สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 769 จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ส่งให้หรือไม่
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 769 จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ส่งให้หรือไม่
บทที่ 769 จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ส่งให้หรือไม่
บทที่ 769 จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ที่ส่งให้หรือไม่
โจวเสียงเฟยจวนจะระเบิดอยู่รอมร่อ
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังต้องใช้คน เขาคงจะลากขยะเหล่านี้ออกไปสับเป็นชิ้น ๆ แล้ว
“รวมพลประเดี๋ยวนี้!” โจวเสียงเฟยตะโกนก้อง
“ใต้เท้า ตอนนี้ท่านจะโจมตีเมืองฮู่เป่ยหรือขอรับ?”
“โจมตีอะไร? ข้าเพียงแค่อยากสร้างสีสันให้พวกมันเสียหน่อยก็เท่านั้น” โจวเสียงเฟยเอ่ยอย่างเย็นชา “พวกมันสามารถหดหัวอยู่ในกระดองได้ ทว่าคนชั้นต่ำที่อยู่นอกเมืองเหล่านั้นไม่มีประตูเมืองคอยปกป้อง บอกลูกน้องของเจ้าให้โจมตีหมู่บ้าน สตรีถือว่าเป็นของรางวัลแก่พวกเขา ส่วนบุรุษฆ่าทิ้งให้หมด ข้าอยากรู้นักว่าพวกที่หดหัวเป็นเต่าอยู่ในเมืองฮู่เป่ยเหล่านั้นจะนั่งนิ่งมองดูอยู่เฉย ๆ ได้หรือไม่?!”
เมืองฮู่เป่ย
มู่ซืออวี่มองหลี่กู่หยวนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น
“เจ้าคุกเข่าทำอะไรอยู่ที่นี่?” นางถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“อาจารย์ ข้าตัดสินใจเองโดยพลการ ฝ่าฝืนกฎทหาร สมควรถูกลงโทษขอรับ” สีหน้าของหลี่กู่หยวนเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
“เจ้ารู้ความผิดแล้วหรือ?”
“ข้ารู้ความผิดแล้วขอรับ” หลี่กู่หยวนเอ่ย “อาจารย์ ข้าคิดเช่นนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายอาศัยอาวุธที่ระเบิดได้เพื่อครองความได้เปรียบ เช่นนั้น ข้าก็จะให้เขาได้รับผลของการกระทำของตนเอง ดูซิว่าพวกเขายังจะรังแกเราได้อย่างไร”
“เจ้าทำอะไร?”
“ข้าเพียงใช้ของของพวกเขาระเบิดค่ายกบฏ แน่นอนว่าพวกเราคนน้อยเกินไปจึงไม่ได้ทักทายพวกศัตรูทีละคน นี่น่าเสียดายอยู่บ้าง ทว่าข้าได้ระเบิดเสบียงและฟางม้าของพวกเขาแล้ว ทั้งยังระเบิดตัวยาในคลังเก็บของของพวกเขาด้วย…”
ขาดเสบียง ขาดยา เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนสวรรค์ลงมากเกิด ที่เหลือล้วนขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะยื้ออยู่ได้นานเพียงใดแล้ว
ลู่ซวิ่นเดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วเอ่ยว่า “สายของเราส่งข่าวกลับมาว่า พวกกบฏเริ่มโจมตีหมู่บ้านข้างเคียงแล้วขอรับ”
“อาจารย์ ท่านคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว!” หลี่กู่หยวนลุกพรวดพราดขึ้นมา
“ผู้ใดให้เจ้าลุกขึ้น?” มู่ซืออวี่ปรายตามองชายหนุ่ม
หลี่กู่หยวนคุกเข่าลงอย่างว่าง่ายอีกครั้ง
“เจ้าทำความผิด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่ทุกคน ข้าไม่อาจไม่ลงโทษเจ้า” มู่ซืออวี่เอ่ย “วันนี้เจ้าตามพวกเขาไปเฝ้าประตูเมืองเถอะ!”
“อาจารย์ ท่านลงโทษข้าเพียงเพื่อเป็นตัวอย่าง ทว่าอันที่จริงแล้วท่านเห็นด้วยกับการกระทำของข้าใช่หรือไม่?” หลี่กู่หยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าผิดที่ทำตัวหุนหันพลันแล่นไม่ยอมปรึกษาล่วงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าไม่คิดถึงผู้อื่นก็ต้องคิดถึงมารดาของเจ้าบ้าง ใช่ เจ้าพอฉลาดอยู่บ้าง ทว่าทุกอย่างล้วนเกิดข้อผิดพลาดได้ หากผิดพลาดอะไรขึ้นมา เจ้าจะให้มารดาเจ้าทำอย่างไร?”
“ข้าเชื่อว่าอาจารย์จะไม่ทิ้งนางไว้เพียงลำพัง” หลี่กู่หยวนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์แตกต่างจากผู้อื่นที่ข้าเคยพบก่อนหน้าหน้านี้ ถึงแม้ท่านจะเป็นสตรี ทว่าท่านกลับมีความเด็ดขาดและมีจิตใจที่เสียสละเยี่ยงบุรุษ ข้าเป็นศิษย์ของท่าน ท่านย่อมไม่มีทางละเลยเรื่องของข้าอย่างแน่นอน”
“อย่าได้คิดว่าเจ้าเอ่ยคำป้อยอเพียงสองสามคำแล้วข้าจะละเว้นโทษ”
“ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้” หลี่กู่หยวนกล่าวว่าจะไปประเดี๋ยวนี้ แต่เขากลับยืนฟังเรื่องที่เกิดต่อจากนั้นอย่างหน้าซื่อตาใส
มู่ซืออวี่มองเขาออกทะลุปรุโปร่ง จึงยิ้มบาง ๆ “อยากให้ข้าจัดคนแบกเจ้าไปส่งหรือไม่?”
หากคิดจะแอบฟัง ที่นี่ไม่มีประตู
แม้นางจะไม่ได้ลงโทษหลี่กู่หยวนรุนแรงแต่ก็ยังต้องสอนบทเรียนให้แก่เขา เขาอยากรู้เรื่องที่เกิดต่อจากนั้นหรือ? เช่นนั้น นางจะไม่ให้เขารู้และปล่อยให้รู้สึกกระวนกระวายใจต่อไป
“ไม่ต้องแล้ว อาจารย์… ข้าจะไปที่นั่นประเดี๋ยวนี้” หลี่กู่หยวนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่อนุญาตให้เขาเข้าร่วมแผนการชั่วคราว
นี่แย่ยิ่งกว่าลงโทษเขาเสียอีก
หลังจากหลี่กู่หยวนออกไปแล้ว ลู่ซวิ่นยังคงรายงานเรื่องนี้ต่อไป
“โชคดีที่เราจัดกำลังคนประจำการที่หมู่บ้านไว้ล่วงหน้า มีคนราว ๆ สองร้อยคนในแต่ละหมู่บ้าน ไม่ใช่เพื่อต่อสู้ แต่เพื่อพาชาวบ้านไปซ่อนตัว หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพวกเขาสังหาร”
“ผู้ใดบอกว่าข้าให้พวกเขารั้งอยู่เพื่อพาชาวบ้านไปหลบซ่อน?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ทัพกบฏแล้วต่างหาก”
“ฮูหยินได้เตรียมการอย่างอื่นไว้หรือขอรับ?”
“ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”
ทัพกบฏได้รับของขวัญจากมู่ซืออวี่ในไม่ช้า
กบฏเหล่านั้นบุกเข้าไปในหมู่บ้านด้วยความฮึกเหิม แต่พวกเขากลับพบว่าทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีแม้กระทั่งเงาของมนุษย์… ไม่ ไม่ใช่เพียงแค่เงาของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเงาของสัตว์ด้วย
ทั่วทั้งหมู่บ้านว่างเปล่า
ไม่มีเสบียง ไม่มีหญิงงาม ไม่มีแม้กระทั่งสัตว์ปีกให้พวกเขาวางยาพิษ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“หรือว่าชาวบ้านทั้งหมดล้วนไปซ่อนตัวในเมืองฮู่เป่ยแล้ว?”
“ไม่มีทาง! หากคนทั้งหมดไปซ่อนตัวอยู่ในเมือง จะจัดที่ทางให้พวกเขาอย่างไร? นี่ไม่ใช่คนเพียงไม่กี่พัน หากแต่เป็นคนนับหมื่น หรือแม้กระทั่งนับแสน”
“เช่นนั้นพวกเขาไปหลบซ่อนตัวอยู่บนเขาหรือ?”
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ค้นให้ทั่วหมู่บ้านก่อนเถิด นำของทุกอย่างที่กินได้และใช้ประโยชน์ได้ออกมา เสบียงและหญ้าฟางของเราถูกระเบิดทิ้งหมดแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องปล้นเสบียงมาเติมเต็มท้อง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะต้องได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้ด้วย”
กลุ่มกบฏตรวจค้นทั่วหมู่บ้าน ไม่ช้าก็หาเสบียงออกมาได้
เพียงแต่ อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ไม่แม้แต่จะพอยาไส้พวกเขา
พวกเขาหิวแล้ว!
“หัวหน้าร้อยครัวเรือน*[1] เราจะทำอย่างไรดี?”
“ทุกคนหิวแล้วกระมัง? ใต้เท้ากล่าวว่า เสบียงและฟางม้าของพวกเราถูกคนเมืองฮู่เป่ยที่น่ารังเกียจนั่นระเบิดแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็จะกินอาหารพวกมัน ดื่มน้ำพวกมัน ปล้นพวกมัน ตอนนี้พวกเราไปทำอาหารทานให้อิ่มหนำสำราญกันก่อนเถอะ!”
แต่ละหมู่บ้านล้วนมีควันจากการทำอาหารลอยโขมงขึ้นมา
พวกกบฏก่นด่าชาวบ้านว่าขนข้าวของไปหมดแล้วจึงไม่มีอะไรเหลือไว้มากนัก ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือชาวบ้านไม่ได้ไปไกล เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดิน
ตุ้บ!
พวกกบฏล้มลงคนแล้วคนเล่า
“ในน้ำ… มีพิษ”
ที่ชั้นใต้ดิน ผู้คนต่างพากันดีอกดีใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอก
“ดูเหมือนจะสำเร็จแล้ว”
“ข้าจะขึ้นไปดูก่อน” เด็กหนุ่มเฉลียวฉลาดผู้หนึ่งย่องออกไปจากชั้นใต้ดิน เมื่อเห็นพวกกบฏนอนระเนระนาดอยู่บนพื้นจึงไปแจ้งชาวบ้านคนอื่น ๆ ทันที
เมื่อชาวบ้านออกมาจากชั้นใต้ดินและเห็นความยุ่งเหยิงที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น พวกเขาก็ยิ่งเกลียดชังกบฏเหล่านี้
เมื่อครู่พวกเขาล้วนได้ยินหมดแล้ว กบฏเหล่านี้ไม่เพียงคิดจะปล้นสิ่งของ แต่ยังคิดจะย่ำยีสตรีในหมู่บ้านด้วย
เพียงพวกเขาคิดว่าเกือบถูกเดรัจฉานเหล่านี้ฆ่า พวกเขาก็ไม่นึกเสียดาย ไม่คิดจะปรานีเหล่ากบฏ
“ฮูหยินบอกแล้วว่าป้ายประจำตัวของกบฏแต่ละคนมีค่าหนึ่งแต้ม เมื่อสงครามครั้งนี้จบลงแล้ว ทุกคนจะได้รับรางวัลตามจำนวนป้ายพวกนี้”
ยาพิษที่ใช้กับพวกกบฏเป็นเพียงยากล่อมประสาท อย่างไรเสีย หากต้องฆ่าคนมากมายเพียงนั้น พวกเขาย่อมหายาพิษจำนวนมากมาไม่ทันจึงวางยากล่อมประสาทแทน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อพวกกบฏขยับไม่ได้แล้วย่อมจัดการได้อย่างง่ายดาย
เรื่องเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นในหลาย ๆ หมู่บ้าน เพียงแต่หัวหน้ากบฏบางคนค่อนข้างระมัดระวัง ไม่ได้แตะต้องอาหารในหมู่บ้าน ดังนั้นลูกไม้นี้จึงไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา
พวกเขาค้นหาทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่ได้พบอะไรมากนัก
“ใต้เท้า ที่นี่ดูกลวง ๆ นะขอรับ” ทหารผู้หนึ่งเอ่ยกับหัวหน้า
หัวหน้าเคาะลงบนพื้น แววตาของเขาสว่างวาบ “มิน่าเล่าข้าถึงหาพวกมันไม่เจอ ที่แท้ล้วนแต่เป็นหนูท่อนี่เอง พี่น้องทั้งหลาย ขุดดินลงไปสามฉื่อแล้วนำพวกตัวพวกมันออกมา”
ทหารค้นพบชั้นใต้ดิน จึงเริ่มขุดที่นั่นทันที ผลที่ได้คือพื้นดินในหมู่บ้านถูกขุดจนกลายเป็นรูพรุน
“เราพบปากทางแล้ว” ทหารผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
“หึ ๆ ดูซิว่าพวกมันจะหนีไปที่ใดได้” หัวหน้ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก จึงสั่งให้ทหารสองสามนายลงไปตรวจดู
“ใต้เท้า เป็นที่นี่แน่แล้ว เพียงแต่อุโมงค์มีหลายทางเกินไป ไม่รู้ว่าจะไปทางใดขอรับ!”
[1] หัวหน้าร้อยครัวเรือน คือชื่อตำแหน่งขุนนางทหาร มีทหารหนึ่งร้อยครัวเรือนอยู่ภายใต้สังกัด