สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 775 ขโมยแบบของนางไปใช้
บทที่ 775 ขโมยแบบของนางไปใช้
บทที่ 775 ขโมยแบบของนางไปใช้
เมื่อได้ยินลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยดังนั้น มู่ซืออวี่จึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
นางเคยทำนกจักรกลขึ้นมาก่อนจริง ๆ
“จะมีเรื่องบังเอิญเพียงนี้ได้อย่างไร?”
“ฮูหยิน ใต้หล้านี้มีเรื่องบังเอิญเพียงนี้ที่ใดกัน?” ลู่ซวิ่นเอ่ย “หลายปีที่ผ่านมา ท่านออกแบบสิ่งต่าง ๆ มากมาย หากของเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือผู้มีจิตคิดร้าย ย่อมเป็นไปได้ว่าจะถูกนำไปใช้ก่อความวุ่นวายนะขอรับ”
“ทั้งหมดมีกี่มากน้อย?”
“มีอย่างเดียวกันนี้ห้าตัวขอรับ”
“ดูจากการออกแบบแล้ว ตัวหนึ่งสามารถรับน้ำหนักได้สามคน หากมีนกแบบเดียวกันห้าตัว แสดงว่ามีคนเข้ามาในเมืองฮู่เป่ยเราสิบห้าคน ตอนนี้จับกุมได้เพียงห้าคน นั่นหมายความว่ายังมีอีกสิบคนอยู่ที่นี่”
“ข้าน้อยจะค้นหาให้ทั่วทั้งเมืองขอรับ!”
“ติดประกาศให้ราษฎรระวังพวกกบฏที่ลอบเข้ามาด้วย”
อย่าได้ดูถูกพลังของชาวบ้าน พวกเขาเป็นดั่งตาข่ายล่องหน ขอเพียงตาข่ายเหนียวแน่นมากพอ แขกไม่ได้รับเชิญย่อมยากที่จะโบยบินหนี
เจ้าหน้าที่ทางการได้ติดประกาศออกไป
ชาวบ้านที่พอรู้หนังสืออ่านเนื้อหาในประกาศออกมา
เมื่อชาวบ้านได้ยินว่ามีพวกกบฏอยู่ในหมู่พวกตน แต่ละคนล้วนตกอกตกใจ
“เมื่อคืนมีคนลอบสังหารฮูหยินลู่ โชคดีที่ทุกคนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงรุดออกไปปกป้องนาง ไม่เช่นนั้นเมืองฮู่เป่ยเราคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
“ยังมีอีกสิบคนอยู่ในเมืองฮู่เป่ย พวกเขากำลังรอโอกาสทำร้ายฮูหยิน ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาและหาคนพวกนั้นออกมา ทว่า ประกาศระบุไว้ว่า คนพวกนั้นเป็นมือสังหาร ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ทุกคนจะต้องระวังตัวให้มาก”
กบฏสิบคนที่อยู่ในเงามืดเฝ้ามองความเป็นไปในเมืองฮู่เป่ย หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “นกจักรกลตกอยู่ในมือพวกเขา พวกเราไม่มีโอกาสใช้นกจักรกลหนีได้แล้ว ทำได้เพียงรั้งอยู่ในเมืองฮู่เป่ยทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ฟังให้ดี จวนสกุลลู่มีกลไกมากมาย พวกเราไม่อาจไปลงมือที่บ้านสกุลลู่ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเข้าไปติดกับดัก ดูจากสถานการณ์เมื่อวานนี้ พวกเราไม่อาจลงมือบนท้องถนนได้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ใช่ฝ่ายได้เปรียบ”
“กับกำแพงเมืองก็ไม่อาจลงมือได้ ที่นั่นมีการคุ้มกันแน่นหนา ศาลาว่าการก็ไม่ได้ความเช่นกัน คนของที่นั่นมีอยู่ไม่น้อย”
“ลูกพี่ ท่านพูดมามากมายเพียงนี้ เช่นนั้น เราจะยังมีโอกาสลงมือหรือ? ในเมื่อฮูหยินลู่ผู้นั้นน่ากลัว ไม่สู้หาที่หลบซ่อน รอให้สงครามสิ้นสุดลงแล้วค่อยออกไปเล่า”
“พวกเรารับภารกิจมาแล้วต้องทำให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นแม้นสงครามจะสิ้นสุดลงแล้วเราก็ไม่รอด ถึงแม้โอกาสลงมือจะไม่มากนัก แต่ตราบใดที่เราคอยตามนาง ย่อมต้องหาโอกาสลงมือได้ ขอเพียงฮูหยินลู่ตาย เมืองฮู่เป่ยย่อมเป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่ช้าก็จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง”
“ลูกพี่ ข้ามีวิธีหนึ่ง” มือสังหารที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “หากทางฮูหยินลู่ลงมือไม่ง่าย แต่ทางลูกสาวนางไม่มีคนมากมายเพียงนั้นคอยปกป้อง เหตุใดพวกเราไม่จับลูกสาวของนางมาก่อนเล่า?”
“วิธีนี้เข้าท่า!”
วิธีนี้เข้าท่าหรือ?
เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้
หนึ่งชั่วยามให้หลัง มือสังหารสิบคนขวางทางลู่จื่ออวิ๋นอยู่ในตรอกขณะที่นางกำลังจะออกไปข้างนอก
พวกกบฏคิดว่าตนเห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะ แต่จากนั้นผู้คุ้มกันลับฝีมือล้ำเลิศหลายสิบคนก็ล้อมพวกเขาเอาไว้ได้ทันที
“ท่านแม่ข้าบอกว่าข้าเป็นเป้าเคลื่อนที่ พวกเจ้าสังหารนางไม่ได้ บางทีอาจเปลี่ยนเป้าหมายมาโจมตีข้า นึกไม่ถึงว่าท่านแม่จะพูดถูกอีกแล้ว ท่านแม่ข้าเก่งกาจที่สุดในหมู่สตรีแล้วกระมัง?”
ประโยคสุดท้ายนางเอ่ยกับลู่ซวิ่นที่อยู่ข้าง ๆ
ลู่ซวิ่นแสดงสีหน้าเห็นด้วยอย่างถึงที่สุดออกมา
มู่ซืออวี่คำนวณความเคลื่อนไหวของศัตรูล่วงหน้า และสั่งให้พวกเขาจดจ่อกับการคุ้มกันลู่จื่ออวิ๋น อย่างไรเสียลู่ฉาวจิ่งและลู่จื่อชิงก็ถูกนางสั่งให้อยู่แต่ในจวนแล้ว แทบไม่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอก ลู่จื่ออวิ๋นทำงานให้มารดา เดินทางไปมาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนตลอดทั้งวัน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นเป้าเคลื่อนที่จึงมีถึงเก้าส่วน แน่นอนว่ายังมีถงซื่อและท่านหมอจูซึ่งเป็นคนที่มู่ซืออวี่ห่วงใยด้วย พวกเขาอาจตกเป็นเป้าหมายได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีคนคอยดูแลเช่นกัน
มือสังหารถูกจับแล้ว จากนี้จึงเป็นหน้าหน้าที่ของลู่ซวิ่นในการทรมานพวกเขา
“ท่านแม่ ศิษย์พี่อยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม “ข้าไม่พบเขามาหลายวันแล้ว”
“เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ” มู่ซืออวี่เอ่ย
ฉานอีและซางจือเดินเข้ามา
“ฮูหยิน พี่หญิงน้องหญิงที่อยู่ในความดูแลของเราเริ่มไม่พอใจแล้วเจ้าค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“พวกเขาอยากรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาฝึกฝนในช่วงที่ผ่านมานี้มีประโยชน์หรือไม่ ทว่ากลับไม่เคยได้โอกาส มีเพียงหน่วยรบแนวหน้าเท่านั้นที่ได้ออกรบ ทหารหญิงของพวกเราเองก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกันนะเจ้าคะ”
ซางจือพยักหน้าอยู่ข้าง ๆ
“ต้องการประสบความสำเร็จนั้นไม่ง่ายดาย ไว้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง”
ครึ่งชั่วยามต่อมา นกจักรกลห้าตัวก็บินออกจากเมืองฮู่เป่ย
ชาวบ้านเห็นนกยักษ์ห้าตัวบินอยู่บนท้องฟ้า รอจนกระทั่งนกเหล่านั้นบินไปลับตาแล้ว พวกเขาจึงหันกลับมา
“ได้ยินว่าคราวนี้เป็นทหารหญิงที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ ภรรยาข้าก็เป็นหนึ่งในทหารหญิงเช่นกัน ไม่รู้ว่านางได้เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้หรือไม่”
“สตรีทุกวันนี้ไม่ธรรมดาเลย ข้าขาไม่ดี เคลื่อนไหวมากไม่ได้ แต่ภรรยาข้ากลับบอกว่า นางเองก็สามารถเข้าสู่สนามรบฆ่าฟันศัตรูได้เช่นกัน” บุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “ซิ่วไฉนิสัยแย่เหล่านั้นกล่าวว่า สตรีควรประพฤติตนแบบสามคล้อยตามสี่คุณธรรมอะไรนั่น ถุย! หากเชื่อฟังบุรุษไปเสียทุกอย่าง สตรีจะยังมีคุณค่าอะไร? ข้าถูกใจสตรีเช่นนี้มากกว่า”
…
ณ ค่ายกบฏ เซียวหลีจ้องมองโจวเสียงเฟยที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เจ้าไม่เพียงแต่ใช้นกจักรกลของข้า แต่ยังให้มือสังหารไปลอบฆ่ามู่ซืออวี่ด้วยหรือ?”
“นายท่าน หากมู่ซืออวี่ไม่ตาย พวกเราจะไม่มีโอกาสชนะ มีเพียงฆ่ามู่ซืออวี่แล้ว พวกเราถึงจะชนะได้โดยไม่ต้องต่อสู้”
“ข้อเท็จจริงที่ง่ายดายเช่นนี้ ข้ายังต้องให้เจ้ามาสั่งสอนหรือไร?!” เซียวหลีเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ทางที่ดีเจ้าควรภาวนาให้มู่ซืออวี่ยังมีชีวิต ไม่เช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าได้ตายอย่างอนาถ”
“นายท่านปกป้องนางเพียงนี้ หรือพึงใจสตรีผู้นั้นแล้ว? คงไม่ได้ลืมสิ่งที่พวกเราทำเพื่อท่านตลอดหลายปีมานี้แล้วกระมัง? หากนายท่านต้องการสตรีเพียงผู้เดียว เหตุใดต้องให้พวกเราเสี่ยงถูกบั่นหัวเพราะก่อกบฏด้วยเล่า?”
“นับตั้งแต่คดีลวงคน นางมักจะชนะข้ามาโดยตลอด ผ่านมาหลายปีเพียงนี้ ข้าวางหลุมพรางต่อนางหลายครั้งหลายครา นางก็มักจะรอดพ้นความคิดอ่านของข้าไปอย่างง่ายดายเสมอ สตรีผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก จะปล่อยให้ตายไปอย่างนี้ได้อย่างไรเล่า?!” เซียวหลีเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “นอกจากนี้ นางยังเป็นสตรีมากความสามารถผู้หนึ่ง”
เสียงเอะอะวุ่นวายดังแว่วมาจากข้างนอก
“เกิดอะไรขึ้น?!” รองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนออกไป
ทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงานเซียวหลี “นายท่าน นกจักรกลของเรากลับมาแล้ว แต่ผู้ที่อยู่บนนั้นไม่เพียงไม่ยอมลงมา พวกนางขว้างห่ออากาศพิษใส่พวกเราห่อแล้วห่อเล่า ตอนนี้มีผู้ถูกพิษเป็นจำนวนมากขอรับ!”
เซียวหลีเดินออกไปจากกระโจม
ห่ออากาศพิษที่คนบนนกจักรกลขว้างลงมาทำจากหญ้าพิษ หลังจากเผาหญ้าพิษแล้วขว้างมันลงมา จะเกิดหมอกพิษไปทั่วบริเวณ เป็นผลให้ผู้ที่กลั้นหายใจไม่ทันสูดพิษเข้าไปเต็ม ๆ
คราแรกไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น กว่าพวกเขาจะพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ หมอกพิษก็ลอยฟุ้งไปทั่วแล้ว
“นำธนูกับลูกธนูมาให้ข้า!” เซียวหลีเอ่ยอย่างเย็นชา
รองแม่ทัพรีบนำธนูกับลูกธนูมาให้
เซียวหลีง้างคันศร เพ่งเล็งไปทางนกจักรกล
“หนีไปแล้ว!” รองแม่ทัพด้านข้างเอ่ยด้วยความโมโห “ช่างเป็นคนชั่วที่น่ารังเกียจจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะหนีไปอย่างนี้”
เซียวหลีขว้างธนูและลูกธนูทิ้ง เอ่ยสั่งว่า “ไปตรวจดูว่ามีคนถูกพิษกี่มากน้อย”
หมอทหารเข้ามาตรวจดูสถานการณ์ตรงหน้าแล้วรายงาน “นายท่านวางใจ พิษเหล่านี้เป็นเพียงพิษธรรมดาทั่วไป นอกจากทำให้คนไร้กำลังก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตขอรับ”