สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 686 เรือล่มแล้ว
บทที่ 686 เรือล่มแล้ว
บทที่ 686 เรือล่มแล้ว
“ตอนนี้เขายังหลบซ่อนตัวได้คงไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น แต่เมื่อท่านลงจากเรือที่เมืองซานหลิน เขาจะต้องติดตามท่านไปเป็นแน่ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าคนของท่านจะถูกเขาเปลี่ยนตัว ท่านต้องหาวิธียืนยันตัวตนคนของท่าน จะปล่อยให้เขาหลบซ่อนไม่ได้ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”
“เรื่องนี้ง่ายดายนัก”
เรื่องนี้ง่ายดายจริง ๆ
มู่ซืออวี่ให้คนของนางแต่ละคนผูกด้ายแดงไว้ที่ข้อมือ เช่นนี้จะได้แยกคนของตนเองออกได้ในพริบตา
อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวที่ว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต
ในคืนนั้นเองมีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมาจากห้องของฉีเซียว
ฉีเซียวแปลงโฉมเป็นผู้เฒ่าเคราขาว อาศัยอยู่ในห้องเก็บของกับคนอื่น ๆ อีกสามคน อย่างไรเสียห้องโดยสารในเรือมีคนมากมายเพียงนี้ เถ้าแก่เรือย่อมไม่สนใจว่าคนยากจนสองสามคนอยู่ด้วยกันจะแออัดเพียงใด
ห้องเก็บของห่างไกลจากห้องโดยสารห้องอื่นพอสมควร เสียงยังดังมาไกลเพียงนี้ อีกทั้งยังปลุกมู่ซืออวี่ให้ตื่นขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นรุนแรงเพียงใด
เมื่อมู่ซืออวี่สวมเสื้อคลุมออกมาก็เห็นฉีเซียวและคนของเขาสามคนกำลังต่อสู้กับบุรุษชุดเทาผู้หนึ่ง ผู้อื่นไม่รู้ว่าควรเข้าไปช่วยหรือไม่ หากช่วย ควรช่วยผู้ใด?
“ไม่ต้องสู้แล้ว! หยุดสู้ได้แล้ว เรือรั่ว! น้ำเข้าแล้ว” เถ้าแก่เรือตะโกนขึ้น
มู่ซืออวี่เห็นน้ำกำลังไหลเข้ามา เรือรั่วอย่างที่เถ้าแก่เรือว่าดังคาด
“เรือรั่วแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเจ้าเข้าไปช่วยที!”
เหล่าลูกน้องของมู่ซืออวี่เข้าไปล้อมชายชุดเทาเอาไว้
ชายชุดเทามองมู่ซืออวี่ด้วยสายตาเหี้ยมโหด จู่ ๆ ก็ฉีกยิ้มออกมา
เมื่อฉีเซียวแกว่งกระบี่ ชายชุดเทาผู้นั้นก็พุ่งมาทางมู่ซืออวี่
ฉานอีและซางจือยืนขวางหน้าผู้เป็นนายเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ชายชุดเทาผู้นั้นมีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมยิ่ง เขากระโดดข้ามฉานอีและซางจือไปปรากฏตัวด้านหลังมู่ซืออวี่อย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าอย่าขยับ หากขยับ สตรีผู้นี้ตาย!”
ฉีเซียวหยุดมือทันทีแล้วเอ่ยขึ้น “ปล่อยนางไป!”
“ใต้เท้าฉี เพื่อจับข้าผู้นี้ เจ้าช่างพยายามมากเสียจริง ดูเจ้าแปลงโฉมสิ แม้กระทั่งข้ายังถูกหลอกแล้ว แต่หูข้าดียิ่งนัก คำพูดที่พวกเจ้าพูดคุยกัน ข้าล้วนได้ยินหมดแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าข้าจะลงมือที่เมืองซานหลิน เช่นนั้นข้าจะลงมือก่อน ไม่ให้พวกเจ้าได้ทันตั้งตัว”
“ปล่อยนาง แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” ฉีเซียวเอ่ย
“ได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนสตรีนางนี้จะสำคัญยิ่ง ใต้เท้าฉีเซียวแห่งหน่วยลับก็มีสตรีที่ห่วงใยเช่นกัน นี่ไม่เหมือนที่เขากล่าวกันนี่! ในเมื่อนางมีประโยชน์ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้ายิ่งไม่อาจคืนให้เจ้าแล้ว”
ชายชุดเทาดึงตัวมู่ซืออวี่ตามไปข้าง ๆ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“นับตั้งแต่นี้ไป เรือลำนี้เป็นของข้า พวกเจ้าต้องฟังข้า มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าสตรีนางนี้เสีย!”
“คุณชายท่านนี้ถูกเจ้าข่มขู่ได้ แต่เจ้าไม่อาจข่มขู่พวกเราได้” เถ้าแก่ลี่เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ฮูหยินผู้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า เรือลำนี้ยิ่งมิอาจมอบให้เจ้า”
“ที่นี่ยังมีคนไม่กลัวตายอีกคนหรือ” ชายชุดเทาเอ่ยจบก็ขว้างอาวุธลับไปยังเถ้าแก่ลี่
ฉีเซียวขวางอาวุธลับนั้นเอาไว้
เคร้ง! อาวุธลับนั้นปลิวออกไป
อาวุธลับที่ปลิวออกไปวกกลับมา แทงทะลุเรือทันที หลังจากนั้นน้ำจำนวนมหาศาลก็ทะลักเข้ามาจากด้านล่าง พื้นไม้ของเรือชุ่มโชกไปด้วยน้ำทันที
“ท่าไม่ดีแล้ว เรือกำลังจะจม!” เถ้าแก่เรือร้องขึ้น “เร็วเข้า… รีบซ่อมท้องเรือเร็วเข้า!”
ฉีเซียวยังคงจ้องมองชายชุดเทา เพราะกลัวว่าเขาจะทำร้ายมู่ซืออวี่โดยไม่ทันตั้งตัว อย่างไรก็ตามชายชุดเทาผู้นั้นยิ้มออกมาอย่างวิปริต จากนั้นก็เอ่ยถ้อยคำที่โหดเหี้ยมออกมา “ทุกคนในเรือนี้ต้องตาย แค่คิดข้าก็ตื่นเต้นแล้ว!”
สิ้นคำ เขาก็กอดมู่ซืออวี่แล้วกระโดดลงจากเรือ
ฉีเซียวกระโดดตามลงไปโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด
ชายชุดเทาผู้นั้นกล้ากระโดดลงไป อีกทั้งยังกล้าทำให้เรือล่ม เห็นได้ชัดว่าเขาว่ายน้ำเป็น
ฉีเซียวก็ว่ายน้ำเป็นเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่ามู่ซืออวี่ว่ายน้ำเป็นหรือไม่ หากมู่ซืออวี่ว่ายน้ำไม่เป็น ตอนนี้เท่ากับว่าอีกฝ่ายกำลังลากนางลงไปตาย
“ฮูหยิน!…” ฉานอีและซางจือตะโกนเรียกอยู่บนเรือ
“ทำอย่างไรดี!” ลู่อิงเอ่ยขึ้น “ฮูหยินลงน้ำไป พวกเจ้าผู้ใดว่ายน้ำเป็นบ้าง รีบลงไปช่วยคนเร็วเข้า!”
“ใต้เท้าฉีลงไปข้างล่างแล้ว พวกเรารีบซ่อมเรือเถอะ มิเช่นนั้นแม้จะช่วยฮูหยินขึ้นมาได้ หากไม่มีเรือ พวกเราก็จะตายอยู่ที่นี่!”
หลังจากมู่ซืออวี่ตกลงไปในน้ำ ชายชุดเทาผู้นั้นใช้กริชแทงนางหนึ่งที
นางว่ายน้ำเป็น ทว่าหลังจากนางถูกกริชแทงกะทันหัน ความเจ็บปวดทำให้นางไม่อาจว่ายน้ำได้อีกต่อไป มิหนำซ้ำยังอ่อนแรงยิ่งกว่าเดิม สติของนางค่อย ๆ เลือนรางลงเรื่อย ๆ เรี่ยวแรงของนางค่อย ๆ เหือดหายไป
“ฮูหยินลู่!…” ฉีเซียวตะโกนเรียก “ฮูหยินลู่!…”
เขาโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลงไปหานางอีกรอบ
ตอนนี้มืดแล้ว แสงจันทร์ไม่สว่างนัก มีเพียงแสงเทียนบนเรือเท่านั้นที่ส่องสว่างให้กับค่ำคืนอันมืดมิดนี้
“ใต้เท้า ท่านรีบขึ้นมาเถอะ!” ลูกน้องฉีเซียวร้องเรียกเขาจากบนเรือ
“ท่าไม่ดีแล้ว คนชั่วผู้นั้นกำลังเจาะท้องเรือเราจากข้างล่าง” เถ้าแก่เรือเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เรือพวกเราคงไม่รอดแล้ว”
ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ไม่อาจผ่านไปได้อย่างสงบสุขอีกค่ำคืนหนึ่ง
เมื่อมู่ซืออวี่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางพบว่าตนนอนอยู่บนเรือ บาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการรักษาแล้ว
“ฮูหยิน ท่านฟื้นแล้ว!” ฉานอีเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำขิง “ดียิ่งนัก ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที หากท่านไม่ฟื้นขึ้นมา บ่าวคงทำได้เพียงบังคับให้เถ้าแก่เรือหันหัวเรือไปหาเมืองที่ใกล้ที่สุดเพื่อรักษาแล้ว”
“ช่วยข้าขึ้นมาได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่ทุบหัวตนเอง พยายามบรรเทาความเจ็บให้น้อยลง
“ใต้เท้าฉีค้นหาอยู่นานทีเดียวเจ้าค่ะ สุดท้ายจึงพบท่าน หากช้ากว่านี้อีกเพียงนิด แม้แต่เทพเซียนก็ไม่อาจช่วยท่านได้แล้ว ท่านกินน้ำเข้าไปเป็นจำนวนมาก ยังดีที่สำลักออกมาแล้ว”
“แล้วผู้ร้ายฆ่าคนผู้นั้นเล่า?”
“หาไม่พบเจ้าค่ะ”
“ทะเลแถบนี้ใกล้กับเมืองเหมยฮวาใช่หรือไม่?”
“บ่าวจำได้ว่าค่อนข้างใกล้ทีเดียวเจ้าค่ะ”
“เขาหนีรอดไปได้แล้ว” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “หากคนที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาผู้นั้นกลับมา ไม่รู้ว่าจะมีคนมากน้อยเพียงใดตายเพราะน้ำมือเขา หากใกล้เทียบท่าเรือถัดไปแล้ว พวกเจ้าหาวิธีส่งข่าวไปยังเมืองหลวงให้พวกเขาช่วยตามหาผู้ร้ายฆ่าคนผู้นั้นที หากคนชั่วร้ายเช่นนี้ถูกจับและตัดสินโทษเร็วขึ้นก็จะมีคนถูกฆ่าอย่างบ้าคลั่งน้อยลง”
“ฮูหยิน ท่านรักษาตนเองให้หายดีก่อนเถิดเจ้าค่ะ!” ฉานอีส่งน้ำขิงให้ “ข้าขอขิงมาจากเถ้าแก่เรือมาต้มน้ำแกงขิงนี้ให้ท่าน เรือนี้ต้องการสิ่งใดล้วนไม่มี ทำได้เพียงแก้ขัดไปก่อนแล้ว”
“ใต้เท้าฉีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เขาแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดก็ช่วยท่านขึ้นมาได้ อีกทั้งเขายังช่วยซ่อมท้องเรือ ไม่ทันได้หยุดพักกระทั่งครึ่งชั่วยามก่อน บ่าวไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว อย่างไรเสียครั้งนี้ล้วนต้องขอบคุณเขา”
“ข้าจะไปดูเขาหน่อย” มู่ซืออวี่สวมรองเท้าแล้วลงจากเตียง
ฉีเซียวพักอยู่ในห้องของเขา ข้างนอกมีลูกน้องสามคนที่คอยเฝ้าอยู่
ถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้ปลอมตัวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาใส่ชุดเจ้าหน้าที่และสวมหมวกเจ้าหน้าที่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหน่วยลับ ในมือถืออาวุธไว้ แววตาของแต่ละคนเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ราวกับไม่ปรารถนาจะให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้
“ข้ามาดูว่าใต้เท้าฉีของพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่รู้ว่าท่านช่วยบอกใต้เท้าฉีให้หน่อยได้หรือไม่?”