สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 790 ใต้เท้าฉีเกณฑ์ทหาร
บทที่ 790 ใต้เท้าฉีเกณฑ์ทหาร
บทที่ 790 ใต้เท้าฉีเกณฑ์ทหาร
“ความคิดนี้ไม่เลว ข้าจะตกรางวัลเจ้าเป็นจวนหลังหนึ่ง เจ้าไปเลือกเอาเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ย
หลี่กู่หยวนมองมู่ซืออวี่อย่างประหลาดใจ “จวน?”
“เจ้าอย่าได้เห็นว่าตอนนี้เมืองถงหยางทรุดโทรม ภายภาคหน้าราคาบ้านของที่นี่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่า เป็นอะไร? ไม่ชอบจวนที่อาจารย์เจ้ามอบให้หรือ?”
“มิได้! ศิษย์ดีใจยิ่งนัก เมืองถงหยางเป็นที่ศักดินาของอาจารย์ จะต้องมีสักวันที่มันจะผงาดขึ้นมาเหนือกว่าเมืองฮู่เป่ย ศิษย์ไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้แม้แต่น้อย”
“อาการมารดาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ต้องขอบคุณการดูแลรักษาของท่านหมอจู ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว นางมีโรคภัยตั้งแต่ยังสาว ต้องบำรุงให้ดี บัดนี้นางมีบ่าวรับใช้คอยดูแล ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตนเองจึงไม่เจ็บไข้ได้ป่วยมานานแล้ว” หลี่กู่หยวนกล่าว “อาจารย์ เช่นนั้นข้าขอลาสักสองวันได้หรือไม่ หลังจากข้าจัดการเรื่องที่บ้านเรียบร้อย ข้าจะต้องมาแบ่งเบาภาระอาจารย์อย่างแน่นอน”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปจัดการเถอะ”
“ขอบคุณขอรับอาจารย์”
หลังจากหลี่กู่หยวนไปแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ลูกก็ต้องทำอะไรสักอย่างกระมัง? ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนข้าไร้ประโยชน์ยิ่ง ข้ามีความคิดบางอย่าง ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่”
“เจ้าว่ามาเถิด”
“ผู้คนที่เหลืออยู่ในเมืองถงหยาง หากไม่ใช่ผู้เฒ่า สตรี ก็เป็นเด็ก ผู้ที่แข็งแรงก่อนหน้านี้ถูกทัพกบฏเกณฑ์ไปเกือบหมดแล้ว หลังจากผ่านสงคราม ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง คงมีคนเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ทำอะไรมากไม่ได้ ถึงแม้จะให้ทำไร่ไถนาก็คงทำได้ไม่มาก ข้าคิดจะใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จากนั้นก็รวบรวมสตรีที่มีมาทอผ้า ในเมืองฮู่เป่ยมีลานหรรษา ที่นั่นไม่ขาดทรัพยากรเงิน เรามาสร้างเมืองถงหยางให้เป็นโลกแห่งผ้าไหม หากต้องการซื้อผ้าที่ดีที่สุด ก็ต้องมาซื้อที่เมืองถงหยางเรา นอกจากนี้ ข้ายังนำหนอนไหมน้ำแข็งมาที่นี่แล้ว”
“ก่อนหน้านี้เจ้าให้หลี่กู่หยวนพาเจ้ากลับไปที่ชนบท เพื่อไปเอาหนอนไหมน้ำแข็งมากระมัง? ข้าจำได้ว่าเจ้ายังพาชาวบ้านที่เชี่ยวชาญในการเลี้ยงหนอนไหมมาหลายคน นั่นเพื่อเรื่องวันนี้หรือ?”
“เรื่องของลูกไม่อาจปิดบังท่านแม่จริง ๆ นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด เมืองถงหยางล้วนขาดไปเสียทุกอย่าง เช่นนั้นข้าจะหาของมาให้มาก บางทีอาจได้ใช้สอยขึ้นมา”
“เจ้าตามข้ามา” มู่ซืออวี่เอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น แล้วเดินไปทางแผนที่ที่แขวนอยู่บนผนัง
นางใช้พู่กันวงลงไปบนแผนที่ แล้วเอ่ยว่า “บริเวณนี้เหมาะแก่การปลูกต้นหม่อน ข้าจะมอบที่นี่ให้เจ้าดูแล ส่วนจะทำอะไรที่พิเศษออกมาได้หรือไม่นั้น นั่นขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
“ขอบคุณท่านแม่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
มู่ซืออวี่และลูกสาวทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อกู้เมืองถงหยางกลับมาและผลลัพธ์ยังเห็นได้ชัดเจน ไม่นานหลังจากติดประกาศยกเว้นภาษี ผู้คนมากมายก็ย้ายมาจากที่อื่น
คนเหล่านี้มาเพื่อรับที่ดินให้เปล่าโดยเฉพาะ ดังนั้นพวกเขาจึงมารายงานตัวที่ศาลาว่าการทันทีที่มาถึง ศาลาว่าการจึงจัดสรรหมู่บ้านให้พวกเขาไปลงหลักปักฐาน
ณ เขตทหารผิงหยวน ฉีเซียวสำลักออกมาจึงจิบชาลงไปหนึ่งคำ แล้วคลี่จดหมายบนโต๊ะออกอ่าน
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว ฉีเซียวก็หัวเราะร่า
“นี่เป็นจดหมายที่ฮูหยินส่งมากระมัง?” ผู้ติดตามเอ่ยถาม “ฮูหยินตระเตรียมคนส่งเบี้ยเลี้ยงทหารมาให้ก้อนใหญ่เลยนะขอรับ มากกว่าที่พวกเราตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าฮูหยินเขียนมาว่าอย่างไร?”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”
“ฮูหยินบอกว่าเงินนี้ไม่ได้ให้เปล่า แต่จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยราคาที่เท่ากัน” ฉีเซียวกล่าวเสียงเรียบ “ทหารของเราต้องหักร้างถางพงให้นาง หนึ่งหมู่หนึ่งตำลึงเงิน”
“แต่ตอนนี้พวกเราต้องการเบี้ยเลี้ยงทหารมาเพื่อรับทหารเพิ่มนะขอรับ…”
“ดังนั้นนางจึงเอ่ยเรื่องนี้ล่วงหน้า รอพวกเราพร้อมแล้วค่อยทำตามสัญญา” ฉีเซียวลุกขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเบี้ยงเลี้ยงทหารพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็นำออกไปให้พวกเขาดูเถิด!”
หลังจากเก็บกวาดทหารมือไม่สะอาดเหล่านั้นออกไป ทหารจากสองหมื่นนายจึงเหลือเพียงเจ็ดพันนายเท่านั้น
เดิมทีฉีเซียวนำลูกน้องมาด้วยห้าร้อยคน บัดนี้ห้าร้อยคนนี้เป็นจิตวิญญาณของกองทัพ หน้าที่หลักคือจัดการดูแลทหารที่กระจัดกระจายเหล่านั้น
คนที่ฉีเซียวพามา หากจะกล่าวว่าหนึ่งคนเทียบเท่ากับทหารกุ้งแม่ทัพปู*[1] ร้อยคนก็ไม่เกินจริงนัก มีคนเหล่านี้คอยชี้แนะทหารที่แตกแยกเหล่านั้น หมู่นี้ท่าทีและขวัญกำลังใจของทหารจึงเข้มแข็งขึ้นไม่น้อย
ทหารทั้งเจ็ดพันคนมารวมตัวกัน
เบื้องหน้าพวกเขามีหีบหลายใบ แต่ละใบล้วนบรรจุเงินตำลึงเอาไว้
“มีเงินมากมายยิ่งนัก!” ทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา “แต่ไหนแต่ไรมา ข้าไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากมายปานนี้มาก่อน”
“ก่อนหน้านี้ติดตามโจวเสียงเฟย เรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่มไม่ต้องอนาทรร้อนใจ แต่ไม่เคยมีเงินเพิ่มขึ้นมาเลย”
“พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าเงินเหล่านี้ให้พวกเรากระมัง? พวกเจ้าลืมแล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเอ้อร์ หลิวเฮยจื่อ และคนอื่น ๆ?”
คนหมื่นกว่าคนกล่าวว่าจะฆ่าก็ฆ่า ท้ายที่สุดแล้วร่างถูกเผา จากนั้นก็ขุดหลุมฝังขี้เถ้าเหล่านั้นไป
วิธีการเช่นนี้มีสักกี่คนที่จะไม่กลัวบ้าง?
พวกเขาโชคดีมากที่เพียงแค่ขโมยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยทำร้ายผู้ใด มิเช่นนั้นคงกลายเป็นขี้เถ้าที่ถูกกลบฝังใต้ดินไปแล้ว
ฉีเซียวเดินออกมา
เขายืนอยู่บนแท่นสูง มองดูทหารตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “เคยเห็นเงินตำลึงเหล่านี้หรือไม่?”
ทุกคนปิดปากเงียบ
“เหล่านี้ล้วนเป็นเบี้ยเลี้ยงของพวกเจ้า”
ทุกคนต่างมองมาที่ฉีเซียวอย่างตกใจ
“เพียงแต่ต้องแลกกับความชอบทางการทหาร”
“ใต้เท้า พวกเราจะทำสงครามอีกครั้งหรือ?”
ความชอบทางการทหารนี้ นอกเสียจากฆ่าศัตรูในสนามรบ ยังจะมีอะไรได้อีก?
“จากที่คนของข้ารวบรวมข้อมูลมา ในเมืองหรงหวา เมืองเฟิ่งไหล และเมืองอวิ๋นเทียนที่อยู่ใกล้ ๆ มีโจรจำนวนมาก ขอเพียงพวกเจ้ากวาดล้างโจรเหล่านี้ จับเป็นได้ผู้หนึ่งได้รางวัลสองตำลึง จับตายผู้หนึ่งได้รางวัลหนึ่งร้อยอีแปะ”
“เหตุใดจับเป็นจึงได้เงินมากกว่าเล่าขอรับ?”
“แน่นอนว่าเป็นเพราะ… ข้าอยากรับพวกเขามาเป็นทหาร อันที่จริงไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาเป็นโจร บางคนถูกบีบให้ต่อต้าน บางคนไม่อาจจุนเจือครอบครัว บางคนก็ต่ำทราม เพื่อจัดการกับคนต่ำทรามเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องฆ่าโดยเร็ว เพียงแต่ ข้ายินดีจะมอบโอกาสให้ผู้หลงผิดได้มีโอกาสรอด ดังนั้นจับเป็นมาเสีย”
“จับเป็นหนึ่งคนสองตำลึงเงิน หากอีกฝ่ายต่อต้านอย่างแรงกล้า อย่าได้ลังเลที่จะต่อสู้ ตนเองจะได้ไม่ต้องบาดเจ็บ นอกจากนี้บอกพวกโจรเหล่านั้นด้วยว่า ขอเพียงไม่เคยฆ่าคน ข่มขืนสตรี ก็สามารถเข้าร่วมกับข้าได้ อีกทั้งยังจะให้รางวัลพวกเขาหนึ่งตำลึงเงิน หากพวกเขาโน้มน้าวผู้อื่นให้สวามิภักดิ์ได้ หนึ่งคนตกรางวัลหนึ่งตำลึง…”
“ท่านแม่ทัพ พวกเราจะออกเดินทางเมื่อใดหรือ?”
“อีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดีเถิด”
“ขอรับ!”
ดังคำกล่าวที่ว่า ขอเพียงม้าได้กินดี อยากให้วิ่งอย่างไรมันก็จะวิ่งอย่างนั้น
ทหารหิวโหยมานานแล้ว เมื่อเห็นเงินมากมายเพียงนั้นส่องประกายแวววาวประหนึ่งกำลังกวักมือเรียกพวกเขา แรงฮึดในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
หนึ่งชั่วยามต่อมา ทัพปราบโจรอันเกรียงไกรก็ออกเดินทาง
สองเดือนถัดจากนั้น แม่ทัพฉีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่นำทหารกุ้งแม่ทัพปูต่อสู้ไปทั่วทุกหัวระแหง กวาดล้างรังโจรไปมากมาย ท้ายที่สุดความสามารถของกองทัพที่เขาบัญชาการก็เป็นที่เลื่องลือ ทำให้หลายคนยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี
อย่างไรเสีย… การสวามิภักดิ์ก็มีเงินหนึ่งตำลึงเป็นค่าตอบแทน หากไม่คว้าไว้ก็คงเสียดายแย่
สองเดือนให้หลัง แม่ทัพฉีเซียวก็กลับมาพร้อมกับกองทัพห้าหมื่นนาย
ครึ่งหนึ่งของคนสี่หมื่นคนถูกเลือกมาจากรังโจร ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาเพราะชื่อเสียงของพวกเขา
[1] ทหารกุ้งแม่ทัพปู หมายถึง คนที่ไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย