สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 677 ต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์
บทที่ 677 ต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์
บทที่ 677 ต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์
เมื่อมู่ซืออวี่รีบร้อนรุดมา บนพื้นก็เหลือเพียงศพแล้ว
นางมองหาลู่จื่ออวิ๋นท่ามกลางกลุ่มคน เมื่อเห็นลูกสาวถูกเจียงหว่านเฉินปกป้องเอาไว้ก็ร้องเรียก “จื่ออวิ๋น!”
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินเสียงของมู่ซืออวี่จึงเดินออกมาจากด้านหลังเจียงหว่านเฉินและเข้าไปหามารดา
“ท่านแม่”
“ข้าได้ยินคนบอกว่าเจ้าถูกคนจับเป็นตัวประกัน ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
“ไม่เจ้าค่ะ ท่านพ่ออยู่ที่นี่จะปล่อยให้ผู้อื่นรังแกข้าได้อย่างไร?” ลู่จื่ออวิ๋นเหลือบมองลู่อี้ที่กำลังสั่งให้คนของเขาเก็บกวาดพื้นที่
“ฮูหยินวางใจ จื่ออวิ๋นไม่เป็นไร” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “เพียงแต่ที่นี่ค่อนข้างวุ่นวาย ฮูหยินกลับไปพร้อมกับจื่ออวิ๋นก่อนเถิด”
มู่ซืออวี่เหลือบมองทางลู่อี้ จากนั้นจึงหันกลับมาเอ่ยกับเจียงหว่านเฉิน “ได้ เช่นนั้นข้าพาอวิ๋นเอ๋อร์กลับก่อนแล้ว โจรเหล่านี้เข่นฆ่าคนไปมากมาย พวกเจ้าไม่อาจปล่อยมันไปง่าย ๆ”
“ขอรับ”
ในรถม้า มู่ซืออวี่เช็ดเลือดบนหลังมือของลู่จื่ออวิ๋นด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นจึงเช็ดคอให้นาง
“ท่านแม่ ข้ากลับไปอาบน้ำก็พอแล้ว”
“หากเป็นแม่นางคนอื่นเห็นคนตายมากเพียงนั้น เกรงว่าคงตกใจกลัวแทบแย่ แต่เจ้าทำราวกับไม่สะทกสะท้าน เจ้าตกไปอยู่ในมือโจรเหล่านั้นได้อย่างไร?”
“ข้าไปเที่ยวเล่นกับพี่หญิงน้องหญิง จู่ ๆ ก็มีโจรปรากฏตัวออกมา โจรเหล่านั้นฆ่าทุกคนที่มันพบเห็น ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โจรพวกนั้นถึงเข้ามาจับข้าทันที พวกมันใช้ข้าข่มขู่ท่านพ่อ ดูเหมือนพวกโจรจะรู้ตัวตนของข้าอยู่แล้ว”
“มีผู้ใดคิดไม่ซื่อกับเจ้าหรือไม่?”
“ตอนนั้นไม่มีผู้ใดที่รู้ตัวตนของข้า ทุกคนล้วนแต่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทว่าโจรพวกนั้นมองปราดเดียวก็เห็นข้า ไม่แม้กระทั่งลังเลใจแม้แต่น้อย”
“ดูเหมือนโจรพวกนั้นจะรู้จักคุณหนูอยู่ก่อนแล้ว” ซางจือเอ่ย “หากโจรเหล่านั้นไม่เคยพบคุณหนูมาก่อน พวกมันก็ต้องเคยเห็นภาพเหมือนของคุณหนูเป็นแน่ อีกทั้งยังสอบถามที่อยู่ของคุณหนูมาด้วย”
“บ่าวไม่เข้าใจว่าพวกมันรู้ได้อย่างไรว่านายท่านของพวกเราอยู่ที่เมืองซานหลิน? พวกมันคิดจะจับคุณหนูไปเพื่อข่มขู่นายท่านกระมัง?”
“ไม่ เรื่องที่นายท่านอยู่ที่นี่เป็นความลับ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ แม้กระทั่งเจียงหว่านเฉินก็เพิ่งรู้ ผู้ที่โจรเหล่านั้นต้องการใช้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ข่มขู่ไม่ใช่สามี แต่เป็นข้า โจรเหล่านั้นรุดมาถึงก็เผาทำลาย ฆ่าคน ฉุดคน พวกเขาคิดจะจัดการกับข้า!”
“หากนายท่านไม่อยู่ คนเหล่านั้นคงบรรลุจุดประสงค์ พวกมันคงจะฆ่าฟันไปถึงสกุลลู่ของเรา” ซางจือเอ่ย “ไม่เพียงแต่ทำลายทุกสิ่งที่นี่ พวกมันจะต้องโขมยเงินทั้งหมดไปและทำร้ายฮูหยินเป็นแน่”
มู่ซืออวี่พาลู่จื่ออวิ๋นกลับบ้านไปล้างเนื้อล้างตัว
เย็นวันนั้น ลู่อี้กลับมาแล้ว
มู่ซืออวี่ตรวจสอบว่าร่างกายเขาไม่มีบาดแผลแล้วจึงเอ่ยว่า “น้ำอุ่นพร้อมแล้ว รีบไปอาบน้ำเถิด”
“ได้”
ลู่อี้กลับมาที่ห้องอีกครั้ง มู่ซืออวี่เพิ่งส่งลู่ฉาวจิ่งให้แม่นม
“ท่านพ่อ…” ลู่ฉาวจิ่งมองลู่อี้ ดวงตาปรากฏน้ำตารื้นขึ้นมา
“เป็นอะไรไปหรือ?”
“เขาร้องว่าจะมาหาท่าน ข้าคิดว่าท่านเหนื่อยแล้ว ให้แม่นมกล่อมเขาหลับก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเล่นกับเขา”
“ไม่เป็นไร ข้ายังมีแรงเหลือเล่นกับลูกชาย” ลู่อี้รับลู่ฉาวจิ่งไปจากมือของแม่นม “อวิ๋นเอ๋อร์ตกใจหรือไม่?”
“นิสัยของลูกสาวท่าน ท่านยังไม่รู้อีกหรือ? หากนางตกใจง่ายดายเพียงนั้นคงไม่ใช่ลูกสาวของท่านแล้ว ชิงเอ๋อร์ได้ของเล่นใหม่มา ร่ำร้องจะเล่นกับพี่สาวให้ได้ พี่สาวน้องสาวคู่นั้นยังเล่นซนอยู่เลย”
“เช่นนั้นก็ดี” ลู่อี้วางลู่ฉาวจิ่งลงในกองของเล่น มองเขาเล่นตัวต่อไม้
“เรื่องวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ในห้องมีเพียงพวกเขาสามีภรรยาและลูกชายที่ยังไม่เข้าใจสิ่งใดทั้งสิ้นอีกหนึ่งคน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงคำพูดอะไรเพียงนั้น
“คนพวกนั้นเป็นโจร ทว่าไม่ใช่โจรธรรมดาทั่วไป พวกเขามีคนเลี้ยงเอาไว้”
“เลี้ยงโจร?”
“ไม่ผิด”
“สารภาพแล้วหรือยัง? ผู้ใดส่งพวกเขามา?”
“เรื่องน่าขันคือโจรเหล่านั้นถูกคนเลี้ยงมา ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าผู้ใดเลี้ยงตนเองไว้ หัวหน้าโจรกลุ่มนั้นถูกข้าฆ่าแล้ว ที่เหลือเป็นเพียงลิ่วล้อที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก ผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘หัวหน้าสาม’ เห็นเพียงชายผู้หนึ่งมาพบกับหัวหน้าใหญ่ทุกปีเพื่อส่งเงิน ทอง ทรัพย์สมบัติและอาวุธให้พวกเขามากมาย สำหรับให้พวกเขาฆ่าคนบางคน บางครั้งเป็นเจ้าถิ่น ขุนนาง หรือบัณฑิตที่มีชื่อ”
“ภารกิจครั้งนี้ของพวกเขาคือข้ากระมัง?”
สายตาของลู่อี้เผยจิตสังหารแวบหนึ่ง
มู่ซืออวี่รับรู้ได้ผ่านสายตาของสามีว่าตนคาดเดาได้ไม่ผิด
“ท่านต้องกลับไปเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เช่นนั้นท่านกลับไปเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าและลูก ๆ จะรอท่านอยู่ที่นี่!”
ลู่อี้เข้ามาใกล้ ๆ และดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด “ข้าอยากพาเจ้ากลับเมืองหลวง ทว่าทุกสิ่งที่นี่กำลังมาถูกทางแล้ว อีกทั้งสิ่งที่ข้ากำลังจะทำนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เจ้ากับลูก ๆ รอข้าอยู่ที่นี่ รอข้ามารับพวกเจ้าไปเถิด”
“ข้ารู้แล้ว ท่านโปรดวางใจ”
ลู่อี้จะวางใจได้อย่างไร?
หากเขาไม่อยู่ที่นี่ในคราวนี้แล้วเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ถูกจับตัวไป ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
“เมืองซานหลินเป็นเมืองสำคัญ กองกำลังทหารของที่นี่ย่ำแย่นัก ข้าจะปรึกษากับแม่ทัพเจียงสักหน่อย จัดระเบียบกองทัพของที่นี่ใหม่”
“ได้ หากพวกเจ้าต้องการสิ่งใด เพียงแค่ส่งข่าวไปยังเมืองหลวง ข้าจะให้พวกเขาให้ความร่วมมือกับพวกเจ้า”
ลู่อี้ไปแล้ว
ทันทีที่เขาจากไป มู่ซืออวี่ก็เชิญเจียงหว่านเฉินและโม่ชิงเหยียนมาหารือเรื่องการสร้างกำแพงเมืองใหม่และรับสมัครทหารให้มากขึ้น
โจรเข้ามาในเมืองซานหลิน ราษฎรไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ มีบางคนตายอยู่ในเงื้อมมือของพวกโจร ทั่วทั้งเมืองซานหลินปกคลุมไปด้วยบรรยากาศขมุกขมัวและเศร้าโศก
เจียงหว่านเฉินเพิ่งประกาศเรื่องรับสมัครทหารออกไป คนหนุ่มไม่น้อยที่สูญเสียผู้เป็นที่รักยินดีเข้าร่วมกองทัพเพื่อที่ตนจะได้แข็งแกร่งขึ้นและสามารถคุ้มครองครอบครัวที่พวกเขารักได้
เมืองซานหลินที่เดิมทีขาดความเจริญกำลังมั่งคั่งรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมู่ซืออวี่ ทว่าเพราะเหตุการณ์กลุ่มโจรในครั้งนี้ พวกเขาจึงได้เข้าใจว่าตอนนี้ตนไม่ได้ขาดแคลนเงิน หากแต่ขาดกำลังที่จะคุ้มครองครอบครัวของตนให้อยู่รอดปลอดภัย
“ความเศร้าโศกทำให้ผู้คนเดือดดาลคับแค้นใจ การรับสมัครทหารจึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
เมืองหลวง ณ จวนเซวียนอ๋อง
หยางอีเหรินปิดปากไอออกมา เลือดจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากนาง
“เพราะเหตุใด? เหตุใดอาการป่วยของข้านอกจากไม่ดีขึ้นกลับทรุดลงเรื่อย ๆ เช่นนี้?”
“หวางเฟย บ่าวจะไปนำยามาให้ท่านประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“ยา…” หยางอีเหรินจ้องมองสาวใช้ของนาง “เป็นเจ้า! เจ้าเป็นคนวางยาข้าใช่หรือไม่? เจ้าอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่? พวกเจ้าล้วนอยากให้ข้าตาย จากนั้นจะได้เข้ามาแทนที่ข้าใช่หรือไม่? เป็นจ้าวอวิ๋นซวงนังแพศยาผู้นั้นที่ให้เจ้ามา หรือเป็นลู่จื่ออวิ๋น นางปีศาจจิ้งจอกผู้นั้นที่ล่อลวงท่านอ๋อง?!…”
“หวางเฟยสภาพจิตใจดีเป็นอย่างยิ่ง” จ้าวอวิ๋นซวงเดินเข้ามาจากข้างนอก “ถึงตอนนี้ยังทำให้สาวใช้ผู้หนึ่งลำบากใจได้”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ข้ายังไม่ตาย ยังไม่ถึงคราวเจ้ามาหัวเราะเยาะข้ากระมัง”
“ข้าอยากมาเรียนหวางเฟยว่าโรคของท่านไม่มีวิธีรักษา ท่านหมอบอกว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านไม่จำเป็นต้องทานยาอีกแล้ว อย่างไรเสียทานไปก็ไร้ประโยชน์”
“เป็นไปไม่ได้!” หยางอีเหรินจ้องมองจ้าวอวิ๋นซวง “ข้าเป็นหวางเฟย หากข้าตายในจวนเซวียนอ๋อง ครอบครัวข้าไม่มีวันปล่อยเซวียนอ๋องไปแน่ เขาคิดว่าตำแหน่งนั้นจะทำให้ตนไร้รอยด่างพร้อยได้หรือไร!”