สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 763 มีเงินมากพอก็เป็นอันใช้ได้
บทที่ 763 มีเงินมากพอก็เป็นอันใช้ได้
บทที่ 763 มีเงินมากพอก็เป็นอันใช้ได้
“ทหาร มีคนลอบสังหาร!” หลีเซียงตะโกนออกไปด้านนอก
ทหารยามได้ยินเสียงก็รุดเข้ามาทันที
เมื่อขันทีน้อยเห็นว่าตนลอบสังหารไม่สำเร็จจึงยกมีดแทงเข้าไปที่อกของตน
นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ ดึงซ่างกวนจิ่นซิ่วถอยออกห่าง
ฉึก! กริชแทงเข้าไปอย่างแม่นยำ จากนั้นโลหิตสีแดงฉานก็ไหลออกมา หนึ่งชีวิตสิ้นลมหายใจลงตรงหน้าคนทั้งหมด
ทันใดนั้นเองทหารยามจึงกรูกันเข้ามา
“ข้าน้อยมาช่วยเหลือล่าช้า พระนางฮองเฮาโปรดอภัย”
“ผู้บัญชาการฟู่ ท่านไปดูหน่อยว่าเขาเป็นอย่างไรแล้ว” ซ่างกวนจิ่นซิ่วชี้ไปยังขันทีน้อยที่ฆ่าตัวตายเพราะหวาดกลัวความผิด
ผู้บัญชาการฟู่จับชีพจรของอีกฝ่ายแล้วเอ่ย “ฮองเฮา เขาตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ขันทีน้อยผู้นี้รับหน้าที่ทำความสะอาด ปกติเป็นคนซื่อสัตย์ เหตุใดวันนี้จึงได้กล้าหาญเพียงนี้?” หลีเซียงเอ่ย “ผู้บัญชาการฟู่ ท่านต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีเล่า หากเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง ฮองเฮาอาจไม่โชคดีเช่นนี้อีก”
“ข้าน้อยจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างอย่างแน่นอน”
ฟ่านหยวนซีทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ขณะที่เขากำลังจะพักผ่อนก็ได้ยินเสียงแหลม ๆ ของเฉินกงกงดังมาจากด้านนอก “ฮองเฮาถูกลอบสังหารอย่างนั้นหรือ?!”
เขาลุกขึ้นนั่ง มองเฉินกงกงที่ผลักประตูเข้ามา
“ฝ่าบาท…”
“นางไม่เป็นไรกระมัง?”
“ฝ่าบาทได้ยินแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เฉินกงกงเอ่ยอย่างประจบประแจง “บ่าวสมควรตายยิ่งนัก รบกวนฝ่าบาทแล้ว ฮองเฮาไม่เป็นไร นางกำนัลที่ปรนิบัติฮองเฮาเฉลียวฉลาดยิ่ง นางสังเกตความผิดปกติได้ทันการ ฮองเฮาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนขันทีที่ลอบสังหารฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดแล้ว ได้ยินผู้บัญชาการฟู่กล่าวว่า เขาเป็นข้ารับใช้ที่ทำงานอยู่ด้านนอกพระตำหนักของพระนาง ปกติไม่พบว่าผิดสังเกตอะไร ทว่าวันนี้กลับอุ้มแมวที่ฮองเฮาเลี้ยงเอาไว้เข้าไปในพระตำหนักแล้วลอบสังสารฮองเฮา โชคดีที่ทำไม่สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้บัญชาการฟู่ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”
“คนนั้นตายไปแล้ว ส่วนที่พักของเขาไม่มีสิ่งใดผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ ผู้บัญชาการฟู่ไต่สวนขุนนางเล็กที่พักที่เดียวกับเขา ทุกคนล้วนแต่เป็นข้ารับใช้ในวังหลวงทำงานอยู่สังกัดที่ต่างกันไป แต่กลับถามอะไรออกมาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ฟ่านหยวนซีสวมรองเท้า
เฉินกงกงรีบนำชุดลำลองมาให้เขา ก่อนจะช่วยสวมให้อย่างรวดเร็ว
เขาไม่รอช้าแต่เดินนำเฉินกงกงมุ่งหน้าไปยังพระตำหนักจิ่นซิ่วทันที
“ถวายบังคมฝ่าบาท…”
“ฝ่าบาทเสด็จ!”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วกำลังจะพักผ่อน ทว่าได้ยินเสียงพูดคุยอยู่ข้างนอกจึงกระเด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฝ่าบาท…”
“ทำตัวตามสบายเถิด”
“ฝ่าบาท ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ?”
ฟ่านหยวนซีมองหญิงสาว เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางดูปกติราวกับไม่ได้มีเรื่องเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเอ่ย “ข้าเหนื่อยแล้ว อยากมาพักผ่อน”
เฉินกงกงได้ยินดังนี้ก็เข้าใจทันที ขันทีมากประสบการณ์โบกมือให้นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ พาทุกคนถอยออกไป
ภายในห้องเหลือเพียงซ่างกวนจิ่นซิ่วและฟ่านหยวนซีสองคนเท่านั้น
ณ เมืองฮู่เป่ย มู่ซืออวี่ตรวจสมุดบัญชีแล้วคิดคำนวณ
ถึงแม้นางจะร่ำรวยเทียบเท่าได้กับอาณาจักรหนึ่ง ทว่าสิ่งที่นางกำลังจะทำเป็นงานใหญ่หลวง อีกทั้งยังต้องใช้เงินมหาศาล ในระยะเวลาสั้น ๆ สมุดบัญชีที่สุมกองพะเนินเป็นภูเขาก็ชวนให้ผู้มองปวดใจยิ่งนัก
เมื่อมีเรื่องก็ต้องทำให้สำเร็จ ทว่าจะทำโดยประหยัดกำลังคน ประหยัดแรง และเงินทุนได้อย่างไร?
นี่เป็นคำถามที่นางครุ่นคิดจนถึงดึกดื่นค่อนคืน
“ฮูหยิน พักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ!” ซางจือเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำอุ่น
“ซางจือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าปกติเครื่องมือเพาะปลูกกับมีดที่ถูกทิ้งเหล่านั้นนำไปทำอะไรต่อ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ส่วนใหญ่ช่างเหล็กจะนำพวกมันไปหลอมอีกครั้ง แล้วทำเป็นอย่างอื่นเจ้าค่ะ แน่นอนว่าบางส่วนถูกโยนทิ้ง โดยทั่วไปแล้ว ส่วนมากที่ถูกทิ้งล้วนกลับไปอยู่ในมือของช่างตีเหล็ก อย่างไรเสียเหล็กก็แพงมากเจ้าค่ะ”
“เรื่องครานี้ต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก พวกเราต้องหาวิธีนำของที่ถูกทิ้งเหล่านี้กลับมาใช้ นี่ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังสามารถประหยัดแรงงานได้อีกด้วย” มู่ซืออวี่เอ่ย “โดยเฉพาะเครื่องมือเพาะปลูกและที่มีดที่ถูกทิ้งเหล่านั้น พรุ่งนี้เจ้าส่งคนไปติดประกาศบอกว่าพวกเรารับซื้อ แน่นอนว่าหากมันถูกทิ้ง ราคาย่อมไม่สูงมากนัก”
“ฮูหกยิน ท่านรู้จักวัดอวิ๋นอิงหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่เคยได้ยิน”
“ท่านไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก วัดนั้นเป็นวัดเก่า เสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก หากนำระฆังเก่าที่ใหญ่มากของวัดนั้นกลับมาได้ เช่นนั้นก็จะสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างเชียวนะเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ที”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นฮูหยิน วันนี้ท่านพักผ่อนเถิดนะเจ้าคะ! ท่านเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ถึงแม้จะมีร่างกายแข็งแรง อย่างไรก็ต้องพักผ่อนใช่หรือไม่เจ้าคะ?” ซางจือรบเร้านางอีกครั้ง
มู่ซืออวี่ปิดสมุดบัญชี กำชับซางจืออีกสองสามคำจากนั้นจึงไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันถัดมา มู่ซืออวี่และคนของนางทำงานต่อไป ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้ามาพร้อมกับโจ๊กรังนก “ท่านแม่ ทานอาหารก่อนเถอะนะเจ้าคะ!”
“นี่เจ้าทำหรือ?” มู่ซืออวี่รับมาลองชิมดูหนึ่งคำ “รสชาติกลมกล่อม ยังเป็นลูกสาวที่เข้าใจความชอบของข้า แต่เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องทำด้วยตนเองกระมัง อากาศเริ่มเย็นแล้ว ทำให้ร่างกายตนเองอบอุ่นไว้ก่อนเถิด”
“ท่านแม่ ท่านยุ่งอยู่ทุกวัน ข้าก็อยากช่วยท่านเช่นกัน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านมอบหมายงานสักเรื่องให้ข้าช่วยจัดการเถิด!”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าพาพวกเขาไปตั้งด่านในหลาย ๆ หมู่บ้านเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ศัตรูอาจโจมตีได้ทุกเมื่อ เมืองมีกำแพงคอยป้องกัน แต่หมู่บ้านเหล่านั้นเล่า? เพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ข้าได้ออกแบบหลุมหลบภัยเอาไว้ ชาวบ้านจะได้ปกป้องตนเองและสู้กลับได้เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรู”
ที่มาของแรงบันดาลใจไม่ต้องเอ่ยถึง นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนในอาณาจักรรู้
หลังจากได้รับมอบหมายงานที่สำคัญเช่นนี้ ลู่จื่ออวิ๋นก็เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทันที นางเริ่มสำรวจตรวจตราไปยังหลาย ๆ หมู่บ้านพร้อมกับคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง
เพราะงานครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่ง ดังนั้นเพียงคนของสกุลลู่จึงมิอาจทำได้ วิธีที่ดีที่สุดคือส่งภาพแบบให้กับผู้รับผิดชอบของแต่ละหมู่บ้าน จากนั้นก็ให้คนในพื้นที่นำชาวบ้านสร้างเขตป้องกันภัยเสีย
“คุณหนู ท่านมาพอดี พวกเราพัฒนาวิธีเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งออกมาได้สำเร็จแล้วขอรับ!” หัวหน้าหมู่บ้านตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “นี่เป็นข่าวดีจริง ๆ ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น หัวหน้าหมู่บ้าน ครั้งนี้ข้ามาที่นี่มีเรื่องที่สำคัญกว่ามอบหมายให้ท่านทำ”
หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่จื่ออวิ๋นก็บอกที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด
หัวหน้าหมู่บ้านตื่นกลัวเป็นอย่างมาก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ดังนั้น พวกเราอาจต้องร่วมรบหรือขอรับ?”
“หัวหน้าหมู่บ้าน เมืองฮู่เป่ยมีทหารเพียงห้าพันนายเท่านั้น อีกฝ่ายมีไพร่พลถึงแสนนาย หากเรามีเพียงทหารป้องกันเล็กน้อย คงได้แต่รอคอยความตายเท่านั้น ทว่ามารดาข้าได้คิดหาทางออกแล้ว ขอเพียงครั้งนี้พวกเราสร้างห้องหลบภัยใต้ดิน ก็สามารถหลบซ่อนอยู่ข้างล่าง ปกป้องชีวิตตนเองในยามคับขันได้ กล่าวอีกอย่างคือ ถึงแม้พวกเราจะโชคดีมากพอ ไม่ได้พบคนเหล่านั้น แต่หากมีโจรบุกมาก็ยังพอมีทางรักษาชีวิตตนเองไว้ได้”
“พวกเราเชื่อฮูหยิน พวกเรายินดีให้ความร่วมมือ”
ลู่จื่ออวิ๋นแยกจากหัวหน้าหมู่บ้าน ทันทีที่ออกมาก็พบชายหนุ่มชื่อหลี่กู่หยวนผู้นั้น
“ข้าพบวิธีเลี้ยงไหมน้ำแข็งให้ท่านได้แล้ว” หลี่กู่หย่วนเอ่ย “ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังกระมัง?”
“อืม แล้วอย่างไร?”
“เรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่และน่าสนใจยิ่งกว่า ให้ข้ารั้งอยู่ทำงานข้างกายท่านได้หรือไม่? ขอเพียงท่านมีเงินมากพอ ข้าย่อมมีประโยชน์ไม่น้อย” หลี่กู่หยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม