สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 74 จำเป็นต้องเดิมพันด้วยชีวิตหรือ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 74 จำเป็นต้องเดิมพันด้วยชีวิตหรือ
บทที่ 74 จำเป็นต้องเดิมพันด้วยชีวิตหรือ?
บทที่ 74 จำเป็นต้องเดิมพันด้วยชีวิตหรือ?
ลู่ฉาวอวี่วางตะเกียบดังโครม แววตาเจือไปด้วยความเศร้าหมอง เด็กชายหันหลังแล้ววิ่งออกจากลานบ้านไปทันที
ถงซื่อตื่นตระหนก “ฉาวอวี่!”
“ปล่อยเขาไปเถิด!” มู่ซืออวี่ตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าชินกับนิสัยเขาแล้ว! ชอบทำตัวไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกัน เอาแต่ใจราวกับทุกคนเป็นหนี้เขาหลายร้อยตำลึงเงินอย่างนั้นแหละ”
“ท่านพี่” ลู่จื่ออวิ๋นร่ำไห้ “ท่านแม่ ท่านพี่ได้รับบาดเจ็บ เขาเจ็บตัวมาแบบนี้ ท่านช่วยใจดีกับเขาหน่อยไม่ได้หรือ?”
เถี่ยโถวที่กำลังเคี้ยวบะหมี่มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
“ข้า… ข้าจะไปตามเขาเอง” เถี่ยโถวยืนขึ้น
“ไม่ต้อง เจ้ากินต่อไปเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก จะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเขาไม่กลับมา ข้าจะไปตามหาเขาเอง”
“เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด จะไม่คิดทำเรื่องโง่เขลาใช่หรือไม่?” ถงซื่อกล่าวอย่างเป็นกังวล
“ไม่มีทาง”
เขาจะเจริญรุ่งเรืองในอนาคต จะคิดเล็กคิดน้อยกับคำพูดของนางได้อย่างไร? หากเปราะบางถึงเพียงนั้น คงไม่อาจยืนหยัดมาเป็นเวลาหลายปีได้หรอก
งานฉลองมงคลสมรสของลู่ต้าจู้จัดเลี้ยงอาหารสองมื้อ นั่นคือมื้อเที่ยงและมื้อเย็น
ชาวบ้านรับประทานบะหมี่ที่มู่ซืออวี่ปรุงจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้เพียงน้ำแกง นางจึงต้องทำเพิ่มในตอนเย็นเพื่อให้เพียงพอต่อผู้คน
มู่ซืออวี่แอบกลับไปที่กระท่อมเพื่อดูลู่ฉาวอวี่ แต่ก็พบว่าเขายังไม่กลับมา
“ข้าล่ะนับถือเด็กคนนี้จริง ๆ”
มู่ซืออวี่พร่ำบ่น ไม่แม้แต่จะทานอะไร นางเดินทางไปยังสถานที่ที่เถี่ยโถวบอกทันที
ลู่ฉาวอวี่นอนเอนกายอยู่บนต้นไม้ ดูท่าคงผล็อยหลับไป
ทว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้หลับใหล เพียงแสร้งทำให้นางเห็นเท่านั้น
มู่ซืออวี่ไม่ได้รบกวนเขา นางนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉีกใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นพลางร้องเพลงเบา ๆ
ลู่ฉาวอวี่ลืมตาและลุกขึ้น เขาจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยท่าทางสงบกว่าตอนที่วิ่งออกไป
มู่ซืออวี่กล่าวว่า “ไม่พอใจข้าหรือ แล้วหิวหรือไม่?”
“ข้าไม่หิว” ลู่ฉาวอวี่กล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ไม่จำเป็นต้องมาห่วงใยข้า”
“ข้าทำแป้งทอดผสมกับต้นหอม ทอดในน้ำมันหมูจนเป็นสีเหลืองทอง โรยด้วยงาหอมกรุ่น น่าทานเชียวล่ะ อร่อยจนข้ากินไปตั้งห้าชิ้น”
หลังจากที่มู่ซืออวี่กล่าวถึงแป้งทอดแล้ว นางก็อธิบายถึงอาหารอีกสองสามอย่างโดยละเอียด ราวกับว่าอาหารเหล่านั้นตั้งอยู่ตรงหน้า
ลู่ฉาวอวี่ลอบกลืนน้ำลาย เขากำลังท้องว่าง อยากจะหาสิ่งใดมาเติมเต็มให้อิ่มหนำ
“เจ้าไม่หิว แต่ข้าหิว ข้าไม่ได้กินอะไรเลยนับตั้งแต่ที่เจ้าหายไป ตอนเที่ยงข้าทำอาหารไว้มากมาย แต่ไม่ได้ลิ้มรสสิ่งใดเลยเพียงเพื่อตามหาเจ้า หลังจากได้พบเจ้า ข้าทำอาหารให้เจ้าได้กิน เเต่ข้ายังไม่ได้ตักเข้าปากสักคำ เจ้าก็หายไปอีก ข้ากังวลจนกินอะไรไม่ลง พอไปทำอาหารเพิ่มให้แขกที่บ้านต้าจู้ ข้าก็ชิมไปแค่สองสามคำเพราะเป็นห่วงเจ้าจนกินไม่ลง สุดท้ายข้าเลยรีบมาตามหาเจ้า”
ลู่ฉาวอวี่อ้าปากค้างพลางหรี่ตาลง
“เถี่ยโถวบอกว่าเด็ก ๆ ในหมู่บ้านมักขับไล่และรังแกเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงเดิมพันกับพวกเขาเพื่อเอาชนะ แต่ฉาวอวี่เอ๋ย เหตุใดถึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชนะผู้อื่น? ชีวิตของเจ้ามีค่าเพียงแค่การเดิมพันเท่านั้นหรือ? เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าหากเถี่ยโถวไม่ช่วยดึงมือเจ้าไว้ หากข้ามาตามหาเจ้าไม่ทัน เจ้าทั้งสองอาจตกลงมาจากหน้าผา สิ่งที่เจ้าทำนั้นอันตรายเพียงใด เคยฉุกคิดบ้างหรือไม่?”
“ข้า…”
“ข้าโกรธเจ้ามาก เพราะเจ้าไม่รักชีวิตตนเองเลย”
“…”
“หากพ่อของเจ้ารู้เข้าคงโกรธไม่น้อย อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนั้น เขาอาจทุบตีเจ้าจนได้รับบาดเจ็บ”
“ท่านพ่อไม่ทำเช่นนั้นแน่”
“ลูกชายของเขาไม่รักชีวิต เหตุใดจึงคิดว่าเขาจะไม่ตีสอนเจ้า ลู่ฉาวอวี่ จงจำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น สิ่งแรกที่เจ้าควรคำนึงถึงคือชีวิตและความปลอดภัยของตัวเอง เข้าใจหรือไม่?”
“…”
“สิ่งที่ผู้อื่นพูดสำคัญตรงไหน พวกเขาหาข้าวหาปลาให้เจ้ากินหรือ แม้ว่าเจ้าจะทุบตีพวกเขาจนได้รับบาดเจ็บ ก็ย่อมดีกว่าการเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น”
“…”
“ผู้คนมากมายในโลกใบนี้ล้วนแตกต่าง ทุกคนเกิดมาในครอบครัวที่แตกต่างกัน เจ้าสามารถผูกมิตรกับบางคนได้แม้รู้จักกันเพียงวันเดียว เจ้าไม่ใช่คนร่ำรวยเงินทอง อย่าคาดหวังให้ใครมารักเจ้า จงเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง ระลึกไว้เสมอว่าครอบครัวรักและอยู่เคียงข้างเจ้า”
ลู่ฉาวอวี่จ้องมองมู่ซืออวี่พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่นางกล่าว
คำพูดบางอย่างของนางแปลกประหลาดยิ่งนัก แต่หลังจากไตร่ตรองแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามีเหตุผล
นางกำลังเป็นห่วงเขาหรือ?
เป็นเพราะนางรักลูกมากจึงโกรธเคืองในการกระทำ และเพิกเฉยต่อเขาใช่หรือไม่?
“ข้าหิวจะแย่ เจ้าจะลงมาได้หรือยัง?” มู่ซืออวี่จ้องมองขึ้นไปบนต้นไม้ “ลงมาไม่ได้ใช่หรือไม่? ต้องการให้ข้าช่วยหรือเปล่า?”
ลู่ฉาวอวี่มีสีหน้าบูดบึ้ง “ข้าไม่ต้องการให้ท่านกอดข้าหรอกนะ”
เขาเรียนรู้ในการปีนต้นไม้และเชี่ยวชาญมาตั้งแต่เด็ก ในเมื่อสามารถปีนขึ้นไปได้ก็ย่อมลงมาได้ด้วยตนเอง
“ลงมาได้แล้ว! ข้าเหนื่อย อยากพักแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าวพลางปัดเศษดินออกจากร่างกายของตน
ลู่ฉาวอวี่ลงมาจากต้นไม้พร้อมเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ยังคงบูดบึ้ง
มู่ซืออวี่เอื้อมมือลูบศีรษะลู่ฉาวอวี่ “นิสัยของเจ้าไม่เหมือนพ่อสักนิด แต่เหมือนอายิ่งกว่าผู้ใด”
ลู่ฉาวอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง
มือของนางอุ่นมาก…
เขาจำสิ่งที่เถี่ยโถวพูดได้เป็นอย่างดี เถี่ยโถวอยากมีแม่ เพราะความอบอุ่นจากแม่เป็นเช่นนี้เอง
บางทีเถี่ยโถวอาจพูดถูก…
“ท่านพี่กลับมาแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเข้ามาสวมกอดลู่ฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง หลังจากถูกลู่จื่ออวิ๋นสวมกอด ความลังเลใจทั้งสิ้นของเขาก็พลันหายไป
หึ! หากไม่ใช่เพราะน้องสาว เขาจะไม่ยอมกลับมาที่นี่แน่
“มานี่ กินยาเสีย” มู่ซืออวี่หยิบยาออกมา
ลู่ฉาวอวี่เดินเข้าไปหานางอย่างกระดากอาย
“ฉาวอวี่ กลับมาแล้วหรือ?” เสียงตะโกนของเถี่ยโถวดังขึ้นจากด้านนอก
“อวิ๋นเอ๋อร์ เปิดประตูหน่อย” มู่ซืออวี่ซึ่งกำลังป้อนยาให้กับลู่ฉาววี่ไม่อาจวางมือเพื่อทำสิ่งอื่นได้
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดประตู “พี่เถี่ยโถว พี่ชายของข้ากลับมาแล้ว”
“ดีแล้ว ๆ” เถี่ยโถวเกาศีรษะพลางกล่าวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อน”
“เถี่ยโถว ข้าทำแป้งทอดไว้ เจ้าลองมาชิมดูเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าทำไว้เยอะมาก ไม่ช่วยกินคงบูดเน่าเสียเปล่า”
เถี่ยโถวกำลังจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่มู่ซืออวี่กล่าว เขาก็ตอบรับทันที “ข้าจะกินเอง ข้ากินได้”
ลู่ฉาวอวี่จ้องมองเถี่ยโถวอย่างโกรธเคือง
โง่เขลายิ่งนัก ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่นางกล่าวเป็นเพียงเรื่องโกหก? คิดจะกินทุกอย่างในโลกใบนี้เพียงเพราะกลัวเน่าเสียอย่างนั้นหรือ?
อย่างไรก็ตาม ความเรียบง่ายของเขาก็ทำให้ทั้งสองเป็นเพื่อนกันได้
“กลิ่นหอมเหลือเกิน!” เถี่ยโถวกลืนน้ำลาย
ก่อนหน้านี้เขาได้กินอาหารแสนอร่อยจากบ้านลู่ต้าจู้มาแล้ว แต่เนื่องจากมีผู้คนมากมายแย่งกันรับประทาน เขาจึงไม่รู้สึกอิ่มท้องนัก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาน้ำลายสอเมื่อมองเห็นแป้งทอดอันหอมกรุ่น
“กินอีกสักหน่อยเถิด หากยังไม่อิ่มข้าจะทำมาเพิ่ม” มู่ซืออวี่กล่าวยิ้ม ๆ “เจ้ากำลังโต กินให้มากเพื่อบำรุงร่างกายเถิด”
“ขอบคุณขอรับ” เถี่ยโถวจ้องมองลู่ฉาวอวี่ด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “ฉาวอวี่ คงมีความสุขมากแน่ ๆ”
มู่ซืออวี่ทายาให้กับลู่ฉาวอวี่อย่างเบามือเพื่อไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บ ขณะที่เด็กน้อยก็คว้าเอาแป้งทอดขึ้นมากิน
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้ายังไม่อิ่มหรือ? กินอีกสิ”
ลู่จื่ออวิ๋นพยักหน้าด้วยความเขินอาย
“ท่านแม่ ท่านก็อย่าลืมทานนะ”
ลู่จื่ออวิ๋นยื่นแป้งทอดในมือให้มู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ลูบศีรษะลู่จื่ออวิ๋นด้วยความเอ็นดู “ขอบใจมากนะอวิ๋นเอ๋อร์”
ช่างเป็นลูกที่น่ารักเหลือเกิน!
นางสาบานกับตัวเองว่าจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เป็นอย่างดี ลู่จื่ออวิ๋นจะต้องเติบโตไปอย่างมีความสุขให้ได้