สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 651 เจ้าหมายจะทำให้ข้าคับข้องใจ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 651 เจ้าหมายจะทำให้ข้าคับข้องใจ
บทที่ 651 เจ้าหมายจะทำให้ข้าคับข้องใจ?
บทที่ 651 เจ้าหมายจะทำให้ข้าคับข้องใจ?
เจ้าชาดอยู่ที่เรือนย่อย ดังนั้นม้าที่นางขี่ในวันนี้ไม่ใช่เจ้าชาด แต่เป็นม้าตัวสูงใหญ่อีกตัว
เซี่ยชิงโจวกำลังตรวจสอบทรัพย์สินของเขาพอดี เมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋น เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่วัน สถานะของคุณหนูสกุลลู่ก็สูงขึ้นอีกแล้ว เมื่อเจ้าเด็กคนนั้นกลับมา ไม่รู้ว่าคุณหนูสกุลลู่จะยังเป็นกุลสตรีในห้องหออยู่หรือไม่”
สกุลหนึ่งมีธิดางดงาม สกุลอื่นย่อมต้องการสู่ขอมาให้บุตรชายของตน ลู่จื่ออวิ๋นผู้นี้เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
เจี่ยงหย่งหยางตบบ่าเซี่ยชิงโจวแปะ ๆ “หน้าที่ที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งของเจ้าในเมืองหลวงคือจับตามองแม่นางลู่ ที่สำคัญคือจะต้องงัดกลอุบายทั้งหมดที่มีออกมาขับไล่ผู้ที่จะมาทาบทามสู่ขอนางไป หากเซี่ยเฉิงจิ่นกลับมาและพบว่าคนในดวงใจของเขาไม่อยู่แล้วละก็ เจ้าก็รอกลายเป็นกลองหนังมนุษย์เสียเถอะ!”
“นั่น ๆ นั่นผู้ใด? เจียงหว่านเฉิน?”
“เจ้าเด็กสกุลเจียงนั่นมาทำอะไรที่นี่? เขายังเข้าไปหาแม่นางลู่อีกด้วย ท่าไม่ดีแล้ว เจียงหว่านเฉินคงไม่ได้พึงใจนางเช่นกันกระมัง? นั่นเป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจเชียวนะ”
เจียงหว่านเฉินขี่ม้าไล่ตามมาให้ทันลู่จื่ออวิ๋น
“ทักษะการขี่ม้าของแม่นางลู่ร้ายกาจยิ่ง!” เจียงหว่านควบม้าเคียงข้างนาง
ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองเขา “ท่านก็ไม่ย่ำแย่เช่นกัน”
“อยากแข่งกันหรือไม่?”
“เอาสิ!”
เซี่ยชิงโจวและเจี่ยงหย่งหยางเฝ้ามองหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีควบม้าไปรอบ ๆ สนามม้า สีหน้าเบิกบานของพวกเขาสะดุดตาเป็นพิเศษ
เจียงหว่านเฉินเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างามมากจริง ๆ
เขาและลู่จื่ออวิ๋นเป็นคนรู้จักมักคุ้นกัน ฉะนั้นพวกเขาจึงเข้ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความประทับใจของลู่จื่ออวิ๋นที่มีต่อเขานั้นค่อนข้างดีจึงไม่ได้ระแวดระวัง นางสามารถคบหากับเขาเป็นสหายได้อย่างสนิทใจ
เซวียนอ๋องฟ่านเหยี่ยนพบปะกับผู้คนอยู่ที่สนามม้า เขามองลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังยิ้มแย้มราวกับดอกไม้อยู่กับชายอื่น ดวงตาทรงอำนาจคู่นั้นมืดครึ้มลง
“ท่านอ๋อง ท่านก็พึงใจแม่นางสกุลลู่หรือ?” ทหารที่อยู่ข้าง ๆ เขาแสดงสีหน้ากระจ่าง “น่าเสียดาย สกุลลู่ปฏิบัติต่อแม่นางท่านนี้ประหนึ่งก้อนทองคำ ผู้ใดล้วนไม่สมหวัง หากท่านอ๋องไม่ได้แต่งชายา สกุลลู่คงพอไว้หน้าท่านอ๋อง น่าเสียดายที่ท่านมีชายาแล้ว ด้วยนิสัยของใต้เท้าลู่ที่รักลูกดุจชีวิต ย่อมไม่มีทางส่งลูกสาวตนมาเป็นชายารอง”
“ท่านพูดไม่ผิด” ฟ่านเหยี่ยนกำฝ่ามือตนเองแน่น ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ลู่จื่ออวิ๋นหยุดลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นฟ่านเหยี่ยน รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็เหือดหายไป
ใจของฟ่านเหยี่ยนแตกสลาย
นางอยู่ด้วยกันกับเจียงหว่านเฉินและยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นนั้น ทว่าทันที่นางเห็นเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางกลับเลือนหายไป หรือว่าในสายตาของนาง เขาเหลือทนถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์…” ฟ่านเหยี่ยนขี่ม้าเข้ามา
เดิมทีลู่จื่ออวิ๋นตอบตกลงที่จะกลับไปพร้อมเจียงหว่านเฉินแล้ว ทว่าเมื่อเห็นเขาเข้ามา จะจากไปตอนนี้คงไม่เหมาะสมนัก นางจึงไปทักทายฟ่านเหยี่ยน
“คารวะท่านอ๋อง”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าทราบสถานการณ์ของพี่ชายเจ้าหรือไหม?”
ลู่จื่ออวิ๋นสั่นศีรษะเบา ๆ
“ท่านอ๋อง ท่านเรียกข้าว่าแม่นางลู่เถิด!”
เรียกชื่อเล่นของนางต่อหน้าผู้อื่น อีกทั้งชื่อนี้ยังมีเพียงคนใกล้ตัวนางเรียกได้ เช่นนั้นแล้วในสายตาผู้อื่นจะคิดอย่างไร? นางไม่อยากให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
“ได้ แม่นางลู่” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยอย่างจนปัญญา “ข้าพอรู้เรื่องพี่ชายเจ้ามาบ้าง พวกเราไปคุยกันที่อื่นเถอะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองเจียงหว่านเฉิน
เจียงหว่านเฉินจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้ามีเรื่องจะขอคำชี้แนะจากท่านอ๋องพอดี ไม่สู้ข้ารบกวนประเดี๋ยว ข้าจะตามไปด้วยกันกับพวกท่าน”
ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ได้ เช่นนั้นก็ไปเถอะ!”
เมื่อลู่ฉาวอวี่ไปถึงที่นั่น ผู้คนที่นั่นล้วนป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก ทั้งยังจัดการได้ยากเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นั่นมีโจรป่ามากมาย บางคนยามกลางวันเป็นชาวไร่ชาวนาธรรมดา ตกกลางคืนกลายเป็นโจรป่า ก่ออาชญากรรมทุกประเภท ฆ่าคนปล้นฉุดก่อกรรมทำชั่วทุกสิ่งอย่าง
ลู่ฉาวอวี่ยังเยาว์ถึงเพียงนั้น แม้เขาจะเป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะ ทว่าการจะต่อกรกับคนชั่วร้ายเช่นนั้นไม่ได้ง่ายดาย
ฟ่านเหยี่ยนในฐานะเซวียนอ๋อง ข้างกายฮ่องเต้มีองค์ชายเพียงไม่กี่คนที่ได้รับความสำคัญ จึงได้ตรวจทานฎีกามากมาย เขาจึงรู้สถานการณ์ทางด้านลู่ฉาวอวี่เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่อาจบอกลู่จื่ออวิ๋นได้ ไม่เช่นนั้นนางที่เดิมทีไม่ได้มีความตั้งใจจะอยู่พูดคุยกับเขา เกรงว่าจะกระโดดลงจากรถม้ากลับไปยังสกุลลู่เพื่อถามเรื่องเหล่านี้กับลู่อี้
ฟ่านเหยี่ยนเล่าเรื่อง ‘ที่ดี’ บางเรื่องของลู่ฉาวอวี่ให้ลู่จื่ออวิ๋นฟัง เรื่องไม่ดี ไม่เสนาะหูเหล่านั้นก็ปกปิดเอาไว้
อย่างไรเสียเขาก็เพียงแค่อยากพูดคุยกับนางเพียงสองสามคำ อยากอยู่ ‘เพียงลำพัง’ กับนางสักพัก ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาทำให้นางไม่สบายใจ หากเป็นเช่นนั้น นางคงจะยิ่งไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขามากกว่าเดิม
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินฟ่านเหยี่ยนเล่าสถานการณ์ของลู่ฉาวอวี่ให้ฟังจึงเอ่ยขึ้น “มิน่าเล่า พี่ชายข้าหมู่นี้ไม่ได้เขียนจดหมายถึงข้าเลย ครั้งสุดท้ายที่เขาเขียนมาเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เพียงเขียนมาสองสามคำอย่างเร่งรีบ ที่แท้เขางานยุ่งทุกวันเช่นนี้นี่เอง ทว่าด้วยพรสวรรค์ของพี่ชายข้า เชื่อว่าอีกไม่นานนัก เขาจะต้องทำให้สถานที่แห้งแล้งเช่นนั้นนับวันยิ่งรุ่งเรืองขึ้นเป็นแน่ เหมือนกันกับเมืองฮู่เป่ยในตอนนั้น”
ฟ่านเหยี่ยนไม่สงสัยในคำพูดของลู่จื่ออวิ๋นเลย
ตอนนั้นเขาก็อยู่ที่เมืองฮู่เป่ย ได้เห็นกับสองตาของตนว่าเมืองธรรมดา ๆ เมืองหนึ่งได้กลายเป็นเมืองที่นับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งชื่อเสียงยังเป็นรองเพียงเมืองหลวงเท่านั้น แม้กระทั่งพ่อค้าวาณิชย์มากมายจากอาณาจักรอื่นยังต้องไปเที่ยวเล่นที่นั่นสักครั้ง
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์… เอาเถอะ แม่นางลู่ อีกไม่กี่วันหวางเฟยของข้าก็จะจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพ เจ้าเองก็มาเถอะ!”
“ข้าไม่ไป”
“นั่นเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของข้า” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ย “ข้าเชิญเจ้าด้วยตนเอง หากเจ้าไม่มา หมายความว่าตั้งใจจะทำให้ข้าคับข้องใจใช่หรือไม่? ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็นับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน”
ลู่จื่ออวิ๋นลังเลไปชั่วขณะ “ข้าต้องปรึกษาคนที่บ้านก่อน”
“สถานการณ์ในสกุลลู่ของพวกเจ้าข้ารู้ดีที่สุด ใต้เท้าลู่และฮูหยินลู่ล้วนรักใคร่เอ็นดูเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงแค่เจ้ายินดีมา พวกเขาไม่ห้ามเจ้าแน่นอน”
“ท่านอ๋อง ท่านต้องให้ข้ากล่าวให้ชัดเจนเพียงนั้นหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเปิดม่าน มองออกไปด้านนอกแล้วเอ่ย “ข้าและหวางเฟยของท่านไม่ถูกชะตากัน งานเลี้ยงเช่นนี้หากเข้าร่วมแล้ว ย่อมต้องมีปัญหามากมายตามมา เมื่อก่อนงานเลี้ยงเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นบ้านข้าจัดเอง ไม่ว่าพวกเราจะระมัดระวังเพียงใดก็มักมีคนลงไม้ลงมือที่นั่นเสมอ ตอนนี้แค่ข้าเห็นงานเลี้ยง ข้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว”
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีคำถามบางอย่างอยากขอคำแนะนำจากท่าน” เจียงหว่านเฉินเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
สีหน้าของฟ่านเหยี่ยนตอนนี้ดูไม่ค่อยดีนัก เขาไม่อาจปล่อยให้ลู่จื่ออวิ๋นพูดต่อไปได้อีก
ทุกคนล้วนเป็นผู้ชาย เจียงหว่านเฉินย่อมมองความคิดของฟ่านเหยี่ยนออก แน่นอนว่าเขายังรู้ว่าสำหรับพระโอรสผู้สูงส่ง การถูกปฏิเสธจากสตรีจะยิ่งทำให้เขาหมกมุ่นมากขึ้น แม้จะยากเย็นเพียงใดก็ไม่ยอมแพ้
ฟ่านเหยี่ยนหลุบตาลง แล้วเอ่ยกับเจียงหว่านเฉิน “คุณชายเจียงกล่าวเถิด ขอเพียงแค่ข้าเข้าใจ ข้าจะแนะนำท่าน”
เจียงหว่านเฉินเอ่ยถึงเรื่องในราชสำนักทั่วไป และเอ่ยถามคำถามเกี่ยวกับกรมพระคลัง ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยตอบสองสามคำง่าย ๆ ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ลู่จื่ออวิ๋น
“ท่านอ๋อง ข้าต้องการลงจากรถ” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นซูจือหลิ่วท่ามกลางฝูงชน จึงเอ่ยกับฟ่านเหยี่ยนว่า “ขอบคุณท่านอ๋องที่ส่งข้ากลับ”
ฟ่านเหยี่ยนเฝ้ามองลู่จื่ออวิ๋นแทรกตัวเข้าไปในคลื่นผู้คน ไม่นานก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“คุณชายเจียงยังมีคำถามอะไรอีกหรือไม่?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยถาม “หากไม่มีคำถามอื่น ข้าไม่ส่งท่านแล้ว”
“ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยไขข้อสงสัยของข้าน้อย ข้าน้อยขอตัว” เจียงหว่านเฉินกล่าวจบก็ลงไปจากรถม้า