พูดจบก็เดินจากไป
“พี่ชาย…” ลู่จื่ออวิ๋นดึงชายเสื้อของลู่ฉาวอวี่แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”
ลาเมี่ยน*[1]ไข่ไก่ที่ทำตอนกลางคืนดูน่าอร่อย แต่หลังจากเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ทุกคนก็ไม่พูดจา แม้แต่ลู่จื่ออวิ๋นที่เตรียมตัวจะมากินก็ไม่มีอารมณ์เช่นกัน บรรยากาศของอาหารมื้อนี้จึงเงียบงันยิ่งนัก
วันรุ่งขึ้นมู่ซืออวี่ก็ขอให้ถงซื่อมาช่วย
งานถมพื้นที่รกร้างของถงซื่อเกือบจะเรียบร้อย พวกเขากำลังรอที่จะเปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้กลายเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ จากนั้นค่อยปลูกพืชผัก แต่ตอนนี้ได้แต่โรยขี้เถ้าพืชและทำมูลไก่มูลวัวไว้ นางตั้งใจว่าจะปลูกพืชผักในอีกสองวัน
“ไอ้คนสารเลวนี่กำลังทำให้ข้าโกรธ!”
ประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ในขณะที่เหยาซื่อเดินเข้ามาด้วยความเดือดดาล
มู่ซืออวี่กำลังตัดฟืนอยู่กับถงซื่อ เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายจึงหยุดสิ่งที่ทำอยู่
“ป้าเหยา เกิดอะไรขึ้นหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ใช่! พี่เหยา ใครทำให้พี่โมโห?” ถงซื่อเอ่ยถาม
“จริง ๆ เลย!” เหยาซื่อตาแดงก่ำ นางหาที่นั่งแล้วระบายออกมา “แม่นางซืออวี่ เจ้าไม่รู้หรอก สุนัขตัวผู้ในครอบครัวเราเลวยิ่งกว่าอะไร จู้จื่อจะแต่งงาน ข้าก็เลยขอให้เจ้าช่วยจัดงานเลี้ยง พอเจ้าทำรายการวัตถุดิบมาให้ข้า ข้าก็ให้สามีไปซื้อ เจ้าลองนึกดูว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาซื้อเต้าหู้มาเต็มไปหมด เต้าหู้นั้นเก็บไว้ได้ไม่นาน เราจะจัดงานเลี้ยงเต้าหู้สิบกว่าโต๊ะได้อย่างไร?”
“ไอ้สารเลวนั่น พอได้พบกับคนขายเต้าหู้ที่ชื่อจางต้าเหม่ยก็ไม่เป็นอันทำอะไร เมื่อก่อนสองคนนี้เกือบจะตัดสินใจทำเรื่องฉาวโฉ่ด้วยนะ อายุปูนนี้แล้ว ลูกชายก็แต่งงานกันหมดแล้ว ยังจะทำเรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้อีก”
“ซื้อมาเยอะเลยหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ซื้อมาตั้งหลายสิบก้อน!” เหยาซื่อตำหนิ “ถ้างานครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกชายเป็นเต้าหู้ทั้งหมด ฝ่ายสะใภ้จะคิดอย่างไร! ไม่ได้การแล้ว เงินที่จ่ายไปทั้งหมดข้าไม่ยอมจริง ๆ”
“เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อของจู้จื่อส่งกลับไป?” ถงซื่อถาม
“ส่งคืน? หากเช่นนั้นเขาต้องเต็มใจถึงทำได้ เขาไม่อยากเสียหน้าต่อคนรักเก่า คงไม่ยอมไปแน่ ข้าไม่กลัวเสียหน้าหรอก ข้าอยากได้เงินคืน แต่เขาไม่อนุญาต และเขายังบอกอีกว่าถ้าข้ากล้าไป เขาจะหย่ากับข้า”
ยิ่งเหยาซื่อพูดเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น นางกัดฟันด้วยความแค้น
“เต้าหู้เก็บไว้นานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเสีย ไม่ค่อยมีใครชอบกินเต้าหู้หรอก ถ้าจะซื้อก็ซื้อกันแค่สองก้อนมาลองชิม พ่อของจู้จื่อนี่ไม่รู้เรื่องเสียจริง”
เหยาซื่อดูเหมือนจะเจอคนรู้ใจ นางหันไปจับมือถงซื่อพลางบ่นราวกับจะตั้งข้อกล่าวหาหนึ่งร้อยข้อให้ผู้ชายของนางให้ได้ “เรานี่น่าเวทนาเหลือเกิน!”
ดวงตาของถงซื่อเป็นสีแดง สีหน้าพลันหม่นหมอง นางนึกถึงความทุ่มเทของตัวเองในหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่ได้รับความอบอุ่นจากชายที่อยู่ด้วยกันผู้นั้น
ใช่ ผู้หญิงนี่ยากเสียจริง
“ข้าขอดูเต้าหู้พวกนั้นได้หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม
“ได้สิ” เหยาซื่อไม่รู้ว่ามู่ซืออวี่กำลังจะทำอะไร แต่นางก็ยังทำตามคำขอนี้ และนางไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธ “มันอยู่ในบ้านข้า เจ้าไปดูสิ ในห้องเต็มไปด้วยเต้าหู้ กลิ่นของเต้าหู้ลอยคลุ้งเต็มไปหมด”
[1] ลาเมี่ยน (拉面) คือ บะหมี่เส้นดึง เป็นการทำเส้นด้วยวิธีการดึงก้อนแป้งทบกันไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเส้นที่บางลง