สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 671 ของขวัญกล่องใหญ่
บทที่ 671 ของขวัญกล่องใหญ่
บทที่ 671 ของขวัญกล่องใหญ่
เจียงหว่านเฉินนิ่งเงียบ
ขณะที่ลู่จื่ออวิ๋นคิดว่าเขาคงไม่ตอบแล้ว เขาก็พยักหน้ายอมรับจนได้
“สกุลหยางสูญเสียอำนาจนานแล้ว เซวียนหวางเฟยผู้นี้ยังกล้าหยิ่งผยองไม่หยุด ดูแล้วคงเป็นคนโง่ผู้หนึ่งกระมัง” มู่ซืออวี่เอ่ย
เมื่อเจียงหว่านเฉินกำลังจะกลับ ลู่จื่ออวิ๋นจึงอาสาไปส่งเขาด้วยตนเอง
หากไม่ใช่เพราะเจียงหว่านเฉิน นางคงไม่ได้กลับมาอย่างปลอดภัยเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านเฉินก็ช่วยนางเอาไว้ นางจดจำบุญคุณในครั้งนี้ไว้แล้ว
“พี่ใหญ่เจียง ภายหน้าหากท่านมีอะไรให้ข้าช่วย ท่านเพียงแค่เอ่ยปากมา ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุด”
“หากมีความยุ่งยากอะไร ข้าจะไม่เกรงใจอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้หวังให้เจ้าตอบแทนเพราะข้าช่วยเจ้า แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้สึกว่าเราเป็นสหาย มีอะไรยากลำบากก็ช่วยเหลือพึ่งพากัน ที่เจ้าพูดตอนแรกเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าให้อะไรเจ้า เจ้าก็คืนกลับมาให้ข้า แต่ข้าอยากให้เราเป็นสหาย มีปัญหาอะไรก็ช่วยเหลือพึ่งพากัน”
“แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่การแลกเปลี่ยน หากแต่เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างเพื่อน”
“ข้าจำไว้แล้ว ทั้งยังจริงจังยิ่ง”
เมืองหลวง จวนเซวียนอ๋อง
ทันทีที่เซวียนอ๋องกลับมาจากข้างนอก พ่อบ้านก็เข้ามารายงาน “วันนี้มีคนส่งกล่องของขวัญกล่องใหญ่มา อีกทั้งยังระบุชัดเจนว่าส่งถึงท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่ทันได้เปิดดู รอท่านอ๋องกลับมาจึงจะกล้าเปิด”
“เจ้าเป็นพ่อบ้าน ขอเพียงส่งมาถึงจวนอ๋อง ก็แค่เปิดแล้วเก็บของเอาไว้ในคลังทรัพย์สินเท่านั้น” เซวียนอ๋องไม่เห็นด้วย
ทว่ากล่องนี้ทั้งหนักทั้งใหญ่ อีกทั้งยังบรรจุน้ำแข็งเอาไว้ข้างใน ข้าน้อยคิดว่าของในกล่องคงเป็นของหายาก ไม่เช่นนั้นคงไม่เก็บรักษาไว้ดีเพียงนี้”
“โอ้?” เซวียนอ๋องรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว “ตอนนี้มันอยู่ที่ใด?”
“สวนด้านหลังขอรับ”
เซวียนอ๋องเดินมาถึงสวนด้านหลัง
หยางอีเหรินและบ่าวรับใช้ของนางกำลังรุมล้อมกล่องขนาดใหญ่ใบหนึ่ง พากันมองดูแล้วมองดูอีก
นางแตะกล่องนั้นดู เห็นเพียงเกล็ดน้ำแข็งติดนิ้วมือมาเท่านั้น
“ข้างในนี้มีของอะไรกันแน่? เหตุใดถึงได้ลึกลับนัก”
“ของที่ใหญ่ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังปิดผนึกอย่างดีพร้อมกับน้ำแข็งจะต้องไม่ใช่ของขวัญธรรมดาอย่างแน่นอน”
“เปิดออกดู!”
“แต่ว่า นี่เป็นของที่ระบุชื่อท่านอ๋องนะเจ้าคะ”
ขณะที่เซวียนอ๋องกำลังเดินมาก็ได้ยินคำนี้เข้าพอดี สายตาของเขาฉายแววรังเกียจ
“ท่านอ๋อง…” สาวใช้ของหยางอีเหรินเห็นเซวียนอ๋อง จึงรีบกล่าวทักทายเสียงดัง
เท่านั้นเอง หยางอีเหรินจึงสังเกตเห็นว่าเซวียนอ๋องกลับมาแล้ว นางสาวเท้าเข้าไปหาเขา “ท่านอ๋อง ท่านกลับมาพอดี วันนี้มีคนส่งกล่องใหญ่เพียงนี้มาให้ท่าน ข้าคิดว่าจะต้องเป็นของดีอะไรแน่จึงรอท่านมาเปิดดู”
เซวียนอ๋องเหลือบมองกล่องที่สูงกว่าเขาแล้วเอ่ยว่า “เปิดมัน!”
ผู้คุ้มกันชักดาบออกมาจากข้างเอว สอดเข้าไปตรงกลางผนึกของกล่อง ก่อนจะงัดให้มันเปิดออก
เกิดเสียงดังปังขึ้น ฝาของกล่องปลิวออกไป เผยให้ทุกคนเห็นของที่อยู่ข้างในเต็มสองตา
“กรี๊ด…” หยางอีเหรินกรีดร้องดังลั่น
เซวียนอ๋องสีหน้าไม่น่าดูชมขึ้นมา เขาเบือนหน้าหนีทันที
“เด็ก ๆ!”
พ่อบ้านยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงเซวียนอ๋องดังขึ้นถึงได้ตอบสนอง
“ท่านอ๋องโปรดอภัย ข้าน้อยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น”
แท้จริงแล้วเมื่อเขาเห็นของข้างในกล่องนั่น สันหลังเขาก็เย็นวาบขึ้นมาแล้ว
กล่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ข้างในกลับไม่ใช่ของขวัญล้ำค่าอะไร หากแต่เป็นศีรษะคน! ศีรษะแล้วศีรษะเล่า!
ศีรษะเหล่านั้นถูกแช่แข็งเอาไว้ อีกทั้งยังได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดี เห็นได้ราง ๆ ว่าพวกเขามีสภาพเช่นไรก่อนตาย
ดูจากก้อนน้ำแข็งจำนวนมากในกล่องแล้ว คงเป็นเพราะพวกมัน ศีรษะเหล่านี้จึงไม่ส่งกลิ่นเน่าเหม็นหรือกลิ่นคาวเลือดออกมา
“ตรวจสอบว่าเป็นผู้ใดที่กล้าข่มขู่ข้า?!”
หยางอีเหรินบีบแขนของเซวียนอ๋องแน่น
เขารู้สึกเจ็บขึ้นมาจึงหันไปมองนางด้วยความไม่พอใจ “หวางเฟย เจ้ากำลังทำให้ข้าเจ็บ”
หยางอีเหรินปล่อยแขนเซวียนอ๋องแล้วเอ่ยตะกุกตะกัก “หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย หม่อมฉันขอตัว”
“ช้าก่อน…” เซวียนอ๋องมองหยางอีเหรินด้วยสายตาจับพิรุธ “หวางเฟย เจ้ากลัวมากหรือ?”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันขี้ขลาด…” หยางอีเหรินฝืนยิ้มออกมา “เห็นภาพเช่นนี้ จะไม่รู้สึกกลัวได้อย่างไร?”
หากไม่ใช่เพราะเห็นหยางอีเหรินฆ่าสาวใช้ที่เขาชายตามองสองสามครั้งไปผู้หนึ่ง บางทีเขาอาจจะเชื่อคำโกหกของนาง
แม้สตรีทั้งโลกจะกลัว นางก็ไม่มีทางเป็นหนึ่งในนั้น ภายนอกนางสวมใส่หนังสตรี ทว่าภายในกลับเป็นกระดูกเดินได้ผู้หนึ่ง ทั้งสกปรกทั้งอัปลักษณ์
“หวางเฟย เจ้ารู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”
“หม่อมฉันไม่ทราบ”
“เจ้าไม่ทราบจริงหรือ?”
“แน่นอนเพคะ”
“หากข้าพบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหวางเฟยทีหลัง หวางเฟย เจ้าก็รู้นิสัยข้าดี ถึงตอนนั้นข้าย่อมไม่เกรงใจแล้วเป็นแน่”
สีหน้าของหยางอีเหรินไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องอย่าได้ข่มขู่ข้า ข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ”
“เป็นเช่นนั้นจะดีที่สุด”
หลังจากหยางอีเหรินไปแล้ว เซวียนอ๋องจึงเอ่ยกับผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ “ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ของที่ใหญ่โตเพียงนี้ ขอเพียงแค่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ จะตรวจสอบว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังนั้นง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ”
“ขอรับ”
จู่ ๆ ของที่น่ารังเกียจเช่นนี้มาปรากฏในจวนเซวียนอ๋อง เซวียนอ๋องจึงสั่งให้คนจัดการเก็บกวาดทันที
มีศีรษะมากมายนับไม่ถ้วน ขณะที่ผู้คุ้มกันกำลังขนย้ายกล่อง กล่องพลันแตกออก ศีรษะหลายศีรษะจึงกลิ้งออกมา สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนหลบหนีกันแตกกระเจิง
ภายในไม่กี่ชั่วยาม ชื่อเสียงเรื่องความโหดร้ายของเซวียนอ๋องจึงเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว พวกเขามักจะรู้สึกว่าคนผู้นี้เต็มไปด้วยพลังหยิน ผู้คนจึงไม่กล้าเข้าใกล้
ภายในห้องตำรา เซวียนอ๋องจ้องหน้าผู้ติดตามหลายคนของเขาแล้วเอ่ยว่า “การตรวจสอบคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“กล่องถูกส่งมาจากเมืองซานหลินขอรับ”
“เมืองซานหลิน?”
“ขอรับ เป็นสกุลลู่ส่งมา”
เซวียนอ๋องขมวดคิ้วมุ่น “เหตุใดต้องส่งของเหล่านี้มาเล่า? หรือพวกเขารู้ว่าข้าลงมือกับลู่อี้? แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น การส่งศีรษะพวกนี้มาข่มขู่ให้กลัว จะไร้เดียงสาเกินไปหน่อยหรือไม่?”
“ศีรษะเหล่านี้มาจากที่ใด?” ที่ปรึกษาพุ่งเข้าประเด็นทันที “สกุลลู่ไม่ได้โหดเหี้ยม แน่นอนว่าลู่อี้นั้นแตกต่าง แต่ตอนนี้ลู่อี้ไม่อยู่ ฮูหยินลู่ก็ไม่เหมือนผู้ที่ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา เหตุใดศีรษะเหล่านี้จึงปรากฏขึ้นมา?แล้วเพราะเหตุใดต้องส่งมาที่จวนเซวียนอ๋อง? ข้าน้อยรู้สึกว่าขอเพียงแค่ทราบเหตุผลก็จะเข้าใจความหมายของฮูหยินลู่”
“ไม่นานมานี้ โจรกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในทะเล โจรกลุ่มนั้นเข่นฆ่าคนไปมากมาย” ผู้ติดตามเอ่ย “ข้าน้อยได้ยินมาว่า คุณหนูลู่เกือบจะถูกโจรที่ว่าลักพาตัวไป แต่เป็นแม่ทัพเจียงที่มาช่วยนางเอาไว้ก่อน”
“ว่าอย่างไรนะ?” เซวียนอ๋องขมวดคิ้ว “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกลักพาตัวอย่างนั้นหรือ?”
“นางเกือบถูกลักพาตัวแล้วขอรับ แต่แม่ทัพเจียงช่วยเอาไว้ได้ทัน” ผู้ติดตามกล่าวซ้ำอีกรอบ
“จากนั้นเล่า? ศีรษะเหล่านี้กับโจรพวกนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นหรือ? หรือว่าศีรษะเหล่านี้คือศีรษะของโจรที่ว่า?”
“ขอรับ”
“เหตุใดสกุลลู่จึงส่งมาที่จวนเซวียนอ๋องของพวกเรา? หรือว่าพวกเขาคิดว่าข้าใช้โจรพวกนี้ทำร้ายพวกเขา?” เซวียนอ๋องขมวดคิ้ว “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรใช่หรือไม่?”
“ไม่ขอรับ แม่ทัพเจียงไปช่วยได้ทันการพอดี”
ได้ยินเช่นนั้น ด้านหนึ่งเซวียนอ๋องก็รู้สึกโล่งใจ อีกด้านหนึ่งกลับเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
เขาได้ยินนานแล้วว่าทั้งสกุลเจียงและสกุลโม่ต่างก็อยากสู่ขอสกุลลู่ เพียงแต่พวกเขาถูกสกุลลู่ยับยั้งเอาไว้ก่อน บัดนี้เจียงหว่านเฉินมาช่วยลู่จื่ออวิ๋นไว้อีกครั้ง คงไม่เกิดละครตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตอะไรกระมัง?