สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 713 พี่น้องคู่นี้แปลกเล็กน้อย
บทที่ 713 พี่น้องคู่นี้แปลกเล็กน้อย
บทที่ 713 พี่น้องคู่นี้แปลกเล็กน้อย
ม่านถูกเปิดออก แสงธรรมชาติสาดเข้ามาผ่านหน้าต่าง ความมืดแต่เดิมหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องโดยสารเรือชัดเจนขึ้นมา
เซี่ยเฉิงจิ่นกอดลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้ในอ้อมแขน ของที่ร่วงจากชั้นตกลงบนเท้าของเขา เมื่อดูจากตำแหน่งแล้ว หากไม่ใช่เพราะเซี่ยเฉิงจิ่นตอบสนองได้เร็ว ของสิ่งนั้นจะต้องตกใส่ลู่จื่ออวิ๋นเป็นแน่
ลู่จื่ออวิ๋นผละออกจากอ้อมแขนของเซี่ยเฉิงจิ่น แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
เซี่ยเฉิงจิ่นลูบหัวนางแล้วเอ่ยเบา ๆ “กลัวหรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหน้าน้อย ๆ “ขอบคุณ”
เฝิงฉี่เหนียนเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “ขออภัย ขอภัยแล้วจริง ๆ ข้านึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แม่นางลู่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง?”
“ไม่” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “นี่เป็นอุบัติเหตุ ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิด”
“โชคดีที่ไม่ได้ทำให้ท่านบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแล้วจริง ๆ” เฝิงฉี่เหนียนเอ่ย “แม่นางลู่ ตรงนี้แออัดเกินไป ออกไปสูดอากาศข้างนอกจะดีกว่า”
เซี่ยเฉิงจิ่นคว้าแขนของนางไว้แล้วพาออกไปจากห้องโดยสาร
คนเรือที่เหลือรั้งอยู่เก็บข้าวของ
เฝิงฉี่เหนียนขอโทษขอโพยไม่หยุด ลู่จื่ออวิ๋นแสดงท่าทีว่านางเข้าใจทั้งยังอารมณ์ดีตามปกติ
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย” จู่ ๆ เซี่ยเฉิงจิ่นก็เอ่ยขึ้น “เจ้าพาข้ากลับห้องเถอะ”
ลู่จื่ออวิ๋นรับคำ “ได้”
สิ้นคำ นางก็หันไปเอ่ยกับเฝิงฉี่เหนียน “คุณชายเฝิง เช่นนั้นข้าจะพาพี่ชายกลับไปที่ห้อง ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดไป ข้าไม่เป็นไร เช่นนั้นพวกเราต้องขอตัวก่อนแล้ว”
เฝิงฉี่เหนียนมองเงาร่างของทั้งสองคนเดินจากไป
“เจ้านาย พี่น้องคู่นี้ช่างแปลกจริง ๆ” คนเรือเอ่ย “ถึงแม้จะเป็นพี่ชายน้องสาวแท้ ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกันเพียงนั้นกระมัง? พี่ชายผู้นั้นไม่หลีกเลี่ยงแม้แต่น้อย ประเดี๋ยวก็จับแขน ประเดี๋ยวก็ลูบหัว เมื่อเช้านี้ข้ายังเห็นพี่ชายผู้นั้นป้อนอาหารน้องสาว ป้อนถึงปากเชียวนะขอรับ”
“พี่ชายน้องสาวบางคู่สนิทสนมกันก็ไม่มีอะไรแปลก” เฝิงฉี่เหนียนเอ่ย “เอาละ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ตรวจสอบชิ้นส่วนเรือในห้องโดยสารให้ดี อย่าปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว”
“ขอรับ”
ในห้องโดยสาร เซี่ยเฉิงจิ่นจ้องมองลู่จื่ออวิ๋น
คุณหนูลู่ถูกเขาจ้องมองเช่นนั้นก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงเอ่ยถาม “ท่านอยากเอ่ยอะไรก็เอ่ยออกมาเถอะ เหตุใดต้องจ้องมองข้าเช่นนี้?”
“จ้องอย่างไร?” เซี่ยเฉิงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น
ลู่จื่ออวิ๋นเม้มริมฝีปากเบา ๆ “ท่านรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“เฝิงฉี่เหนียนผู้นั้นไม่ธรรมดา” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “จากข่าวที่ข้าตรวจสอบมาได้ สกุลเฝิงเป็นสกุลค้าผ้ารายใหญ่ มักจะท่องไปทั่วทุกที่ ทั้งยังมีการค้าร่วมกับหอซือเป่า ดังนั้นในฐานะคุณหนูใหญ่สกุลลู่ มารดาเจ้าเป็นผู้ทำการค้าสตรีที่ใหญ่โตเพียงนั้น อีกทั้งชื่อเสียงของเจ้าโด่งดังออกปานนี้ เฝิงฉี่เหนียนไปที่เมืองหลวงบ่อยครั้ง จะไม่เคยพบเห็นเจ้าได้อย่างไร? แม้จะเป็นเพียงการเห็นชั่วครู่จากไกล ๆ ก็ไม่มีทางจำเจ้าไม่ได้”
“ท่านหมายความว่าเขารู้จักข้า อีกทั้งยังรู้ตัวตนของข้าหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“มีความเป็นไปได้สูง”
“เช่นนั้นการที่เขาไม่เปิดโปงข้า อาจเป็นเพราะไว้หน้า นอกจากนี้ ข้าก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ข้าแซ่ลู่ นี่ไม่ได้หลอกเขากระมัง? เขาไม่เปิดโปง อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าไม่มีอะไรให้เปิดโปง อีกทั้งเรายังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”
“เขาเป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ แน่นอนว่าเขาต้องไม่เปิดโปงเจ้า” เซี่ยเฉิงจิ่นทานผลไม้ที่หั่นไว้แล้ว “ดูจากเรื่องที่เขาทำในวันนี้ หากเป็นแม่นางธรรมดาอาจไม่สามารถต้านทานเขาได้ ทั้งยังจะหลงเสน่ห์เขาเอาง่าย ๆ”
“ในสายตาบุรุษอย่างพวกท่าน สตรีอย่างเรา ๆ รสนิยมต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงนี้หรือ? ละครเงาเพียงเรื่องเดียวก็ใช้ล่อลวงใจเราได้แล้วรึ?” ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกไม่พอใจ
“หากเจ้าไม่ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกไม้เช่นนี้จะไม่สำเร็จกับสตรีอื่น คนแซ่เฝิงผู้นั้นหน้าตาไม่เลว อีกทั้งสกุลยังมั่งคั่งร่ำรวย หากเขายินดีพยายามทำให้สตรีเปิดใจ จะมีสักกี่คนที่ไม่ใจสั่น?”
“ท่านพักผ่อนให้ดีเถอะ!” ลู่จื่ออวิ๋นลุกขึ้นทันที “จะดีที่สุดหากหลับไปเสีย เช่นนี้ท่านจะได้ไม่ใช้สมองที่โลดแล่นของท่านคิดไปไกล”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินออกไปด้วยความโมโห
เซี่ยเฉิงจิ่น “…”
เขากล่าวอะไรผิดหรือ?
ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ เขาเอ่ยขึ้น “ถ้อยคำดูเบาสตรีเมื่อครู่นี้ของคุณชายคงมีสตรีเพียงไม่กี่คนที่ชอบฟัง ถึงแม้ท่านจะไม่รวมถึงแม่นางลู่ ทว่าแม่นางคงไม่คิดเช่นนั้น”
“ข้าเพียงแต่ว่ากันตามเนื้อผ้า ลูกไม้ที่เจ้าคนแซ่เฝิงผู้นั้นใช้ไม่มีประโยชน์ต่อสตรีหรือ? ตัวอย่างที่มีให้เห็นก็ไม่ได้น้อย ก่อนหน้านี้ยังมีดาวเด่นชื่ออวี้เอ๋อ ถือได้ว่าเป็นกล้วยไม้แห่งหอโคมเขียว นางขายเพียงศิลปะไม่ขายร่างกาย นางปฏิเสธผู้สูงศักดิ์ขุนน้ำขุนนางไปมากมาย ท้ายที่สุดกลับตกอยู่ในมือบัณฑิตยากไร้ที่ไม่มีสิ่งใดเลย”
“นั่นไม่สำคัญนะขอรับ” ลูกน้องเขาเอ่ย “สิ่งสำคัญคือแม่นางลู่โมโหแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นออกมาจากห้องโดยสาร แล้วเอ่ยกับติงเซียงที่ตามหลังมา “เจ้าไปตรวจสอบดู เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“คุณหนูเชื่อสิ่งที่ท่านอ๋องพูด รู้สึกว่าคุณชายเฝิงผู้นั้นจงใจหรือเจ้าคะ?” ติงเซียงเอ่ยถาม
“ตรวจสอบแล้วค่อยว่ากัน”
แน่นอนว่านางเชื่อการวิเคราะห์ของเขา เพียงแต่…
นางไม่ชอบคำพูดเหล่านั้นของเขา
ผู้ใดกล่าวว่าสตรีหลอกลวงได้ง่าย? นางไม่มีทางถูกเขาหลอกล่อได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
หนึ่งเค่อให้หลัง ติงเซียงกลับมาที่ห้องพัก รายงานกับลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าต่าง “เชือกนั้นมีคนตัดจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“ช่วงนี้ระมัดระวังให้มากขึ้นหน่อย อาหารการกินต้องตรวจสอบให้รอบคอบ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ยังเหลืออีกห้าวันจึงจะถึงเมืองซื่อไห่ ระยะนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว”
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ” ติงเซียงเอ่ย “เช่นนั้นต้องเตือนท่านอ๋องหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“เขาฉลาดเพียงนั้น ไม่ต้องเตือนก็ต้องระแวดระวังอยู่แล้ว”
“บ่าวไม่เข้าใจ ถึงแม้ท่านอ๋องมาไม่ทันการ ของเช่นนั้นตกลงมาก็ไม่อาจทำให้คนตายได้ เหตุใดพวกเขาต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่าเจ้าคะ?”
“วีรบุรุษช่วยสาวงามอย่างไรเล่า!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หากคนผู้นั้นไม่ปรากฏตัว ผู้ที่อยู่ใกล้ข้าย่อมเป็นเฝิงฉี่เหนียน ของจะตกทับข้าเขาย่อมช่วยข้าเอาไว้ได้ หากเขาเจ้าอุบายยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะล้มทับข้าขวางแรงกระแทกจากของที่หนักเพียงนั้นเอาไว้ ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บ ข้ายังต้องคอยดูแลเขาเพราะความรู้สึกผิด ระยะเวลาระหว่างที่ดูแลเขานี้ อาจจะเกิดเรื่องขึ้นมากมายก็ได้”
ติงเซียง “…”
นางเป็นเพียงสาวใช้ความคิดอ่านเรียบง่ายผู้หนึ่ง เหตุใดต้องบอกความดำมืดของโลกภายนอกนี้แก่นางด้วยเล่า?
“คุณหนู ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งขนขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวที่อะไรล้วนไม่เข้าใจทั้งสิ้น เหตุใดจู่ ๆ กลับกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เสียได้?
“ท่านแม่ข้าเคยบอก บุรุษบางคนใช้ลูกไม้เหล่านี้ล่อลวงสตรี หลังจากล่อลวงได้สำเร็จแล้วจึงจะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ถึงตอนนั้นสตรีคิดจะเสียใจก็สายไปเสียแล้ว ท่านแม่ยังกล่าวว่า ตอนนี้ข้ายังเยาว์ ไม่ต้องรีบร้อนแต่งงาน ไม่อาจถูกคำหวานของบุรุษหลอกล่อเด็ดขาด บุรุษเอ่ยสิ่งใดนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการกระทำของเขา”
“บ่าวเข้าใจแล้ว อย่างเช่นคราก่อนที่ท่านอ๋องดูแลคุณหนูที่เป็นโรคติดต่ออย่างใกล้ชิด ท่านล้วนเห็นอยู่ในสายตา ในใจจึงสั่นไหวแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“เจ้านี่นับวันยิ่งน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ น้ำแกงให้ห้องครัวเสร็จแล้วกระมัง เจ้ายกไปส่งให้เขาเถอะ” ลู่จื่ออวิ๋นดุนาง
ด้านนอกห้อง เซี่ยเฉิงจิ่นได้ยินบทสนทนาระหว่างนายบ่าวทั้งสอง เขาพลันยิ้มออกมาบาง ๆ
“นายท่าน เหตุใดท่านไม่เข้าไปเล่าขอรับ?”
“ไม่ต้อง กลับห้องไปรอน้ำแกงกันเถอะ” เซี่ยเฉิงจิ่นหมุนตัวเดินจากไป
เขาเดาได้ถูกต้อง จิ้งจอกน้อยจะถูกหลอกง่าย ๆ ได้อย่างไร เป็นดังคาด แม่นางน้อยที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้ เตือนสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว