สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 684 ท่านน้าจะแต่งงาน
บทที่ 684 ท่านน้าจะแต่งงาน
บทที่ 684 ท่านน้าจะแต่งงาน
หลังจากพิธีขึ้นครองราชย์ ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว
ลู่ฉาวอวี่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สำนักตรวจการมีหน้าที่ ‘กำกับดูแลและฟ้องผู้มีความประพฤติไม่ชอบ’ มู่เจิ้งหานได้รับตำแหน่งที่ค่อนข้างสบาย เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าสำนักบัณฑิตหลวง ผู้ที่เป็นอิสระในทุกวัน ทั้งยังสุขสบายอุราอย่างยิ่ง
สำนักตรวจการ กรมอาญา และศาลต้าหลี่รู้จักกันในนามสามศาลสูง เมื่อเกิดคดีใหญ่ขึ้น จำต้องได้รับการไต่สวนจากทั้งสามศาล อันที่จริงเมื่อดูเช่นนี้แล้ว เส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของลู่ฉาวอวี่และลู่อี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกันทีเดียว
เพียงแต่ลู่ฉาวอวี่เป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะ ส่วนลู่อี้กลับต้องเดินทางอ้อมเพราะความลำบากที่ได้รับตั้งแต่เยาว์วัย เส้นทางการเลื่อนตำแหน่งของผู้เป็นบิดาจึงขรุขระกว่ามาก
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานได้เลื่อนตำแหน่งทั้งคู่ ตามหลักเหตุผลแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา พวกเขาควรย้ายออกไปอยู่ตามลำพัง ทว่าทั้งสองล้วนไม่มีความตั้งใจนี้
อย่างไรเสียสกุลลู่ก็เป็นที่กล่าวถึงอยู่แล้ว ถึงแม้พวกเขาย้ายออกไป ผู้อื่นก็คงต้องพูดถึงเสีย ๆ หาย ๆ อยู่ดี ไยต้องทำเพื่อผู้อื่นแล้วผิดต่อตนเองด้วยเล่า?
“พี่หญิง…” มู่เจิ้งหานเห็นมู่ซืออวี่นั่งอยู่ที่ศาลาและกำลังอ่านหนังสือ จึงเอ่ยว่า “ข้าอยากขอความช่วยเหลือจากท่านสักเรื่อง”
“เรื่องอะไรหรือ?”
“ข้าอยาก… ข้าอยากให้ท่านออกหน้า ช่วยพาข้าไปที่บ้านเจียงอีเมิ่งเพื่อสู่ขอนาง”
“เจ้ากับนางหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “เริ่มตั้งแต่เมื่อใดหรือนี่?”
มู่เจิ้งหานลูบศีรษะตนเบา ๆ เอ่ยกระท่อนกระแท่น “อันที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็ชอบนางแล้ว แต่ตอนนั้นข้าออกไปเป็นขุนนางท้องถิ่น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา ดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยอะไร”
“ตอนนี้กล้าแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น
“ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว อีกทั้งหากไม่มีอะไรผิดพลาดคงรั้งอยู่ที่เมืองหลวงตลอด เช่นนี้ก็ไม่ต้องแยกจากนางอีก”
“อีเมิ่งคิดเห็นอย่างไรหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ข้าเตรียมคนไปทาบทามสู่ขอให้ได้ แต่พวกเราต้องเข้าใจความคิดของอีเมิ่งเสียก่อน เจ้าอย่าได้คิดไปเองฝ่ายเดียว เช่นนี้จะสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายได้ง่าย ๆ”
“นางก็ชอบข้าเช่นกัน”
“จริงหรือ?”
“พี่หญิง ข้าไม่ได้บุ่มบ่ามถึงเพียงนั้น”
“เช่นนั้นก็เอาเถอะ! พรุ่งนี้ข้าจะพาแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอนาง เจ้าตามไปกับข้า”
“เช่นนั้นข้าต้องเตรียมตัวอะไรหรือไม่?”
“ตอนนี้ไม่รีบร้อน พรุ่งนี้เพียงแค่ไปทาบทามสู่ขอ หากอีกฝ่ายตอบตกลงก็สามารถพูดคุยกันได้ ถึงตอนนั้นค่อยตระเตรียมสินสอด อย่างไรเสียก็ไม่ต้องเร่งรีบ”
บัดนี้เจียงอีเมิ่งเป็นมือขวาของมู่ซืออวี่ นางรับผิดชอบเรือนพักร้อนบนภูเขาแทบทั้งหมด หากนางได้ลงเอยกับมู่เจิ้งหานจริง ๆ มู่ซืออวี่ย่อมดีใจมาก อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง
วันต่อมา มู่ซืออวี่และน้องชายพาแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอที่บ้านสกุลเจียง
ก่อนหน้านี้สกุลเจียงขัดสนเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะมู่ซืออวี่ไม่มอบเงื่อนไขค่าตอบแทนที่ดีเช่นนั้นกับเจียงอีเมิ่ง พวกเขาคงไม่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่โตเช่นนี้ได้ นับประสาอะไรกับจะมีบ่าวรับใช้คอยดูแล
เมื่อมู่ซืออวี่มาถึงบ้าน พี่สะใภ้ของเจียงอีเมิ่งทั้งกังวลและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน
“ข้าเองจะไม่เยิ่นเย้อแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้ามาที่นี่เพื่อสู่ขอให้น้องชาย”
“สู่ขอ?” พี่สะใภ้ของเจียงอีเมิ่งประหลาดใจ “นี่… สู่ขอเจียงอีเมิ่งบ้านเราหรือ?”
“ใช่แล้ว!”
พี่สะใภ้เจียงมองมู่เจิ้งหาน
มู่เจิ้งหานเติบโตมาสูงใหญ่หล่อเหลา ความหล่อเหลาของเขาไม่เหมือนบัณฑิตทั่วไป ผิวของเขามีสีเข้ม เครื่องหน้าทั้งห้าคมคาย
“เจียงอีเมิ่งของเรายังไม่กลับมา ไม่สู้ข้าให้คนไปเรียกนางกลับมาดีหรือไม่?”
“อันที่จริงจุดประสงค์หลักในวันนี้คือการมาพบฮูหยิน ทางอีเมิ่งข้าย่อมถามนางเป็นแน่ ทว่าเราต้องการความเห็นจากฮูหยินเสียก่อน หากฮูหยินไม่ขัดข้องอะไร พวกเราจึงจะไปถามอีเมิ่ง”
“ข้าและท่านแม่ไม่ได้ขัดข้องอะไร” พี่สะใภ้เจียงเอ่ย “ฮูหยิน ข้าขอเอ่ยอย่างไม่กลัวท่านขบขัน ครอบครัวพวกเรานี้มีเจียงอีเมิ่งเป็นเสาหลัก ท่านแม่และข้าล้วนป่วยออด ๆ แอด ๆ ทำให้นางได้รับความลำบากไม่น้อย เห็นน้องสามีนับวันยิ่งอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้นางจะไม่ขาดแคลนเงิน ทว่าเพราะนางออกไปหาเงินอีกทั้งยังยุ่งอยู่ข้างนอกทุกวัน ผู้ที่มาสู่ขอนางหากไม่มีปัญหาก็เป็นม่าย ข้าและท่านแม่ถึงแม้จะไม่ได้กล่าวอะไรแต่พวกเราก็ร้อนใจยิ่ง แต่ไรมาก็นึกไม่ถึงว่าจะมีบุรุษที่ดีอย่างใต้เท้ามู่มาสู่ขอนาง”
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น อีเมิ่งเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง” มู่เจิ้งหานเอ่ย “คนเหล่านั้นสายตาคับแคบ ข้าไม่ใช่คนสายตาคับแคบพวกนั้น”
“ใช่ ใต้เท้ามู่กับพวกเขาไม่เหมือนกัน!”
พี่สะใภ้เจียงและฮูหยินผู้เฒ่าเจียงไม่ขัดข้องอะไรแล้ว
ถึงแม้นางจะไม่ได้พบฮูหยินผู้เฒ่าเจียง ทว่าพี่สะใภ้เจียงไปสอบถามอีกฝ่ายที่เรือนหลังด้วยตนเอง หลังจากได้รับความยินยอมจึงตอบตกลงเรื่องการแต่งงานนี้
แน่นอนว่าทางด้านเจียงอีเมิ่งต้องพยักหน้าเห็นด้วยจึงจะใช้ได้
มู่ซืออวี่กล่าวว่าวันถัดไปนางจะมาที่นี่อีกครั้ง ถึงตอนนั้นให้เจียงอีเมิ่งอยู่ที่บ้าน ทั้งสองครอบครัวจะได้หารือเรื่องแต่งงานกัน
อย่างไรก็ตาม มู่ซืออวี่ไม่ทันได้รอถึงวันต่อมา เพราะในวันเดียวกันนั้นเอง นางได้รับข่าวจากทางเมืองซานหลิน บอกว่ามีคนขโมยภาพแบบจำลองไป
ภาพแบบจำลองของเรือรบทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในตู้นิรภัย
ตู้นิรภัยนี้มู่ซืออวี่ออกแบบด้วยตนเอง ถึงแม้จะดีไม่เทียบเท่าตู้นิรภัยในยุคหลัง ๆ แต่ก็มีกลไกมากมายอยู่ในนั้น หากมีคนคิดจะใช้กำลังบังคับเปิดหรือใส่รหัสเปิดผิด กลไกในนั้นจะทำงานทันที
“ข้าต้องกลับเมืองซานหลินสักเที่ยว” มู่ซืออวี่บอกพ่อบ้าน “หากนายท่านกลับมาแล้ว เพียงแค่บอกเขาว่าข้าไปที่ใดก็พอ”
“ฮูหยิน รอบอกนายท่านก่อนเถิด ให้นายท่านจัดเตรียมกำลังคนไปช่วยท่าน! เมืองซานหลินเกิดเรื่อง ศัตรูมาเพราะท่านหรือมาเพราะนายท่านตอนนี้ยังไม่รู้แน่ ปลอดภัยไว้ก่อนไม่ผิดนะขอรับ”
“เช่นนั้นจัดเตรียมคนให้มากหน่อย” มู่ซืออวี่เอ่ย “ระยะนี้เขาออกไปแต่เช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ รอเขากลับมาไม่ง่ายเลย ข้าต้องรุดกลับไปดูสถานการณ์ที่เมืองซานหลินก่อน”
“ท่านแม่ ข้าจะไปกับท่าน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย
“ไม่ต้องหรอก ข้าไปเพียงคนเดียวก็พอแล้ว” มู่ซืออวี่สั่นศีรษะ “จริงสิ เรื่องของน้าชายเจ้ายังไม่เรียบร้อย ข้ามีเรื่องด่วนต้องจากไป บอกท่านพ่อของเจ้าให้เขาไปจัดการสักเที่ยว หากเขาไม่ว่าง เช่นนั้นก็ให้ท่านอารองของเจ้าหรืออาสะใภ้ไป ไม่ง่ายเลยที่น้าของเจ้าจะมีความคิดอยากสร้างครอบครัว ไม่อาจให้เรื่องของข้าทำให้เรื่องของเขาล่าช้า ไม่เช่นนั้นเจ้าเด็กคนนั้นจะว้าวุ่นใจเอาได้”
“ข้าทราบแล้ว ท่านแม่”
มู่ซืออวี่นำสาวใช้ทั้งสองออกไป และมียอดฝีมือมากกว่ายี่สิบคนติดตามไปด้วย คนทั้งขบวนออกเดินทางอย่างเอิกเกริก
ออกจากเมืองมาได้ไม่นานก็พบว่าข้างหน้ามีขบวนม้าขบวนหนึ่งหยุดพักอยู่ข้างทาง เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ จึงได้รู้ว่าหัวหน้าเป็นผู้ที่คุ้นเคยกันดี
“ใต้เท้าฉี”
“ฮูหยินลู่”
“ใต้เท้าฉี นี่คือ…”
“ข้ากำลังตามจับนักฆ่าผู้หนึ่ง” ฉีเซียวเอ่ย “ฮูหยินจะไปที่ใดหรือ?”
“กลับเมืองซานหลิน”
ฉีเซียวเอ่ย “ฮูหยินเปลี่ยนไปใช้อีกเส้นทางเถอะ! เลี้ยวข้างหน้า เดินทางไปเพียงวันเดียวก็ถึงท่าเรือแล้ว ที่นั่นมีเรือตรงไปยังเมืองซานหลิน”
นับตั้งแต่กิจการโรงต่อเรือของนางเกิดขึ้น การเดินทางทางทะเลของเมืองซานหลินก็พัฒนาเรื่อย ๆ บัดนี้มีเรือมากมายสัญจรไปมา แน่นอนว่าหากเรือจากอาณาจักรเหลียงคิดจะเข้ามา ย่อมถูกตรวจค้นและต้องมีหนังสือรับรองจากทางการออกให้จึงจะสามารถทำการค้าในเมืองซานหลินได้
“ดูเหมือนนักฆ่าผู้นี้คงน่ากลัวมากเป็นแน่” มู่ซืออวี่เอ่ย “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนตอนท่านทำงานแล้ว พวกเราไปเถอะ!”