สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 812 นี่เป็นการแข่งขัน
บทที่ 812 นี่เป็นการแข่งขัน
บทที่ 812 นี่เป็นการแข่งขัน
เขาหวงอู๋แทบถูกพลิกแผ่นดินหา ไม่ต้องเอ่ยถึงลู่จื่ออวิ๋น แม้กระทั่งร่องรอยของโจรเหล่านั้นยังหาไม่พบ
ผลลัพธ์นี้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หากหาออกมาได้ง่ายเพียงนั้น อีกฝ่ายคงพาลู่จื่ออวิ๋นไปจากใต้จมูกพวกเขาไม่ได้
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปก็มีนกจำนวนมากบินผ่าน
มู่ซืออวี่หันไปมองนก แล้วร้องเรียกเซี่ยคุนที่อยู่ข้างหน้า
“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านเห็นนกพวกนั้นแล้วไม่รู้สึกว่าพวกมันแปลก ๆ หรือ?”
“มีอะไรแปลก?”
“สรรพสิ่งล้วนมีชีวิตจิตใจ นกเองก็นับว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีชีวิตจิตใจ ท่านเห็นพวกมันบินหนีไปด้วยความตื่นตระหนกเช่นนี้ ไม่นึกถึงอะไรเลยหรือ?”
“ท่านหมายถึง…”
“พวกเราค้นหาทั่วหุบเขาหวงอู๋มานานเพียงนี้ รบกวนนกและสัตว์ที่นี่ นกจำนวนมากจึงบินหนีไปแล้ว แต่ท่านดูนกกลุ่มนี้สิ เห็นได้ชัดว่าพวกมันบินมาจากที่อื่น นกกลุ่มใหญ่เพียงนี้บินหนีไปพร้อมกัน หากไม่ใช่ภัยธรรมชาติก็เป็นภัยจากมนุษย์ ตอนนี้ภัยธรรมชาติยังไม่มีสัญญาณใด ๆ เช่นนั้นก็เป็นได้เพียงภัยจากมนุษย์แล้ว”
“กล่าวได้ไม่ผิด” เซี่ยคุนเอ่ย “ถึงแม้จะไม่แน่ว่าเป็นคนที่เราตามหาหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้สูงมาก พวกเราแกะรอยนกเหล่านี้ไปตามหาได้”
ไม่นานนัก ลูกน้องที่ออกค้นหาก็กลับมา
“ใต้เท้า นกเหล่านั้นบินมาจากเขาแฝดที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ขอรับ”
“เขาแฝด”
ฉีเซียวนำคนกลับมาและได้ยินบทสนทนาของพวกเขาพอดี
“ภูมิประเทศของเขาแฝดซับซ้อนกว่าที่นี่ เหตุใดข้านึกไม่ถึงว่าควรไปค้นหาที่นั่นกันนะ?”
“ดังนั้น เป็นไปได้สูงที่เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จะอยู่ในเขาแฝด?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“ถูก” ฉีเซียวเอ่ย “ไปเขาแฝดประเดี๋ยวนี้!”
มีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นที่เขาแฝด นั่นหมายความว่าเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นที่นั่น พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์หรือไม่จึงต้องใคร่ครวญความเป็นไปได้ทั้งหมดก่อนที่จะไปหานาง
ลู่อี้กำลังค้นหาอยู่ที่อื่น บัดนี้พวกเขาพบเป้าหมายที่น่าสงสัย จึงต้องส่งคนไปแจ้งเขาเสียก่อน ทว่าพวกเขาไม่อาจรอให้ลู่อี้มารวมตัวกันได้จึงรุดไปสำรวจดูก่อน
เขาแฝดในเวลานี้ไม่ค่อยสงบจริง ๆ
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงนกและสัตว์ต่าง ๆ แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใต้ดินล้วนถูกพวกเขาขุดขึ้นมาแล้ว
นี่คือการ ‘ขุดดินสามฉื่อ’*[1] ที่กล่าวขานกัน
“ยังไม่พบ”
“ตอนนี้จะทำอย่างไร?”
“กว่าเราจะจับคนสกุลลู่มาได้ไม่ง่ายเลย เพื่อจับคุณหนูใหญ่ลู่ผู้นี้ยังลงแรงไปไม่น้อย หากปล่อยให้นางหนีไปได้เช่นนี้ นายท่านไม่ไว้ชีวิตพวกเราอย่างแน่นอน”
สตรีสวมหน้ากากมองทะเลสาบตรงหน้า “ไม่ว่านางจะบินขึ้นไปบนฟ้าหรือมุดหนีไปใต้ดิน หากนางไม่มีความสามารถพอจะบินขึ้นไปบนฟ้ามุดลงไปใต้ดินได้ เช่นนั้นก็…”
“ก็อะไร?”
“ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด นางยังอยู่ที่นั่น ยังไม่ได้หนีไป”
“ไป กลับไปดู!”
ลู่จื่ออวิ๋นอยู่ในที่ที่อันตรายที่สุดจริง ๆ หรือ?
หลังจากคนเหล่านั้นจากไปแล้ว คนผู้หนึ่งก็โผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ
ไม่ผิด! เป็นลู่จื่ออวิ๋น
ตอนนี้อากาศหนาวเย็นเป็นอย่างมาก นางตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาวขณะแช่อยู่ในน้ำ
ทว่านางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ปลอดภัย เพราะพืชน้ำที่นี่หนาแน่นมาก ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ย่อมไม่ถูกสังเกตเห็นง่าย ๆ
ลูจื่ออวิ๋นจะรอจนกว่าฟ้าจะมืดจึงจะหาทางออกไปจากที่นี่ได้
สตรีสวมหน้ากากนำลูกน้องกลับไป ทว่าไปไม่ทันถึงที่หลบซ่อนก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังมาจากตีนเขา
นางยืนอยู่บนไหล่เขา มองดูเงาร่างที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พวกมันมาแล้ว” สตรีสวมหน้ากากเอ่ย “ไปแจ้งนายท่านประเดี๋ยวนี้ พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่อาจปะทะกับพวกมันตรง ๆ ได้ มิเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า”
ฉีเซียวและเซี่ยคุนแบ่งกองกำลังออกเป็นสองกลุ่ม จากนั้นก็แยกกันขึ้นไปหาบนเขา หากพวกโจรพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและคิดหลบหนีไป พวกเขาจะได้ปิดทางถอยของอีกฝ่ายได้ ส่วนมู่ซืออวี่ พวกเขาจัดกองกำลังส่วนหนึ่งไว้คุ้มกันนาง ให้นางรออยู่ที่ตีนเขา สุดท้ายไม่ว่านางจะมีความสามารถเพียงใดก็เป็นเพียงสตรีบอบบางผู้หนึ่ง ทำได้เพียงออกความเห็นเท่านั้น ส่วนเรื่องฆ่ารันฟันแทงนั้น ยังไม่ถึงคราวนางต้องชักดาบเข้าสู้
“อยู่ที่นี่ดังคาด” ฉีเซียวเอ่ย “ทุกคนฟัง พบเห็นผู้ใดบนเขา ฆ่าไม่ละเว้น!”
“ขอรับ!”
ฉีเซียวและเซี่ยคุนนำคนไปยังถ้ำลับที่พวกมันซ่อนตัว
แน่นอนว่าไปถึงที่นั่นเวลานี้ คนเหล่านั้นย่อมหลบหนีไปแล้ว
“นึกไม่ถึงว่าจะปล่อยให้พวกมันหลบหนีไปใต้จมูกพวกเราได้จริง ๆ”
“ไม่ถูก” ฉีเซียวเอ่ย “ท่านไม่รู้สึกว่ามันราบรื่นเกินไปหรือ?”
“ท่านได้กลิ่นอะไรหรือไม่?” เซี่ยคุนเอ่ยถาม
ฉีเซียวและเซี่ยคุนมองหน้ากัน
“ออกไปเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่ทั้งสองตะโกนขึ้นมา คนก็กระโดดออกไปแล้ว
ฉีเซียวไม่อาจใช้กำลังภายในของตนได้ ทว่าเวลานี้ เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั่วทั้งเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อมู่ซืออวี่ที่อยู่ตีนเขาได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนฉับพลัน
เสียงนี้ผู้อื่นฟังไม่ออก ทว่านางคุ้นเคยกับมันดี หากไม่ใช่เสียงระเบิดแล้วจะเป็นเสียงอะไรได้?
คนพวกนั้นวางระเบิดไว้บนเขาจริง ๆ ประหนึ่งว่าพวกมันคาดเดาได้ว่าพวกเราจะมาที่นี่จึงรอที่จะระเบิดพวกเราให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
ลู่อี้และลูกน้องเพิ่งมาถึงตีนเขา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกเขาล่วงหน้าขึ้นไปบนเขาก่อนแล้ว ได้ยินเสียงเมื่อครู่นี้ เกรงว่าพวกเขาจะตกหลุมพรางของคนเหล่านั้น เราจะทำอย่างไรดี?” มู่ซืออวี่เอ่ย
เสียงระเบิดยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
อยู่ห่างเพียงนี้ เสียงที่ได้ยินยังดังมาก เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่บนเขาตกอยู่ในอันตรายเพียงใด อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ พวกเขาล้วนทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงรอให้เสียงระเบิดหยุดลง
ในที่สุดเสียงก็หยุดลงแล้ว
ลู่อี้เอ่ยกับลูกน้อง “พวกเราขึ้นเขา”
มู่ซืออวี่เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ลู่อี้ก็หันกลับมากล่าว “เจ้าไม่ต้องมา”
“ได้ ข้าไม่ไป ท่านระวังตัว”
“อืม!”
ระหว่างที่นางรออยู่ที่ตีนเขานั้น มู่ซืออวี่ก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความรู้สึกหนึ่งวินาทีเหมือนเป็นปีนั้นเป็นอย่างไร
นางมองขึ้นไปบนภูเขาเป็นพัก ๆ หวังว่าจะเห็นพวกเขาพาเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ลงมาจากภูเขาอย่างปลอดภัย จากนั้นทุกคนก็จะทานมื้อเย็นฉลองการกลับอย่างพร้อมหน้าเพื่อคลายความตกใจ
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามา
“ฮูหยินระวัง…” ทหารคนหนึ่งคว้าตัวนางหลบการลอบโจมตี
ลูกธนูพุ่งไปปักอยู่ที่ต้นไม้
ปลายธนูมีกระดาษผูกติดอยู่
มู่ซืออวี่อ่านเนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้น บนนั้นเขียนว่า ‘เถ้าแก่เนี้ยมู่ ชอบของขวัญชิ้นนี้หรือไม่? ไม่ต้องรีบร้อน ยังมีของขวัญมากกว่านี้ส่งไปให้ท่าน หวังว่าท่านจะชอบมัน’
“ฮูหยิน ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”
“พวกเราขึ้นเขากันเถิด” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่ขึ้นไปบนเขานั้นอันตรายมาก หากพวกเจ้ากลัว…”
“ฮูหยิน พวกเราจะไปกับท่าน ท่านว่าอย่างไรก็อย่างนั้น”
มู่ซืออวี่นำทหารขึ้นไปบนเขา
ทั่วทั้งเขาเละเทะยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยร่องรอยของระเบิดทุกหนทุกแห่ง
นางยังเห็นหมาป่าสองสามตัวถูกกลบฝังอยู่ในกองดิน ดวงตาที่เดิมทีดุร้ายเปลี่ยนเป็นสายตาเศร้าสร้อย
อย่างไรก็ตามยามนี้ นางไม่อยู่ในอารมณ์สนใจความเป็นความตายของหมาป่าเหล่านั้น สิ่งที่นางอยากรู้คือสถานการณ์ของสหายและสามีกับลูก ๆ
“เจ้าขึ้นเขามาได้อย่างไร?!” ลู่อี้เห็นภรรยานำคนขึ้นเขามาจึงเอ่ยตำหนินาง “ที่นี่อันตรายเกินไป”
“ท่านดูนี่สิ…” มู่ซืออวี่ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ลู่อี้ “ท่านคิดว่าเมื่อข้าเห็นสิ่งนี้แล้วยังจะอยู่ข้างล่างได้หรือ?”
[1] ขุดดินสามฉื่อ ใช้อธิบายการค้นหาเป็นวงกว้าง ค้นหาโดยละเอียดไปทุกแห่งหน หาจนกว่าจะหาไม่เจอ