สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 761 เมืองฮู่เป่ยตกอยู่ในอันตราย
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 761 เมืองฮู่เป่ยตกอยู่ในอันตราย
บทที่ 761 เมืองฮู่เป่ยตกอยู่ในอันตราย
บทที่ 761 เมืองฮู่เป่ยตกอยู่ในอันตราย
แม่ทัพชายแดนปกครองกองทัพจำนวนหนึ่งแสนนาย พลเรือนในค่ายอีกสองแสนนาย
พลเรือนในค่ายที่ว่านี้ หมายความว่า ยามปกติพวกเขาจะทำการเกษตรในที่ดินที่จัดสรรให้ เมื่อถึงยามวิกฤต พวกเขาสามารถหยิบดาบเข้าสู่สนามรบฆ่าฟันศัตรูได้ หากแม่ทัพชายแดนแห่งเมืองถงหยางมีเจตนาไม่ดี เช่นนั้นก็จะกลายเป็นมหันตภัยต่อราษฎรและเป็นภัยพิบัติจากมนุษย์ดี ๆ นี่เอง
หากเกิดการกบฏ แน่นอนว่าต้องใช้เงินทุน นอกจากเมืองหลวงแล้ว ที่ใดจะมั่งคั่งรุ่งเรืองไปกว่าเมืองฮู่เป่ยได้อีกเล่า? ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมใด เมืองฮู่เป่ยล้วนเป็นหนึ่งในเมืองที่พวกเขาต้องยึดครองให้ได้
“ท่านแม่ เมืองฮู่เป่ยเราไม่ได้มีกองกำลังทหารมากนัก”
“บ่าวไปตรวจสอบมาแล้วเจ้าค่ะ มีเพียงห้าพันคนเท่านั้น” ซางจือกล่าวต่อ “ไม่ต้องเอ่ยถึงกองทัพหนึ่งแสนนาย เกรงว่ากองทัพเพียงหนึ่งหมื่นนายก็กลืนกินที่แห่งนี้ได้สบาย ๆ แล้ว”
“ในเมืองฮู่เป่ยมีคนกี่มากน้อยกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ” ซางจือตอบ “เรื่องนี้ต้องสอบถามนายอำเภอกู่”
“ซางจือ เจ้าไปที่ว่าการอำเภอสักเที่ยวเถิด เชิญนายอำเภอกู่ท่านนั้นมาดื่มชา บอกเขาว่าข้ามีเรื่องจะปรึกษา หากเขาไม่มาก็มัดตัวเขามา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สำคัญอย่างยิ่งยวด เราจำเป็นต้องตัดสินใจโดยเร็ว”
“เจ้าค่ะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านแม่ ยังไม่มีวิธีติดต่อกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ?”
“ข้าส่งคนไปส่งจดหมายให้พี่ชายเจ้าแล้ว รอดูว่าทางเขาได้รับข่าวอะไรหรือไม่” มู่ซืออวี่เอ่ย “ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวหน่อย ยามออกไปข้างนอกก็พาคนไปเพิ่มอีกหลาย ๆ คน หากพบคนแปลกหน้า จะต้องตรวจสอบว่าเป็นผู้ใด”
“ท่านแม่วางใจเถอะ ข้าจะดูแลตนเอง เพียงแต่ เสี่ยวชิงเอ๋อร์ซุกซนเกินไป ระหว่างนี้ต้องหาอะไรให้นางทำ ไม่ต้องปล่อยให้นางออกไปไหนแล้ว”
มู่ซืออวี่นวดขมับตนเอง
น่าปวดหัวยิ่งนัก
นางมีลูกสี่คน คนที่เป็นปัญหาที่สุดนึกไม่ถึงว่าจะเป็นลูกสาวคนเล็กของนาง
นายอำเภอกู่ตามบ่าวรับใช้จวนลู่มา
มู่ซืออวี่เองก็ไม่ได้เกรงใจเขา เอ่ยถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ในทันที
นายอำเภอกู่พลันประหลาดใจ “เมืองฮู่เป่ยและเมืองถงหยางอยู่ห่างกันมากเพียงนี้ อีกทั้งยังมีเมืองอื่นกั้นกลาง ถึงแม้แม่ทัพชายแดนแห่งเมืองถงหยางคิดจะก่อกบฏ พวกเขาก็ต้องผ่านเมืองอื่น ๆ มาก่อน เดิมทีก็ไม่น่ามาถึงเมืองฮู่เป่ยได้แม้แต่น้อย”
“ท่านคิดว่าเมืองธรรมดา ๆ จะต้านทานกองทัพที่มีทหารสามแสนนายได้หรือไม่?”
“นี่…” นายอำเภอกู่ลังเลไปครู่หนึ่ง “ฮูหยินลู่ ข้าน้อยขออภัยที่ต้องกล่าวตามตรง อย่างไรเสีย ท่านก็เป็นสตรี เรื่องของทางการไม่ใช่หน้าที่ท่านที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว หากฝ่าบาทตำหนิลงมา ย่อมต้องเป็นหัวข้าน้อยที่ถูกบั่น เป็นบ้านของข้าน้อยที่ต้องถูกยึดทรัพย์ ในฐานะขุนนางในราชสำนัก ข้าน้อยทำได้เพียงฟังคำสั่งของขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้น หากไม่มีคำสั่งจากขุนนางที่ได้รับการแต่งตั้ง ข้าน้อยไม่อาจทำเรื่องอย่างการก่อกบฏนี้ได้”
“ฮูหยินผู้นี้เพียงแค่ขอให้ท่านเสริมการป้องกันกำแพงเมืองและการเฝ้าระวัง ไม่ได้ขอให้ท่านก่อกบฏ เหตุใดจึงกลายเป็นการก่อกบฏไปแล้วเล่า? หรือท่านชอบเห็นป้าย ‘เสมือนเรามาด้วยตนเอง’ ของลูกสาวข้าจึงจะยินยอมฟังคำพูดกัน?”
“การเสริมการป้องกันกำแพงเมืองก็เป็นเรื่องของราชสำนักเช่นกัน เรื่องนี้หากไม่มีคำสั่งลงมาจากเบื้องบนย่อมไม่อาจทำได้” นายอำเภอกู่เอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย
มู่ซืออวี่หัวเราะเบา ๆ
นายอำเภอกู่พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
เขามองมู่ซืออวี่อย่างหวาดระแวง “ฮูหยินลู่ แม้ว่าท่านจะเป็นฮูหยินของอัครมหาเสนาบดี ท่านก็เป็นเพียงสตรีเท่านั้น ไม่อาจเกี่ยวข้องกับงานราชการ ถึงแม้เรื่องนี้จะไปถึงเมืองหลวง เกรงว่าอัครมหาเสนาบดีลู่ก็ไม่อาจปกป้องท่านได้ ฮูหยินได้โปรดอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ในราชสำนักเลย มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อใต้เท้าลู่และทำลายทั้งสกุลลู่ได้”
“ท่านไม่ฟังข้าหรือ?”
“ข้าน้อยฟังแต่เบื้องบนเท่านั้น”
“ดี!” มู่ซืออวี่ดีดนิ้วหนึ่งที
ผู้คุ้มกันสองคนเข้ามาจากข้างนอก
“ใต้เท้ากู่ป่วยแล้ว” มู่ซืออวี่ยิ้มแย้ม “จัดเตรียมคนสักสองสามคนดูแลใต้เท้ากู่ให้ดี อย่าได้ปล่อยให้เขาต้องลม โรคนี้รักษาได้ง่ายยิ่ง แต่หากต้องลม อาการจะทรุดลงได้ทันที”
“ฮูหยินลู่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?!” นายอำเภอกู่ตื่นตกใจแล้ว
อย่างไรเสีย เขาก็อยู่ในวัยห้าสิบหกสิบแล้ว เมื่อเทียบจากอายุก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสของนาง ทว่าตอนนี้กลับถูกสตรีอายุน้อยวางกับดักจนดิ้นไม่หลุด นี่มันสมควรแล้วหรือ?
รอยยิ้มบนใบหน้ามู่ซืออวี่กว้างขึ้น “บางคนสุราคารวะไม่ยอมดื่มกลับจะดื่มสุรารับโทษ เช่นนั้นข้าจะช่วยเขาเอง ท่านวางใจเถิด หากฝ่าบาทจะตำหนิสกุลลู่ของข้า ข้าจะยอมรับผลที่ตามมา อย่างไรเสียก็ไม่ถึงขั้นบั่นศีรษะใต้เท้ากู่ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมการป้องกันกำแพงเมืองหรือจัดตั้งกลไกจัดการกับศัตรู สกุลลู่ยินดีออกเงินจำนวนนี้ อันที่จริงท่านควรซาบซึ้งใจ ทว่าท่านกลับลังเลหาข้ออ้าง ผู้ไม่รู้ยังจะคิดว่าท่านเป็นฝ่ายเดียวกับพวกกบฏ”
“ข้า… เจ้า… หญิงผู้นี้…” นายอำเภอกู่ต้องการจะกล่าวบางอย่าง แต่ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้าง ๆ กลับเอาดาบจ่อคอเขา จู่ ๆ ใต้เท้านายอำเภอก็ไม่กล้าเปิดปากขึ้นมา
มู่ซืออวี่สะบัดมือ ส่งสัญญาให้คนของนางพานายอำเภอกู่ออกไป
“ฮูหยิน นายอำเภอไม่เชื่อฟังเพียงนี้ จากนี้จะทำอย่างไรดี?”
“เช่นนั้นก็ดึงตัวผู้ที่เชื่อฟังมา”
“รองนายอำเภอค่อนข้างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีทีเดียวนะขอรับ”
“เช่นนั้น ให้เขารักษาการแทนนายอำเภอชั่วคราว”
เมืองถงหยางเกิดความเคลื่อนไหวแปลก ๆ ขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ได้เปิดเผย ทว่าด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของมู่ซืออวี่ที่มีต่อสถานการณ์ในตอนนี้ นางรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วมันย่อมปะทุออกมา
หากเรื่องในเมืองถงหยางไม่อาจปิดได้แล้ว นั่นย่อมเป็นตอนที่ทุกคนตกอยู่ในสภาวะคับขัน หากไม่พยายามหาวิธีการป้องกันใด ๆ รอกระทั่งจนถึงตอนนั้น เกรงว่าจะทำได้เพียงรอคอยความตายเท่านั้น
นายอำเภอไม่เชื่อฟัง ด้วยเหตุนี้รองนายอำเภอที่ชื่อเฝิงจิ้งผู้นั้นจึงเข้ารับเข้ารับตำแหน่งรักษาการนายอำเภอชั่วคราว ทำหน้าที่จัดการเรื่องภายในของเมืองฮู่เป่ยทั้งหมด เมื่อมู่ซืออวี่ยกเรื่องความผิดปกติในเมืองถงหยางขึ้นมา รองนายอำเภอก็แสดงท่าทีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“มีคนเพียงห้าพันคน อีกทั้งความสามารถในการรบของคนห้าพันคนนี้ยังอ่อนหัดเป็นอย่างมาก” มู่ซืออวี่เอ่ย “คนของข้าจะฝึกคนห้าพันคนนี้ให้ เน้นไปที่การฝึกฝนให้ความสามารถในการรบของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แน่นอนว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ หากต้องการแก้ไขที่ต้นตอ ยังต้องเพิ่มกำลังคน”
“ฮูหยินหมายถึง…”
“เสริมกองทัพ”
“ข้าฟังฮูหยิน”
“ท่านกลับมองขาดกว่านายอำเภอกู่อยู่มาก หรือท่านไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้ท่านเดือดร้อนไปด้วย?”
“ฮูหยิน หากแม่ทัพชายแดนเมืองถงหยางก่อกบฏจริง ๆ พวกเราเมืองฮู่เป่ยจะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นข้าย่อมไม่รอดชีวิตแล้ว หากเรื่องนี้เป็นเรื่องลวง ก็เป็นฮูหยินที่ต้องการกบฏ ข้าน้อยอยู่ภายใต้จมูกของท่าน ผู้ที่จะตายเป็นคนแรกคือข้า เช่นนั้นข้าทำได้เพียงเชื่อฟัง ซ้ายขวาล้วนต้องตาย ไม่สู้ฟังฮูหยิน เพราะหากท่านกบฏ ข้าก็จะต้องเป็นกบฏกับท่าน ไม่แน่ว่าอาจต้องเดินบนเส้นทางนองเลือดสายหนึ่ง แต่หากท่านจะจัดการกับกบฏ ข้าก็จะยังคงติดตามท่าน บางทีข้าอาจสร้างคุณงามความชอบใหญ่หลวงจนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้าก็ได้”
“สมองอย่างท่านได้เป็นเพียงรองนายอำเภอนับว่าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากเรื่องนี้สิ้นสุดลง ข้าจะแนะนำท่านให้ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะใช้ความสามารถของตนเองได้ดีกว่านี้”
“ขอบคุณฮูหยิน”
“ท่านติดประกาศรับทหารเพิ่มเถิด เรื่องนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ข้าอยากให้ท่านเพิ่มจำนวนทหารให้ได้มากที่สุด ยิ่งมากยิ่งดี” มู่ซืออวี่เอ่ย “กำแพงเมืองก็ต้องเสริมเช่นกัน ข้าต้องการกำลังคน ท่านต้องจ้างช่างฝีมือเพิ่มเพื่อจัดการเรื่องนี้ ข้าจะเขียนแบบให้กำแพงนี้กลายเป็นปราการเหล็ก ยังมีด่านของแต่ละหมู่บ้านอีก ข้าจะออกแบบตามลักษณะภูมิศาสตร์ของพวกเขา”
“ข้าฟังฮูหยิน”
“นอกจากนี้ ในเมืองต้องมีหน่วยสอดแนม ท่านส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวในเมืองเถิด หากพบคนที่น่าสงสัยให้จับกุมทันที ทรมานให้มันสารภาพออกมา ดูซิว่าจะเค้นอะไรออกมาได้หรือไม่”
“ขอรับ”