สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 736 ที่แท้เป็นผู้ใดเล่นลูกไม้
บทที่ 736 ที่แท้เป็นผู้ใดเล่นลูกไม้
หมอหลวงตรวจร่างกายของลู่ฉาวหลีที่เพิ่งเกิด
ลู่ฉาวหลีร้องไห้โยเยเสียงดัง ทั้งยังโบกมือเล็ก ๆ ไปมา ดูไม่สบายตัวเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าผื่นนี้ไม่ใช่ผื่นธรรมดา หากแต่ส่งผลร้ายต่อร่างกายได้เลยทีเดียว
ฟ่านซู่คุณชายน้อยแห่งจวนเซวียนอ๋องอยู่ในห้องข้าง ๆ
ในห้องของลู่ฉาวหลี นอกจากพ่อ แม่ ลุง และป้าของเขาแล้ว ยังมีฮ่องเต้และฮองเฮาด้วย เมื่อมองอีกด้านหนึ่ง นับตั้งแต่เกิดเรื่องกับฟ่านซู่ก็มีเพียงบ่าวรับใช้อยู่ข้างกายเท่านั้น
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ของฟ่านเหยี่ยนและซูฟางหวาก็นำพวกเขาไปที่ห้องที่ฟ่านซู่พักอยู่ชั่วคราว
“หมอหลวงว่าอย่างไร?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยถามอย่างเย็นชา
ฟ่านซู่นอนอยู่ตรงนั้น เขานึกอยากเอื้อมมือไปเกาผื่นแดงตามร่างกาย ทว่าบ่าวรับใช้กลับจับมือเขาไว้ ห้ามไม่ให้เขาแตะมัน เด็กน้อยรู้สึกไม่สบายตัว ดวงตาคลอไปด้วยน้ำสีใส อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
ไม่ว่าเขาจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่และรู้ความเพียงใด เด็กชายก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะจ้าวอวิ๋นซวงบอกเขาอยู่เสมอว่า ‘การร้องไห้เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด’ เขาคงปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปแล้ว
บ่าวรับใช้เอ่ย “ท่านหมอหลวงมาดูคุณชายน้อย บอกว่านี่เป็นโรคติดต่อ เขาไม่รู้ว่าติดมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้มีคุณชายน้อยของเราและคุณชายน้อยจวนลู่ที่ติดโรคเจ้าค่ะ”
“หมอหลวงอยู่ที่ใด?”
“อยู่ห้องข้าง ๆ เจ้าค่ะ”
ฟ่านเหยี่ยนอุ้มฟ่านซู่ไปที่ห้องข้าง ๆ
ซูฟางหวาค่อย ๆ ตามไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่ได้แสดงความปวดใจและเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม การตอบสนองเช่นนี้ของนางดูเป็นปกติยิ่ง หากนางแสดงท่าทีต่างออกไป ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นย่อมสงสัยเป็นแน่
ปัง! ประตูถูกเปิดออกจากด้านนอก
ฟ่านเหยี่ยนเดินอุ้มฟ่านซู่เข้าไป
สายตาสองสามคู่หันมามองทันที
ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ได้ยินว่าท่านหมอหลวงอยู่ที่นี่ ข้าจึงพาลูกชายที่ป่วยมาโดยไม่ได้รับเชิญ ขอทุกคนได้โปรดอภัย เสด็จพี่ ข้ากำลังอุ้มลูก ขออภัยที่ไม่อาจถวายบังคม”
“เจ้ารู้ว่าเสียมารยาท เช่นนั้นอุ้มลูกวิ่งมาทำอะไรที่นี่เล่า?” ฟ่านหยวนซีมองด้วยสายตาเฉียบคม “หรือเจ้ากังวลว่าพวกเราจะไม่ดูแลลูกของเจ้า? นั่นหาจำเป็นต้องกังวลไม่ ตอนนี้ท่านหมอหลวงกำลังพยายามหาวิธีรักษา ไม่มีทางละเลยเขา”
“ลูกของใต้เท้าลู่ยังเล็กไม่อาจให้ความร่วมมือกับการวินิจฉัยของหมอหลวงได้ แม้ว่าซู่เอ๋อร์จะยังเด็ก ทว่าสามารถบอกความรู้สึกของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่สู้ท่านหมอหลวงตรวจหาที่มาของโรคจากเขาจะดีกว่า”
สิ้นคำ ฟ่านเหยี่ยนก็อุ้มฟ่านซู่ไปวางที่เตียงหลังใหญ่แล้วนั่งลง
ลู่ฉาวหลีอยู่ในเปล ตอนนี้เตียงจึงว่างเปล่า
ท่านหมอหลวงดื่มสุราไปเล็กน้อยก่อนหน้านี้ เมื่อเกิดเรื่องขึ้น เขาถึงกับหวาดผวาจนสร่างเมาแล้ว
เขาลอบเหลือบมองฟ่านหยวนซี เมื่อเห็นว่าฝ่ายหลังไม่ได้กล่าวอะไรจึงรู้ว่ายินยอม หมอหลวงเริ่มตรวจหาสาเหตุของโรคจากฟ่านซู่
“คุณชายน้อย ท่านลองบอกมาหน่อยว่าวันนี้กินอะไร แตะอะไรไปบ้าง ยิ่งละเอียดยิ่งดี เล่าทุกสิ่งที่ท่านจำได้ออกมา” หมอหลวงซักถาม
ถึงแม้ฟ่านซู่จะยังเล็ก คำพูดเขากลับเรียงร้อยได้ดียิ่ง อีกทั้งความจำของเขาก็ไม่แย่นัก เป็นดังคาด เขาสามารถบอกรายละเอียดเท่าที่จำได้นับตั้งแต่ตื่นนอนในตอนเช้าจนกระทั่งมีอาการให้หมอหลวงฟัง
“คุณชายน้อยเคยใกล้ชิดกับคุณชายน้อยของใต้เท้าลู่เซวียนหรือไม่?” หมอหลวงสอบถาม
ฟ่านซู่สั่นศีรษะเบา ๆ
“หากไม่เคยใกล้ชิดกัน เช่นนั้นพวกเขาก็ติดโรคมาจากของที่ไม่เหมือนกันแล้ว คุณชายน้อยลู่อายุเพียงเท่านี้ ผู้ที่เขาใกล้ชิดล้วนเป็นคนในครอบครัวตัวเอง…”
“เมื่อครู่มีพวกเราหลายคนที่ได้สัมผัสกับเขา” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ย “หรือว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งมีสิ่งสกปรกติดตัวมาจึงทำให้เด็กเล็กป่วยไปด้วย?”
ฟ่านหยวนซีหันกลับไปมองซ่างกวนจิ่นซิ่วที่อยู่ข้าง ๆ
ตั้งแต่เมื่อครู่นี้นางฟังคำพูดของหมอหลวงอย่างตั้งใจ อีกทั้งยังมองลู่ฉาวหลีด้วยสายตากังวลเป็นอย่างยิ่ง
สายตาของนางไม่ได้หลอกลวง นางเป็นห่วงเด็กคนนี้จริง ๆ ราวกับลู่ฉาวหลีเป็นครอบครัวของนางเอง
“เหตุใดไม่บอกเล่าว่าพระนางฮองเฮามอบสร้อยอายุยืนให้เขา? บางทีสร้อยอายุยืนนั้นอาจมีอะไรผิดปกติก็ได้” ซูฟางหวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ทุกคนในสกุลลู่และฟ่านหยวนซีหันไปมองซูฟางหวา
ฟ่านเหยี่ยนจ้องซูฟางหวา “หากเจ้าไม่เปิดปากก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเจ้าเป็นใบ้”
“ข้าเพียงแค่กล่าวความจริง ต้องการหาสาเหตุไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าทุกรายละเอียดไม่อาจละเลยได้” ซูฟางหวาชี้ไปที่สร้อยทองอายุยืนบนอกของลู่ฉาวหลี “นั่น ของสิ่งนั้นยังห้อยอยู่เลย เหตุใดไม่ลองตรวจดูเล่า?”
หมอหลวงจะกล้าตรวจดูได้อย่างไร?
นอกเสียจากเขาจะเบื่อหน่ายไม่อยากมีชีวิตแล้ว
นั่นเป็นสร้อยทองอายุยืนที่ฮองเฮาพระราชทานให้ หากตรวจสอบอะไรออกมาได้จริง ๆ เขาก็ไม่กล้าพูดอยู่ดี
“ในเมื่อเซวียนหวางเฟยมีข้อสงสัย เช่นนั้นก็คลายข้อสงสัยของนางเถอะ ท่านหมอหลวง ท่านเพียงแค่ตรวจสอบ ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ยด้วยความโกรธ
ฟ่านหยวนซีและลู่อี้มองหน้ากัน
ทารกที่เพิ่งเกิดป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ บังเอิญยิ่งที่คุณชายน้อยจวนเซวียนอ๋องก็ป่วยในเวลาเดียวกัน หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮองเฮาจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้แล้ว
ฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าฮองเฮาจะทำเรื่องใดล้วนต้องได้รับความยินยอมจากฮ่องเต้
ลู่อี้หันไปมองลู่เซวียนและซูจือหลิ่ว
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาสาเหตุและทำการรักษาเด็กก่อน หากมีคนคิดฉวยประโยชน์จากเด็กจริง ๆ เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิที่เขาไม่เกรงใจ
“หมอหลวง ตรวจดูเถอะ!” ลู่อี้เอ่ยด้วยท่าทีสุขุม
ลู่เซวียนหันกลับมามองพี่ชายด้วยความประหลาดใจ
นึกไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะสั่งให้ตรวจสอบสร้อยทองอายุยืนของฮองเฮาจริง ๆ นี่…
หมอหลวงไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ทำได้เพียงถอดสร้อยอายุยืนออก ยกขึ้นมาดมกลิ่นเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงล้างสร้อยอายุยืนในน้ำ ก่อนจะค่อย ๆ โรยผงยาลงไป
“นี่… สร้อยคออายุยืนนี้มีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วตกตะลึง “จะเป็นไปได้อย่างไร?!”
ซูฟางหวายิ้มหยัน “พระนางฮองเฮา ยามนี้ท่านไม่มีอะไรจะกล่าวแล้วกระมัง?”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วมองมู่ซืออวี่และซูจือหลิ่วอย่างตื่นตระหนก “ไม่ใช่ข้า เหตุใดข้าต้องลงมือทำร้ายเด็กด้วยเล่า?”
“ไม่ต้องร้อนใจไป” มู่ซืออวี่คว้ามือซ่างกวนจิ่นซิ่วมาแล้วกล่าว “พวกเราเชื่อในตัวท่าน ตอนนี้ดูแลเด็ก ๆ ก่อน เรื่องอื่นค่อยตรวจสอบภายหลัง”
“บุตรชายของลู่เซวียนป่วยเพราะสร้อยทองอายุยืน เช่นนั้นบุตรชายของเซวียนอ๋องป่วยเพราะเหตุใด?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยถาม
“คุณชายน้อย วันนี้ท่านได้สัมผัสสร้อยทองอายุยืนนี้หรือไม่?” หมอหลวงเอ่ยถาม
ฟ่านซู่หลือบมองฟ่านเหยี่ยนอย่างตระหนกและกล่าวว่า “ตอนที่ข้ากำลังเล่นข้าชนเข้ากับท่านน้าคนหนึ่ง ท่านน้าผู้นั้นถือกล่องอยู่ในมือ กล่องร่วงลงพื้น สร้อยคออายุยืนจึงหล่นออกไป ข้าจึงหยิบสร้อยคออายุยืนนี้ขึ้นมาส่งมันให้นาง”
“ดูเหมือนว่าปัญหาจะอยู่ที่สร้อยทองอายุยืนนี้จริง ๆ” ลู่อี้กล่าว
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” ซ่างกวนจิ่นซิ่วกำผ้าเช็ดหน้าแน่น “เช่นนั้นนี่เป็นโรคอะไรหรือ?”
“ในเมื่อตรวจหาสาเหตุของโรคพบแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยจะใช้พิษที่เหลืออยู่ในสร้อยคออายุยืนเตรียมยา” ท่านหมอหลวงกล่าว
“มอบหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้ว” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “ช่วยคนก่อน เรื่องอื่นปล่อยให้ใต้เท้าลู่น้อยจัดการเถอะ!”
ใต้เท้าลู่น้อย แน่นอนว่าเป็นลู่ฉาวอวี่
“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสกุลลู่ ไม่ใช่ว่าสกุลลู่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาหรือเพคะ?” ซูฟางหวาเอ่ยถาม
“เซวียนหวางเฟย สกุลลู่เป็นผู้เคราะห์ร้าย ใต้เท้าลู่น้อยเพียงแค่ต้องสืบหาความจริงออกมา ยังจะปกป้องผู้ร้ายได้อย่างไร?” ฟ่านหยวนซีหัวเราะเย้ยหยัน