สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 780 สหายคู่ทุกข์คู่ยาก
บทที่ 780 สหายคู่ทุกข์คู่ยาก
บทที่ 780 สหายคู่ทุกข์คู่ยาก
เมื่อมู่ซืออวี่มาถึงประตูจวนลู่ ลู่อี้ยังกลับมาไม่ถึง
นางไม่ได้เข้าไปในบ้าน หากแต่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู รอคอยการกลับมาของเขา
หลี่กู่หยวนควบม้าตามหลังนางมา เมื่อเห็นสีหน้ากระวนกระวายของมู่ซืออวี่ เขาจึงแนะนำว่า “อาจารย์ นายท่านเข้าเมืองมาแล้ว ไม่นานก็จะได้พบเขา ท่านไม่จำเป็นต้องใจร้อนเพียงนี้กระมัง!”
“เจ้าเด็กเหม็นโฉ่ เจ้าตามมาเพื่อหัวเราะเยาะข้าหรือ?” มู่ซืออวี่รู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อถูกลูกศิษย์กระเซ้าเช่นนี้
คนวัยสามสิบในยุคปัจจุบันอาจไม่ทันได้แต่งงานและเป็นโสด นางจึงไม่ได้รู้สึกว่าตนที่อยู่ในวัยสามสิบแก่มากนัก ทว่ายังคงซึมซับความรู้สึกจากการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมที่นี่มาหลายปี
ด้วยวัยขนาดนี้ นางควรเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่น ทว่าทั้งที่อยู่ต่อหน้าลูกศิษย์ นางยังทำตัวเช่นหญิงสาวที่รอคนในดวงใจกลับมา ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
แน่นอนว่าหลี่กู่หยวนไม่ได้ตามมาเพื่อหัวเราะเยาะอาจารย์ เพียงแต่เขากังวลว่าหากนางตื่นเต้นจนทำให้ม้าตื่นตกใจระหว่างทาง ถึงได้ตามนางมาเพื่อคอยดูแล
“มาแล้ว” หลี่กู่หยวนเห็นกลุ่มคน อีกทั้งยังหาลู่ฉาวอวี่ท่ามกลางคนในกลุ่มนั้นพบทันที อย่างไรเสียใต้เท้าลู่น้อยที่เย่อหยิ่งเย็นชาผู้นี้ก็โดดเด่นจากผู้อื่นเหลือเกิน
เมื่อลู่ฉาวอวี่เห็นหลี่กู่หยวนก็แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา
คนผู้นี้ เหตุใดถึงได้ตามติดมารดาเขาทั้งวี่ทั้งวัน?
เขาเป็นลูกศิษย์ ไม่ใช่ลูกชาย แต่ทำราวกับว่าตนเป็นลูกชายแท้ ๆ
แม่ทัพซูเซิ่งนำคนมาไม่น้อย ภายในเมืองฮู่เป่ยมีทหารมากมายอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้ให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาในเมือง เพียงแต่หาที่โล่งกว้างตั้งค่ายอยู่ด้านนอก
ลู่ฉาวอวี่เดินนำอยู่ข้างหน้าโดยมีผู้ติดตามไม่กี่คน ท่ามกลางคนบนหลังม้าเหล่านั้นไร้เงาลู่อี้ เขาคงอยู่ในรถม้าด้านหลัง
ในตอนนี้เอง ภายในใจของมู่ซืออวี่ก็เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
หากลู่อี้ขี่ม้าได้ เขาย่อมไม่นั่งในรถม้า ตอนนี้เขาไม่ได้ขี่ม้า เช่นนั้นก็ต้องอยู่ในรถม้า นั่นหมายความว่าเขาอาจป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ
ลู่ฉาวอวี่ลงมาจากหลังม้า “ท่านแม่ ท่านพ่อกลับมาแล้ว”
มู่ซืออวี่พยักหน้าแล้วหันไปมองรถม้าด้านหลัง
รถม้าหยุดลง มือข้างหนึ่งเอื้อมออกมาจากข้างใน
ใบหน้าซูบผอมของลู่อี้เผยออกมาเบื้องหน้ามู่ซืออวี่
นางมองเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วส่งมือออกไปให้
ลู่อี้จับมือนางแล้วค่อย ๆ ลงมาจากรถม้า
ขาของเขา…
มู่ซืออวี่ได้เห็นแล้วว่าสามีได้รับบาดเจ็บ
“ให้คนสักสองสามคนแบกใต้เท้าฉีเข้าไปข้างใน” ลู่อี้บอกลู่ฉาวอวี่
“ใต้เท้าฉีเป็นอะไรหรือ?”
“เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หมดสติมาโดยตลอด” ลู่อี้เอ่ย “ข้างนอกไม่มีที่ให้พักฟื้น ข้าทำได้เพียงพาเขากลับมา”
ผู้คุ้มกันช่วยกันแบกฉีเซียวออกมา
เมื่อเห็นสภาพของฉีเซียว มู่ซืออวี่รีบยกมือปิดปากตนเอง “เหตุใดถึงบาดเจ็บสาหัสเพียงนี้”
หากลู่อี้ดูซูบผอม เช่นนั้นฉีเซียวก็ดูซีดเผือด ราวกับถูกดูดลมหายใจออกไปจนเหือดแห้ง
“รีบไปเชิญท่านหมอจูมาประเดี๋ยวนี้!”
ท่านหมอจูรีบรุดมาตรวจดูอาการของฉีเซียวแล้วเอ่ยว่า “ใต้เท้าท่านนี้ถูกพิษ อีกทั้งยังเป็นพิษประหลาด ถูกหรือไม่?”
“ไม่ผิด” ลู่อี้เอ่ย “ข้าพยายามหายามาถอนพิษแล้ว แต่ถึงแม้จะถอนพิษได้ ทว่าร่างกายของเขากลับเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้น…”
“สถานการณ์เช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้เพียงจัดยาเพื่อค่อย ๆ ปรับร่างกายให้เขาค่อย ๆ ฟื้นฟู” ท่านหมอจูเอ่ย “แน่นอนว่าหากเราหาสมุนไพรหายากได้สักต้น บางทีอาจพอมีโอกาส”
“สมุนไพรชนิดใด?” ลู่อี้เอ่ยถาม “ท่านอาจูเพียงแค่บอกมา ข้าจะส่งคนไปค้นหามัน!”
“สมุนไพรนั้นหายากมาก เรียกว่าหญ้าวิญญาณม่วง มันเติบโตในที่มืดและชื้นเท่านั้น รอให้เติบโตยากยิ่งนัก หากหาหญ้าวิญญาณม่วงอายุสิบปีมาได้ เมื่อใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เขาก็มีโอกาสฟื้นตัวอย่างน้อยห้าส่วน”
“ท่านอาจู รบกวนท่านวาดรูปมันหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะส่งคนไปตามหา”
ท่านหมอจูวาดภาพไปพลางเอ่ยเตือนไปพลาง “บอกคนของเจ้าว่าหญ้านี้ดึงดูดงูเป็นพิเศษ ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ใด ที่นั่นย่อมมีงูอยู่ด้วย ดังนั้นเตรียมตัวให้ดี อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งอย่างสูญเปล่า”
“เขาจะฟื้นเมื่อใดหรือเจ้าคะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร ตอนนี้อาการเริ่มคงที่แล้ว ขอแค่เพียงได้ดื่มยาอย่างต่อเนื่อง ย่อมฟื้นภายในสามวัน”
“ท่านอาจู สามีข้ากลับมาแล้ว คืนนี้พวกเราทั้งครอบครัวมาทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเถอะ!”
“ได้ อีกประเดี๋ยวข้าจะมา” สิ้นคำ ท่านหมอจูก็หันไปมองลู่อี้ “ขอเพียงแค่ดูแลขาเจ้าให้ดี นอกจากจะเดินไม่ได้ไประยะหนึ่งก็ไม่มีปัญหาอื่นใด แต่หากเจ้าไม่ดูแลให้ดี ระวังจะกลายเป็นคนพิการ ภรรยาไม่มีทางรังเกียจเจ้า แต่จะเป็นเจ้าที่รังเกียจตนเอง! ครั้งนี้ภรรยาของเจ้าชนะใจผู้คนมากมาย ถึงเวลานั้น ผู้อื่นจะบอกว่าเทพธิดาของพวกเขาแต่งงานกับคนพิการ ดูซิว่าเจ้าจะอับอายหรือไม่”
ลู่อี้ประกบมือ “ท่านอาจูวางใจเถิด ข้าจะต้องดูแลให้ดีอย่างแน่นอน”
ท่านหมอจูคว้าข้อมือลู่อี้เดินไปตรงมุมห้อง “ครานี้ภรรยาเจ้าเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว ต้องอยู่เป็นเพื่อนนางให้ดี นางเป็นสตรีผู้หนึ่ง กลับต้องอดทนมากกว่าบุรุษอย่างพวกเรา พวกเจ้าล้วนมีความสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ข้าเป็นเพียงราษฎรธรรมดา รู้เพียงความจริงข้อหนึ่ง ภรรยาเมื่อแต่งเข้าบ้านแล้วคือสมบัติล้ำค่า แต่ไม่ใช่ว่าเห็นนางแกร่งแล้วจะละเลยความเปราะบางของสตรีได้”
“ขอบคุณท่านอาจูที่สอนข้า”
หลังจากท่านหมอจูไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็เอ่ยถาม “เหตุใดจึงบาดเจ็บเช่นนี้?”
นี่ไม่เพียงแต่ถามเขา แต่ยังรวมไปถึงฉีเซียวด้วย
“ฐานที่มั่นของกลุ่มนั้นอยู่ในหุบเขาลึกลับแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีไอพิษตลอดทั้งปี คิดจะลอบเข้าไปไม่ได้ง่ายดาย กว่าพวกเราจะลอบเข้าไปได้ไม่ใช่ง่าย ๆ ข้างในกว้างใหญ่มาก มันเพียงพอที่จะฝึกฝนคนนับหมื่น เดิมทีทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่จู่ ๆ ก็มีลูกน้องคนหนึ่งทรยศเราทำให้ตกหลุมพรางและถูกปิดล้อม พวกเราสองคนหลบซ่อนได้เพราะมีฝีมือไม่เลว แต่ลูกน้องของเราถูกฆ่าตายทีละคน ท้ายที่สุดจึงเหลือเพียงเราทั้งคู่ พวกเราไม่ได้ออกจากหุบเขาตามกำหนด คนที่เตรียมไว้แต่แรกจึงบุกเข้ามาทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้นซ้ำสอง”
มู่ซืออวี่ได้ยินสิ่งที่ลู่อี้เล่า ภาพฉากอันตรายนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง
นางคว้ามือเขามากุมไว้แน่น ฝ่ามือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
นั่นเป็นเหงื่อของนาง
หากเขาไม่กลับมา มู่ซืออวี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทนรับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นได้หรือไม่
ลู่อี้ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
เขาพบว่าภรรยาตัวสั่นเทิ้มจึงไม่อยากเอ่ยอะไรให้นางต้องกลัวอีก
“ใต้เท้าฉีถูกพิษกัดกินก็เพราะข้า ไม่เช่นนั้นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคงเป็นข้าแล้ว”
“พวกเราจะรักษาเขาให้ดี”
ท่านหมอจูบอกว่าหญ้าหายากชนิดนั้นจะทำให้เขาฟื้นตัวได้ถึงห้าส่วน นั่นหมายความว่าแม้เขาจะฟื้นตัวก็อาจไม่สมบูรณ์เต็มที่ ร่างกายของฉีเซียวยังคงได้รับความเสียหาย
มู่ซืออวี่รู้สึกซาบซึ้งใจต่อฉีเซียวยิ่งนัก เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งใจแล้วก็ไม่มีวิธีใดที่จะแสดงออกได้อีก อย่างไรก็ตาม หากนางทำได้ นางจะต้องช่วยเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
“พวกท่านถูกขังอยู่นานเพียงใด?”
“สามเดือน” ลู่อี้เอ่ย “ที่นั่นมีกลไก แม้จะเป็นใต้เท้าฉีที่เชี่ยวชาญเรื่องกลไกก็ยังไม่สามารถออกมาได้ง่าย ๆ”