สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 731 นางบอกลาเขา
บทที่ 731 นางบอกลาเขา
บทที่ 731 นางบอกลาเขา
อิงหรูเฉินถูกพาตัวไปแล้ว
ท้ายที่สุด สาเหตุที่นางก็ไม่ยอมรับว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางเพราะคิดว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะเจิ้งซู่ดึงนางเข้าไปพัวพัน
ทว่าลู่ฉาวอวี่มองว่าความรักที่อิงหรูเฉินแสดงออกมาล้วนเสแสร้ง ถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นจะไร้ร่องรอย แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือหากนางใส่ใจกับความสัมพันธ์นี้ ย่อมไม่มีทางนิ่งเฉย
กล่าวกันว่าสิงไท่ฟู่ส่งคนไปมอบจดหมายให้อิงหรูเฉินฉบับหนึ่งก่อนที่จะแต่งงาน บ่าวผู้นั้นส่งจดหมายให้นางด้วยตนเอง ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้รับการตอบกลับ เห็นได้ชัดว่านางเองก็อยากจะพึ่งพาร่มไม้ใหญ่
สิ่งที่อิงหรูเฉินเรียกว่าความรัก เป็นเพียงเพราะหลายปีมานี้นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี ทว่าชายที่นางไม่ต้องการกลับรุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งลูกชายลูกสาวของเขาก็โดดเด่น นางอิจฉาเพียงแต่ไม่อยากยอมรับจึงหลอกตนเอง
“ใต้เท้า นางจะเป็นอย่างไรหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยถาม
“พวกเรายังต้องตรวจสอบต่อไป เพียงแต่…” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เจิ้งซู่คงไม่ยอมรับว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินอิง อย่างไรเสียนางก็มีลูกของเขาอยู่ในท้อง”
“หมายความว่าเราทำอะไรนางไม่ได้หรือ?” นายท่านรองสิงถาม “ก่อนหน้านี้มองไม่ออก นึกไม่ถึงว่าภายใต้รูปลักษณ์ที่อ่อนแอนั่นซ่อนเจตนาที่โหดเหี้ยมเอาไว้ เราไม่ควรรับนางเข้ามาตั้งแต่แรก พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ต้องตายเปล่าแล้ว”
“แม้เจิ้งซู่จะไม่เปิดโปงนาง แต่ผู้อื่นจะต้องทำแน่ เจิ้งซู่ไม่ได้ลงมือเพียงคนเดียว ยังมีลูกน้องของเขาอีกสิบกว่าคน เท่าที่ข้ารู้ เจิ้งซู่เป็นเพียงผู้คุ้มกัน ลูกน้องเหล่านั้นล้วนเป็นพวกเดนตายที่เขาผูกสัมพันธ์เอาไว้ ท่านคิดว่าพวกเดนตายเหล่านี้จะยอมตายโดยไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลยหรือ? เจิ้งซู่ไม่ได้ใช้เงินชักจูงคนเหล่านี้มารึ? ท้ายที่สุดแล้ว เบาะแสทุกอย่างล้วนชี้ไปที่นาง อิงหรูเฉินไม่อาจรอดพ้นไปได้”
“ใช่ ข้าเคยเห็นนางเดินไปข้างนอกพร้อมกับถุงเครื่องประดับเงินทอง ข้าถามแล้ว นางบอกว่าอยากจะนำของพวกนั้นไปเปลี่ยนเป็นเงิน เครื่องประดับเหล่านั้นล้วนเป็นของดี นั่นไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย” ฮูหยินสามเอ่ยขึ้น
ลู่ฉาวอวี่ออกจากจวนสิงพร้อมกับลูกน้องของเขา
ร่างของคนสกุลสิงทั้งหมดถูกส่งกลับไปยังสกุล ผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นจะได้กลับไปพักผ่อนใต้ผืนดินเสียที
สามวันต่อมา ท้ายที่สุดคดีจึงจบลง
เป็นอย่างที่ลู่ฉาวอวี่คาดการณ์เอาไว้ เจิ้งซู่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ทว่าอิงหรูเฉินเป็นผู้ที่ชี้แนะให้เขาก่อเหตุในครั้งนี้ แรกเริ่มเดิมทีคือนางต้องการให้ฮูหยินสิงตาย นางจะได้มีโอกาสขึ้นเป็นภรรยาหลังภรรยาคนแรกของสิงไท่ฟู่เสียชีวิต นี่ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาเรื่องเด็กในท้อง แต่ยังจะนำพาเกียรติยศและความมั่งคั่งมาให้นางด้วย ทว่าคนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต วันนั้นสิงไท่ฟู่และนายท่านรองทะเลาะกัน ฮูหยินใหญ่สิงจึงต้องพาสิงไท่ฟู่ไปด้วยเพื่อให้สองพี่น้องสงบลง
เจิ้งซู่และมือสังหารกลุ่มนั้นถูกตัดสินโทษประหาร เด็กในท้องของอิงหรูเฉินบริสุทธิ์ หลังจากนางคลอดลูกแล้ว นางจะถูกเนรเทศไปชายแดน ส่วนเด็ก ทำได้เพียงให้คนจิตใจดีรับเลี้ยงดูแล้ว
สกุลสิงไม่คิดจะเก็บเด็กคนนั้นไว้ แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะใจกว้าง ยินดีที่จะเลี้ยงลูกของฆาตกร ทว่าคนอื่น ๆ ในสกุลย่อมไม่ยินดีรับเลี้ยงลูกกาฝากผู้นี้
ลู่ฉาวอวี่ไปตรวจสอบคดี เพิ่งกลับมาจากข้างนอก เมื่อเขาควบม้ามาถึงประตูสำนักตรวจการก็เห็นสิงเจียซือยืนอยู่กับสาวใช้ของนางไม่ไกลนัก
“แม่นางสิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ใต้เท้าลู่”
ลู่ฉาวอวี่ลงมาจากหลังม้า
สิงเจียซือพาสาวใช้ของนางมาคารวะเขา
“ใต้เท้าลู่ ข้าและน้องชายต้องไปที่บ้านท่านยายแล้ว ข้ามาเพื่อกล่าวอำลาโดยเฉพาะ” สิงเจียซือเอ่ย “ถึงแม้ข้าเพิ่งพบใต้เท้าลู่ไม่กี่ครั้ง ทว่าท่านก็เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของข้า อย่างไรข้าก็ยังอยากมากล่าวคำลา นอกจากนี้ข้ายังมีสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ใต้เท้าลู่โปรดรับไว้ด้วย”
สิงเจียซือนำกล่องใบหนึ่งออกมายื่นให้ลู่ฉาวอวี่
เขาลังเลใจ
“ใต้เท้าลู่ นี่เป็นเพียงสินน้ำใจ ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร” สิงเจียซือเอ่ย “หากท่านไม่เชื่อจะเปิดดูก็ได้”
ลู่ฉาวอวี่เปิดกล่องออก เห็นเพียงหินสิบก้อนขนาดเท่า ๆ กัน ทว่าคนละสี อีกทั้งยังมีลวดลายที่แตกต่าง
เขามีความจำดี ยังจำครั้งแรกที่พบกับนางได้ นางมักจะถูกหินหน้าตาแปลก ๆ ในสกุลลู่ดึงดูดความสนใจเสมอ แม่นางคนอื่น ๆ มักชมสวน แต่สิงเจียซือกลับชมสถานที่ที่เต็มไปด้วยหินมากมาย มือของนางมักเปื้อนไปด้วยปูนขาวอยู่บ่อยครั้ง
“นี่เป็นหินที่งดงามที่สุดเท่าที่ข้าสะสมไว้” สิงเจียซือเอ่ย “ไม่ใช่สิ่งของล้ำค่า หากแต่เป็นของที่ข้าชื่นชอบ ใต้เท้าช่วยข้าสืบหาผู้ที่ฆ่าบิดามารดา นับเป็นผู้มีพระคุณของเราสองพี่น้อง”
“ในเมื่อเป็นของที่เจ้าชอบก็เก็บไว้เถิด!”
“ไม่ละ ข้าต้องไปที่บ้านท่านยายซึ่งอยู่ไกลแสนไกล เพื่อเดินทางให้สะดวก ข้าจะไม่นำของไปมากนัก ของเหล่านี้ข้าไม่อาจนำไปด้วยได้”
“บ้านท่านยายเจ้าอยู่ที่ใด?”
“ชายแดน”
ลู่ฉาวอวี่ประหลาดใจ “เหตุใดต้องไปไกลถึงเพียงนั้น?”
“ข้าอยากไปจากที่นี่ อยากลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หากข้ายังอยู่ที่บ้าน ท่านพ่อท่านแม่ล้วนปรากฏอยู่ทุกหนแห่งในความทรงจำ ข้าทนไม่ได้”
ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว “ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย”
“ใต้เท้า ข้าขอลา” สิงเจียซือคารวะอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวจากไป
จางอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “แม่นางสิงผู้นี้น่าสงสารยิ่งนัก”
เดิมทีเป็นคุณหนูสกุลขุนนาง ภายในคืนเดียวกลับสูญเสียทุกสิ่งไปจนสิ้น ทั้งยังต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลเช่นนั้น
“หลายวันมานี้ทุกคนลำบากแล้ว ข้าจะให้วันหยุดพวกเจ้า”
“ใต้เท้า ข้าไม่ต้องการวันหยุด แต่มอบเงินรางวัลเหมือนที่ฮูหยินอัครมหาเสนาบดีทำได้หรือไม่?”
ฮูหยินลู่ชอบตกรางวัลเป็นเงิน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วหล้ารู้ดี ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ลู่ฉาวอวี่ต่อยจางอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เบา ๆ
จางอี้โน้มตัวเข้าไปหาแล้วเอ่ยว่า “ฮ่า ๆ ใต้เท้าจะตกรางวัลมากน้อยเพียงใดหรือ?”
เขาดีดนิ้วใส่หน้าผากจางอี้หนึ่งที
“แม่ข้ามีเงิน ในเมื่อเจ้าชอบเงินรางวัลเพียงนี้ ไม่สู้ข้ามอบเจ้าให้เป็นลูกน้องแม่ข้าดีหรือไม่?”
“เช่นนั้น ข้าติดตามทำงานให้ใต้เท้าจะดีกว่า”
“เจ้ากับหยางจงเซิงไปปรึกษากันว่าจะแลกเปลี่ยนเวรอย่างไร เรียบร้อยแล้วให้มาบอกข้า นอกจากนี้ทุกคนจะได้รับคนละหนึ่งตำลึงเงิน ไปซื้อของอร่อยทานกับครอบครัว”
“ขอบคุณใต้เท้า ข้าน้อยรู้ว่าใต้เท้าใจกว้างที่สุดแล้ว!”
เงินเดือนเพียงเล็กน้อยของลู่ฉาวอวี่นั่นนับเป็นอะไร?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีมารดาที่ร่ำรวย เงินค่าขนมรายเดือนของลูกชายและลูกสาวแต่ละคนจึงสูงยิ่ง ลู่ฉาวอวี่สามารถไปที่ร้านเพื่อเบิกเงินออกมาใช้ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ โชคดีที่ไม่มีลูกคนใดของฮูหยินลู่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะถลุงเงินเล่นไปมากมายเพียงใดแล้ว
“ใต้เท้าลู่…” เสนาบดีกรมอาญาเดินเขามา “มีคดีอีกหนึ่งคดี”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
“ใต้เท้า ท่านอย่าได้ใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าเลย คดีนี้ยากยิ่งนัก ข้าตรวจสอบมาเป็นเวลานานแล้ว กลับไม่พบร่องรอยอะไร ข้าไม่มีหนทางจริง ๆ จึงทำได้เพียงมาขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“พวกเราสำนักตรวจการก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ”
“ใช่แล้ว สำนักตรวจการไขคดีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมได้สำเร็จ หมายความว่าท่านทำได้!”
“สำนักตรวจการยังมีใต้เท้าคนอื่น ๆ อีก”
“ใต้เท้าลู่ ท่านเป็นป้ายมีชีวิต ขอเพียงมีท่าน หากพวกเราต้องการไปตรวจสอบที่กรมพระคลัง กรมพระคลังย่อมไม่กล้าห้าม หากพวกเราอยากไปที่กรมขุนนาง สหายที่นั่นล้วนให้เราเข้าไปด้วยความเคารพ ใบหน้าท่านคือป้ายผ่านทางโดยแท้” เสนาบดีกรมอาญาเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ท่านช่วยเหลือเราได้ไม่น้อย”
ลู่ฉาวอวี่ยิ้มน้อย ๆ “ใต้เท้าเสนาบดีช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ”
“ชมเกินไปแล้ว ชมเกินไปแล้ว ฮ่า ๆ” เสนาบดีกรมอาญาลูบท้ายทอยตนเอง
จู่ ๆ ก็รู้สึกเย็นวูบวาบยิ่งนัก!