สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 655 เมืองซานหลิน
บทที่ 655 เมืองซานหลิน
บทที่ 655 เมืองซานหลิน
เมืองซานหลินตั้งอยู่ใกล้ภูเขาและทะเล มีภูมิประเทศที่ค่อนข้างพิเศษ
พื้นที่ชายฝั่งนี้ติดกับอาณาจักรเหลียง หากกองทัพของอาณาจักรเหลียงรุกรานเข้ามา ย่อมเป็นอันตรายต่อราษฎรในเมืองซานเหลียงในที่สุด
มู่ซืออวี่ให้เฟิงเจิงล่วงหน้ามาก่อนหนึ่งเดือนเพื่อหาสถานที่ตั้งโรงต่อเรือที่เหมาะสม เฟิงเจิงจัดการได้ดียิ่ง ตำแหน่งและพื้นที่ที่นางไปดูนั้นตรงกับความต้องการพอดี และตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นและติงเซียงกำลังเลือกดอกไม้
“เถ้าแก่ ข้าซื้อดอกไม้เหล่านี้ ท่านช่วยส่งไปให้ข้าที่บ้านลู่ตรอกห้าได้หรือไม่?”
“ได้เลยขอรับ คุณหนู ท่านวางใจเถอะ ข้าจะให้คนงานนำไปส่ง”
ลู่จื่ออวิ๋นและติงเซียงจึงเดินจากไป
เถ้าแก่มองตามหลังนางแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เมืองซานหลินเรามีสาวงามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เถ้าแก่ ท่านเพิ่งกลับมาจากไปเก็บเงิน ย่อมไม่รู้ว่าหมู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น” คนงานของเขาเอ่ย “เมื่อสามวันก่อน มีฮูหยินผู้หนึ่งพาขวนบ่าวรับใช้หลายสิบคนมายังเมืองซานหลิน ดูจากท่าทีของฮูหยินผู้นั้นแล้ว นางจะต้องมีพื้นเพไม่ธรรมดาเป็นแน่ คุณหนูผู้นั้นจะต้องเป็นบุตรสาวของฮูหยินนั่น ได้ยินว่าพวกนางมาจากเมืองหลวง ทั้งยังเป็นผู้สูงศักดิ์ที่ร่ำรวยเป็นอย่างยิ่ง”
“มิน่าเล่า ไม่เช่นนั้นหากเมืองซานหลินของเรามีสาวงามเพียงนี้ จะเพิ่งพบเห็นนางวันนี้เป็นครั้งแรกได้อย่างไร?”
“เถ้าแก่ แม่นางท่านนั้นแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมปักดิ้นทอง เพียงแค่ชุดนั้นก็หลายร้อยตำลึงเงินแล้ว รูปโฉมโนมพรรณโดดเด่น เป็นแม่นางจากสกุลผู้มั่งคั่ง ประหนึ่งเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ช่างสูงส่งไม่อาจเอื้อมถึง!”
ลู่จื่ออวิ๋นและติงเซียงเพียงแค่เดินไปตามถนน ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูรูปโฉมงดงามแพร่ไปทั่วทั้งเมืองซานหลิน
การขนส่งทางเรือไม่ทันได้พัฒนา ผู้ที่สร้างชื่อให้ตนเองเป็นคนแรกคือลู่จื่ออวิ๋น หลังจากได้ยินเรื่องนี้ มู่ซืออวี่จึงขอให้เซี่ยคุนจัดผู้ติดตามคอยคุ้มกันนางเพิ่มสองสามคน ยามออกไปข้างนอกให้นางสวมหมวกม่านเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวน
คนงานนำดอกไม้มาส่งให้
ลู่จื่ออวิ๋นให้บ่าวรับช่วยกันขนย้ายดอกไม้ไปที่สวน
“พี่หญิง…พี่หญิง…” ลู่จื่อชิงเข้าไปกอดต้นขาลู่จื่ออวิ๋น “ออกไปเล่นกันเถอะ”
ลู่จื่ออวิ๋นอุ้มลู่จื่อชิงขึ้นมา “เจ้าอยากไปที่ใด?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ชายหาด”
“ตอนนี้ยังเช้า หากคุณหนูรองอยากไปชายหาด พวกเราก็พานางไปดูได้นะเจ้าคะ” ติงเซียงเอ่ย “โรงต่อเรือของฮูหยินอยู่ใกล้ ๆ ชายหาดพอดี”
“กล่าวไม่ผิด ช่วงนี้พวกเราล้วนยุ่งอยู่กับการตกแต่งบ้านใหม่ ไม่เคยชมทิวทัศน์ทะเลของที่นี่เลย ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่เคยเห็น เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับข้าจริง ๆ นึกแล้วข้าก็อยากไปดื่มด่ำกับมันเสียหน่อย”
ณ ชายทะเล คลื่นกระทบชายหาด เสียงคลื่นนั้นราวกับเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุดในโลก ร้อยเรียงเป็นบทเพลงที่ไพเราะออกมา
เด็ก ๆ หลายคนกำลังเก็บหอย กุ้ง ปู อยู่ สิ่งละอันพันละน้อยจากทะเลอยู่บนชายหาด
ลู่จื่อชิงเหยียดยืดขาสั้นป้อมของนาง หมายจะไล่ตามพี่ชายพี่สาวหลายคนนั้น
เพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนไหว เสื้อผ้าของลู่จื่อชิงนั้นลู่จื่ออวิ๋นล้วนลงมือทำเอง แขนเสื้อมีขนาดเล็ก ขากางเกงก็แคบลง เพื่อที่นางจะได้ไม่สะดุดล้มเอาง่าย ๆ
หน้าตานางน่ารัก ดวงตาคู่นั้นกลมโตแวววาวราวลูกองุ่น นางมัดผมเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ สองข้าง ราวกับเทพธิดาตัวน้อยในภาพวาด
เมื่อตามเด็กเหล่านั้นไม่ทัน ลู่จื่อชิงก็เบะปาก เริ่มหมดสนุกขึ้นมาแล้ว
ลู่จื่ออวิ๋นอุ้มลู่จื่อชิงขึ้นมาแล้ววิ่งไปตามชายหาด
ความเศร้าของลู่จื่อชิงกลายเป็นความสนุกทันที เสียงหัวเราะของนางดังก้องไปพร้อมกับเสียงคลื่น
“เหตุใดข้าจึงได้ยินเสียงของเสี่ยวชิงเอ๋อร์” มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมากล่าว
เฟิงเจิงมองออกไปทางหน้าต่าง ชี้ไปยังชายหาดที่อยู่ไม่ไกลพร้อมกับเอ่ยว่า “อาจารย์ ท่านได้ยินไม่ผิด เสี่ยวชิงเอ๋อร์กำลังเล่นอยู่ที่นั่นจริง ๆ”
“การรับสมัครคนเรือเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ซืออวี่หันไปมอง เมื่อเห็นผู้คุ้มหลายคนตามหลังมา นางก็โล่งใจ พูดคุยเรื่องกิจการของพวกเขาต่อไป
“ที่นี่มีทรัพยากรมากมาย สิ่งที่ไม่ขาดคือคนเรือและชาวประมง ชาวประมงที่นี่รับมือกับท้องทะเลมานาน สิ่งที่รู้มีไม่น้อย ข้าประกาศออกไปแล้ว คิดว่าไม่นานคงมีคนมา”
ระหว่างที่ลู่จื่ออวิ๋นพาลู่จื่อชิงเล่น ติงเซียงก็เก็บหอยมาจำนวนหนึ่งเช่นกัน
สตรีสองสามคนกำลังคลี่อวน
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นปรากฏตัวขึ้น พวกนางก็รู้สึกเกร็งเล็กน้อย
“ปูของพวกเจ้าใหญ่จริง ๆ ข้าซื้อกลับไปหน่อยได้หรือไม่?”
ดรุณีน้อยเหล่านั้นพยักหน้าซ้ำ ๆ “ได้สิ”
“ขายอย่างไรหรือ?” ติงเซียงก้าวเข้าไปหา
“ตัวละสิบอีแปะ”
ลู่จื่ออวิ๋นมองดูแล้วเอ่ยกับติงเซียง “ซื้อกลับไปทั้งหมดเถอะ! พวกเรากินไม่หมดก็ยังมีพวกท่านน้าเฟิงเจิง”
“ขอบคุณคุณหนู!” ดรุณีน้อยผู้นั้นเอ่ย “ที่บ้านข้ายังมีอาหารทะเลอีกมาก หากคุณหนูอยากลองทานอาหารสด ๆ ใหม่ ๆ ก็สามารถมาซื้อที่บ้านเราได้ทุกเมื่อ”
ติงเซียงเรียกผู้คุ้มกันมา ผู้คุ้มกันรับเอาปูเหล่านั้นไป
เหล่าสตรีชาวประมงมองดูคุณหนูในชุดหรูหรา แต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉา
“เฉินซิ่ว เหตุใดเจ้าซื่อเช่นนี้? คุณหนูผู้นั้นมองแวบเดียวก็ดูออกว่าเป็นเจ้าคนนายคน มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เจ้าควรเพิ่มราคาขึ้นสูง ๆ ภายหน้าคิดจะขึ้นราคาก็คงไม่เหมาะแล้ว”
“พวกเราควรรับเพียงใดก็ควรรับเพียงนั้น จะหลอกลวงคนได้อย่างไร? คุณหนูผู้นั้นมองแวบแรกก็รู้ว่านางจิตใจดี จะรังแกคนดีได้อย่างไร?”
“นางหน้าตาสะสวยก็ดูใจดีแล้วอย่างนั้นหรือ? คนจากสกุลผู้มั่งคั่งเหล่านั้นเคยปฏิบัติต่อเราอย่างมนุษย์เมื่อไหร่กัน? เจ้าลืมแล้วหรือว่าคุณหนูสกุลคหบดีจางเคยสาดน้ำร้อนใส่เจ้า?”
“นั่นไม่เหมือนกัน” เฉินซิ่วเก็บข้าวของ “ข้ากลับแล้ว”
มู่ซืออวี่เห็นว่าฟ้าใกล้มืด จึงเอ่ยถามคนของนางว่าเห็นสาวน้อยสองคนนั้นหรือไม่ ไม่นานนางก็เห็นลู่จื่ออวิ๋นจูงลู่จื่อชิงเจ้าแมวน้อยมาด้วย
“ได้ของมามากมายเพียงนี้เชียวหรือ!”
“ข้าซื้อมาจากหญิงสาวชาวประมงคนหนึ่ง” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ข้าเห็นว่าปูพวกนี้ล้วนตัวโต จึงอยากซื้อกลับมาลองชิมดู”
“คืนนี้แม่จะทำปูให้พวกเจ้ากิน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไปเถอะ กลับบ้านพวกเรา”
วันต่อมา มีชาวประมงมากมายนับไม่ถ้วนมาที่โรงต่อเรือเพื่อสมัครงาน ลู่จื่ออวิ๋นช่วยรวบรวมข้อมูลคนเหล่านั้น หลังจากยุ่งวุ่นวายมาครึ่งเดือน ท้ายที่สุดก็เลือกผู้สมัครที่เหมาะสมได้แล้ว
เพียงแต่คนเหล่านี้เพียงแค่เหมาะสม ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติมากพอหรือไม่ ระยะเวลาทดลองงานสองเดือนข้างหน้า พวกเขาอาจถูกคัดออกได้ทุกเมื่อ
ลู่จื่ออวิ๋นเคยเห็นมู่ซืออวี่ทำเครื่องเรือน เคยเห็นนางออกแบบลานหรรษาแห่งนั้น ทั้งยังเคยเห็นภาพขณะที่นางสร้างเรือนพักผ่อนบนภูเขาด้วย ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นการต่อสู้ครั้งใหญ่อย่างการเดินเรือ คุณหนูใหญ่ลู่จึงได้เรียนรู้มากมายหลายอย่าง
ในเวลาต่อมา ลู่จื่ออวิ๋นและมู่ซืออวี่ก็ตัวติดกันแทบไม่ห่าง นางไม่มีความสนใจในการทำเครื่องเรือน ทว่านางสนใจในการเดินเรือ
“ฮูหยิน นี่จดหมายของท่าน” เซี่ยคุนเดินเข้ามาพร้อมกับจดหมาย “นายท่านเขียนมา”
มู่ซืออวี่วางพู่กันในมือลง เช็ดฝ่ามือให้สะอาด ก่อนจะค่อย ๆ หยิบจดหมายขึ้นมา
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว นางก็เอ่ยว่า “ในที่สุดเขาก็ถึงอาณาจักรเหลียงแล้ว”
“ไกลเหลือเกิน!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ท่านพ่อจะได้กลับมา”
“ไปเป็นราชทูตที่อาณาจักรอื่น ย่อมไม่อาจกลับมาได้เร็วตามต้องการ ท่านพ่อเจ้ายังมีภารกิจที่ต้องทำ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “พี่ใหญ่เซี่ย ระยะนี้มีข่าวของฉาวอวี่หรือไม่?”
“ทางฉาวอวี่ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าอย่างไรท้ายที่สุดเขาก็อยู่ในอาณาเขตของเรา เขาไม่ใช่คนที่ได้รับความยากลำบากแล้วจะปล่อยให้ตนต้องเสียเปรียบ” เซี่ยคุนเอ่ย “อย่างไรก็ตาม ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ทางเมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อยทีเดียว”
“อย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “น้องสามีไม่เป็นไรกระมัง?”