สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 698 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเฟิ่งหลิน
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 698 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเฟิ่งหลิน
บทที่ 698 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเฟิ่งหลิน
บทที่ 698 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเฟิ่งหลิน
ระหว่างทานมื้อค่ำ สกุลลู่ส่งคนไปเชิญองค์หญิงอาณาจักรเหลียงอย่างซูฟางหวามาที่โต๊ะอาหาร ทันทีที่พวกเขานั่งลง พ่อบ้านก็เข้ามารายงานว่าทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลินมาถึงแล้ว และกล่าวว่าต้องการเข้าพักที่จวนลู่
มู่ซืออวี่เหลือบมองลู่อี้ด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
ลู่อี้โน้มตัวเข้าไปหาภรรยา “พระโอรสพระธิดาของอาณาจักรเฟิ่งหลินมีน้อยยิ่งนัก องค์หญิงผู้นี้เป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ ข้าไม่เคยพบนางมาก่อน นางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
“ทางที่ดีก็ขอให้นางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่านจริง ๆ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้อัครมหาเสนาบดีลู่ได้รู้ซึ้งถึงราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการไปกอดผู้อื่น” รอยยิ้มของมู่ซืออวี่สว่างไสว
ลู่อี้คว้ามือเล็ก ๆ ของนางไปกุม “พวกเราไปต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์กันเถอะ”
ทุกคนในสกุลลู่กำลังออกไปต้อนรับ ทว่าองค์หญิงอาณาจักรเฟิ่งหลินเข้าประตูหลักมาแล้ว พวกเขาพบกันที่ประตูรอง เซี่ยเฉิงจิ่นที่ตามมาข้างหลังนางดูผ่อนคลายเป็นพิเศษ
“ท่านอัครมหาเสนาบดีลู่ ฮูหยิน องค์หญิงผู้นี้รบกวนแล้ว” เสียงนุ่มละมุนละไมดังขึ้น
มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นแม่นางน้อยสูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตร หน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโตราวกับกวางคู่นั้นดูเฉลียวฉลาด
“องค์หญิงไม่ต้องเกรงใจ” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราเตรียมจะทานมื้อค่ำพอดี หากองค์หญิงไม่รังเกียจก็นั่งทานด้วยกันเถิดเพคะ!”
“เช่นนั้นต้องรบกวนแล้ว” สิ้นคำ องค์หญิงจากอาณาจักรเฟิ่งหลินก็หันไปมองลู่จื่ออวิ๋น จากนั้นก็เหลือบตามองเซี่ยเฉิงจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ นาง กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยสีหน้าสนใจใคร่รู้
เซี่ยเฉิงจิ่นส่งยิ้มให้ลู่จื่ออวิ๋น
มู่ซืออวี่สังเกตเห็นอากัปกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น จึงมองเขาอย่างจับพิรุธ
ดูเหมือนครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้มาเพราะสามีรูปงามจริง ๆ ทว่ามาเพราะบุตรสาวแก้วตาดวงใจของนาง ผู้ที่ต้องการอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่องค์หญิงหน้าตาน่ารักผู้นั้น หากแต่เป็นปีศาจที่มีจุดประสงค์ไม่ดีนั่นต่างหาก
“หม่อมฉันควรเรียกองค์หญิงว่าอย่างไรหรือเพคะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ฮูหยินเรียกข้าว่าจิ่นซิ่วก็พอแล้ว” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ย
“องค์หญิงจิ่นซิ่ว เชิญทางนี้เพคะ”
มู่ซืออวี่สั่งให้พ่อบ้านเตรียมห้องให้ราชทูตและองค์หญิงจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน
องค์หญิงเป็นสตรีจึงต้องนอนแยกกับราชทูตอย่างเซี่ยเฉิงจิ่นที่เป็นบุรุษ พ่อบ้านจึงเตรียมเรือนรับรองที่อยู่ตรงข้ามซูฟางหวาให้ซ่างกวนจิ่นซิ่ว ส่วนเซี่ยเฉิงจิ่นอาศัยอยู่เรือนฝั่งตรงข้ามกับราชทูตจากอาณาจักรเหลียง
ใบหน้าของเซี่ยเฉิงจิ่นไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดล้วนเย่อหยิ่งเป็นอย่างยิ่ง รูปโฉมของฉีเซียวเรียกได้ว่างามดุจปีศาจ บุรุษผู้หนึ่งถูกเรียกว่าปีศาจ เห็นได้ชัดว่าความงามระหว่างบุรุษกับสตรีล้วนแตกต่างกัน ใบหน้าของเซี่ยเฉิงจิ่นหล่อเหลา เครื่องหน้าคมคาย ทว่าดวงตากลับเย่อหยิ่งให้กลิ่นอายของความอันตราย
ซูฟางหวารู้สึกว่าดวงตาของนางถูกแสงประกายเจิดจ้าทำให้พร่ามัวแล้ว
ไม่ต้องเอ่ยถึงลู่อี้ที่อยู่ในช่วงวัยของบุรุษที่มีเสน่ห์ที่สุด เขาเป็นผู้ใหญ่ มั่นคง ทรงอำนาจ บางครั้งบุรุษที่ทั้งประสบความสำเร็จและมีอำนาจบารมีเช่นนี้มักทำให้แม่นางน้อยเหล่านั้นเกิดความลุ่มหลง จนอดที่จะฝันหวานไม่ได้
ส่วนลู่ฉาวอวี่ก็เป็นลู่อี้ในฉบับเด็กหนุ่ม รูปโฉมของเขายิ่งไม่ต้องเสียเวลาพรรณนา
ตอนนี้มีเซี่ยเฉิงจิ่นเพิ่มขึ้นมาอีกคน เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกว่าบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในโลกล้วนรวมตัวอยู่ในห้องนี้แล้ว
“องค์หญิงจิ่นซิ่วหิวมากกระมัง?” ซูฟางหวาเอ่ย “ดูท่านทานอย่างน่าเอร็ดอร่อยเพียงนั้น เห็นได้ว่าตลอดทางที่มาที่นี่คงยากลำบากไม่น้อย”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วกะพริบตาปริบ ๆ แล้วกลืนของที่อยู่ในปากลงไป
ถึงแม้นางจะเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ ไม่ใช่พระธิดาที่แท้จริง แต่ตอนอยู่ที่บ้านนางก็ได้รับการประคบประหงม ไม่เคยได้รับความขุ่นเคืองมาก่อน เหตุใดเมื่อฟังความนัยที่องค์หญิงอาณาจักรเหลียงผู้นี้ต้องการสื่อแล้ว นางกลับดูเหมือนขอทานที่ไม่มีจะกินเล่า?
นางคิดไปเองหรือ?
องค์หญิงอาณาจักรเหลียงผู้นี้ก็ต้องเข้าวังแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เช่นกัน หรืออีกฝ่ายรู้สึกว่าการมีอยู่ของนางเป็นอุปสรรคจึงจงใจสร้างความอับอายให้เช่นนี้?
“งานเลี้ยงในวันนี้ข้าจัดเตรียมไว้เพื่อองค์หญิงเป็นพิเศษ หากองค์หญิงชอบทานก็ทานให้มาก ๆ เช่นนี้ความพยายามของข้าจะได้ไม่สูญเปล่า” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านอายุไม่มากนัก รุ่นราวคราวเดียวกับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของเรา พวกท่านเด็กสาวอยู่ด้วยกันย่อมมีเรื่องให้พูดคุยมากกว่า หากมีเวลาก็ให้เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของเราพาท่านไปเดินเล่นเถิดเพคะ”
“ขอบคุณฮูหยิน นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงจิ่นซิ่วเดินทางรอนแรมมาไกล นางไม่เคยมาอาณาจักรของพวกท่านมาก่อน ย่อมอยากรู้อยากเห็นทุกสิ่งเกี่ยวกับที่นี่ นางเคยได้ยินเรื่องเรือนพักผ่อนบนภูเขาของฮูหยินลู่ จึงอยากเห็นทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนั้นด้วยตาตนเอง” เซี่ยเฉิงจิ่นมองลู่จื่ออวิ๋น “ไม่รู้ว่าเช่นนี้จะรบกวนคุณหนูลู่เกินไปหรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไม่รบกวน พรุ่งนี้ข้าจะไปจัดการเรื่องหนึ่งที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาพอดี องค์หญิง หากท่านไม่กลัวว่าจะยุ่งยากก็ไปด้วยกันเถอะเพคะ!”
“องค์หญิงฟางหวาสนใจหรือไม่เพคะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ข้าร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบออกไปข้างนอก ขออยู่พักผ่อนที่จวนลู่จะดีกว่า!” ซูฟางหวาหันไปมองลู่อี้ “ใต้เท้าลู่ นับตั้งแต่ที่องค์หญิงผู้นี้บาดเจ็บสาหัสเพื่อช่วยท่านวันนั้น ร่างกายข้าก็ไม่สู้ดี”
หลังจากกล่าวประโยคนี้ออกมา สีหน้าของนางทั้งเศร้าโศก ทั้งเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ องค์หญิงก็ควรพักอยู่ในวังหลวง ที่นั่นมีหมอหลวงไม่น้อย สามารถช่วยตรวจอาการให้ท่านได้ตลอดเวลา หากวันหนึ่งท่านป่วยขึ้นมา ท่านหมอหลวงจะได้ช่วยรักษา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
ซูฟางหวาพูดไม่ออก
หากนางรับปากเขา เช่นนั้นเป้าหมายของนางย่อมไม่สำเร็จ
หากนางไม่รับปาก สิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยก็มีเหตุผลยิ่ง นางมีเหตุผลอะไรที่จะใช้ปฏิเสธ?
เช่นนั้นก็เงียบปาก อะไรล้วนไม่ต้องเอ่ย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย!
บ่าวรับใช้ยกน้ำชามาให้ทุกคน
“กรี๊ด…” น้ำชาร้อน ๆ หกลงบนร่างกายของซูฟางหวา
“บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ”
แขนของซูฟางหวาถูกน้ำร้อนลวกจนแดงก่ำ นางตวาดออกไปตามสัญชาตญาณ “บ่าวสุนัข! เจ้ารนหาที่ตายหรือ!”
“องค์หญิง…” ราชทูตรีบห้ามปรามนางไว้ทันที
ที่นี่เป็นจวนอัครมหาเสนาบดี แม้จะเป็นบ่าวสุนัขก็เป็นบ่าวสุนัขของท่านอัครมหาเสนาบดี ยังไม่ถึงคราวที่องค์หญิงต่างแดนจะโอหังเช่นนี้ได้
ลู่อี้ปรายตามองซูฟางหวานิ่ง ๆ แวบหนึ่ง “องค์หญิงได้รับบาดเจ็บ ไปเชิญท่านหมอมาประเดี๋ยวนี้”
มู่ซืออวี่เอ่ยกับบ่าวรับใช้ผู้นั้น “เสียมารยาทกับแขกผู้สูงศักดิ์ ดูเหมือนเดือนนี้เจ้าคงไม่ต้องการเงินพิเศษแล้ว หักเงินพิเศษเดือนนี้ ลงโทษทำความสะอาดครัวเป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวยินดีถูกลงโทษ”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นรีบออกไป
“ฮูหยินลู่ วิธีการลงโทษของท่านเบาเกินไปแล้วกระมัง? หากเป็นอาณาจักรเหลียงของเรา…”
“องค์หญิง นี่ไม่ใช่อาณาจักรเหลียงของท่าน” ลู่อี้เอ่ย “นั่นเป็นบ่าวรับใช้จวนลู่ของข้า หากทำผิดพลาดจะถูกลงโทษ หากทำดีจะได้รับรางวัลตอบแทน นั่นเป็นกฎของจวนเรา ยิ่งไปกว่านั้น จริงอยู่ที่นางสะเพร่าทำร้ายองค์หญิง ทว่าชานั้นไม่ได้เป็นอันตรายต่อท่านมากนัก เพียงแค่ทำให้แขนแดง เดิมทีเพียงแค่ทายาทำแผล แขนของท่านก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
ซูฟางหวาโมโหเป็นอย่างยิ่ง ทว่าทำได้เพียงสูดหายใจเข้า เมื่อนางเห็นราชทูตส่งสัญญาณทางสายตามาให้ไม่หยุด
“บ่าว พาองค์หญิงไปห้องรับรองแขก หากท่านหมอมาก็ให้เขาไปที่ห้องรับรองแขกทันที”
“ใต้เท้าลู่ ข้าได้รับบาดเจ็บแล้ว ท่าน…”
“ดังนั้น ข้าจึงเชิญท่านหมอมาให้องค์หญิงแล้ว องค์หญิงยังต้องการสิ่งใดอีกหรือ?” ลู่อี้เอ่ยด้วยสีหน้าสงบ
หลังจากซูฟางหวาจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก ลู่อี้จึงหันไปเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “ฮูหยิน บ่าวรับใช้ผู้นั้นควรถูกลงโทษจริง ๆ ห้องครัวเป็นสถานที่สำคัญ ไม่ต้องให้นางไปอีก เรือนพักผ่อนบนภูเขาขาดผู้ดูแลไม่ใช่หรือ สามารถใช้ลงโทษนางได้”
มู่ซืออวี่ “…”
ราชทูตและองค์หญิงของอาณาจักรเฟิ่งหลินยังอยู่ตรงนี้ ลู่อี้กลับกระตือรือร้นที่จะมอบผลประโยชน์ให้บ่าวรับใช้ที่ ‘ทำผิด’ เขาควรลงโทษแต่กลับเลื่อนตำแหน่งให้อีกฝ่ายไปทำงานที่ดีกว่า ตอนนี้ขาดก็แต่เพียงเขียนประโยคหนึ่งไว้บนหน้า นั่นก็คือ ‘นางทำได้ตรงกับความต้องการของข้าพอดี ดังนั้นเลื่อนตำแหน่งให้นาง’ นี่คงไม่ค่อยดีกระมัง?
“ข้าคิดว่าสาวใช้ผู้นั้นค่อนข้างเฉลียวฉลาดทีเดียว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นมา “หลังจากแม่นางเจียงจากไป น้องหญิงเพียงแค่รับช่วงดูแลกิจการชั่วคราว ทว่าน้องหญิงไม่อาจดูแลที่นั่นตลอดไปได้ ยังต้องหาคนมารับช่วงดูแลต่อ”
พอเอ่ยถึงแม่นางเจียงแล้ว มู่ซืออวี่ก็คิดถึงน้องชายที่น่าสงสารผู้นั้นของนางขึ้นมา วันนี้นางชวนเขากลับมาทานมื้อค่ำ ทว่าเขากลับปฏิเสธเพราะมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการในสำนักบัณฑิตหลวง ไม่รู้ว่าเมื่อใดมู่เจิ้งหานถึงจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง