สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 814 สกุลลู่ที่ไม่อาจควบคุมได้
บทที่ 814 สกุลลู่ที่ไม่อาจควบคุมได้
บทที่ 814 สกุลลู่ที่ไม่อาจควบคุมได้
เซียวหลีเอ่ยเช่นนั้นเพียงเพราะจงใจจะสร้างความบาดหมางระหว่างฟ่านหยวนซีกับลู่อี้ เพื่อเพิ่มปัญหาให้เขา ไม่ได้คิดว่าสกุลลู่จะกล้ากบฏจริง
หากสกุลลู่คิดจะกบฏ พวกเขาคงกบฏไปนานแล้ว ไม่อดทนรอมากระทั่งถึงวันนี้ ในความคิดของเขา ลู่อี้ผู้นี้เป็นเพียงคนโง่เขลาภักดีผู้หนึ่ง จุดอ่อนของเขานอกจากครอบครัวก็คือฮ่องเต้
ผลที่ตามมาคือแม้ฟ่านหยวนซีจะอยู่ในกำมือเขา คนสกุลลู่ยังกล้าที่จะนำกองทัพบุกเข้ามา เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเซียวหลีโดยสิ้นเชิง
“ตอนนี้จะทำอย่างไร?” จ้าวจื่อโม่เอ่ยถาม “คนแซ่ลู่เป็นศัตรูของเรา ทุกครั้งที่พวกเรากำลังจะทำสิ่งใดสำเร็จ คนสกุลลู่ก็จะโผล่ออกมาทำลายแผนการอยู่ร่ำไป”
“พวกเราจัดการลู่อี้ไม่ได้ แต่จะจัดการเพียงแค่เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่งไม่ได้เชียวหรือ?” สายตาของเซียวหลีฉายแววโหดเหี้ยมออกมา “ในเมื่อเขากล้ามา เช่นนั้นก็ส่งเขาไปคารวะพญายมเสีย!”
“พวกเราเดิมพันกันเป็นอย่างไร?” ฟ่านหยวนซีเปิดปากเอ่ยขึ้น
“เดิมพันอะไร?”
“เดิมพันว่าพวกเจ้าจัดการเจ้าเด็กนี่ไม่ได้” ฟ่านหยวนซีหยักยกมุมปากขึ้น “ผู้ใดแพ้ มันผู้นั้นต้องยอมรับการลงทัณฑ์เลาะกระดูกสามพันหกร้อยครั้ง”
“ฮ่า ๆๆ เจ้าอยู่ในกำมือข้า ข้าคิดจะฆ่าเจ้าก็แค่เพียงเอ่ยประโยคเดียวเท่านั้น แต่เจ้ายังกล้าดีมาเดิมพันเช่นนี้กับข้าหรือ?” เซียวหลียิ้มหยัน
“เจ้าไม่กล้าเดิมพันหรือ?”
“ได้ ข้าจะเล่นกับเจ้า!” เซียวหลีเอ่ย “เจ้าอยู่ในมือพวกข้าแล้ว หากคนสกุลลู่กล้าลงมือ เช่นนั้นย่อมหมายความว่าพวกเขาไม่ได้มีใจภักดี ข้าควรเวทนาเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะตายอย่างไม่เป็นธรรมเพียงใด”
ลู่ฉาวอวี่นำกำลังคนบุกเข้ามา
ทั่วทั้งวังหลวงกลายเป็นลานสังหาร
ข้ารับใช้วังหลวงเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงหนีไปซ่อนตัวแล้ว
คนที่ลู่ฉาวอวี่นำมาและองค์รักษ์วังหลวงเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกัน ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ หากไม่ใช่เพราะเครื่องแต่งกายแตกต่างกันกับองค์รักษ์วังหลวง เกรงว่าจะไม่อาจแยกแยะได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ใดแล้ว ซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นสะท้อนแก่สายตาทุกคน
เสียงประหัตประหารสะท้อนก้องผืนฟ้า
“นายท่าน นับ ๆ ดูแล้ว พวกลู่อี้คงใกล้มาถึงเต็มที พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“จากนี้ต้องให้ฮ่องเต้ฮุ่ยของเราช่วยเขียนราชโองการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์แล้ว” เซียวหลีมองฟ่านหยวนซีด้วยรอยยิ้ม “เพียงแค่บอกว่าเจ้ารู้ตัวว่าไม่คู่ควร ไม่อาจแบกรับภาระอันใหญ่หลวงนี้ได้จึงจะสละราชบัลลังก์ให้แก่บุตรชายของหลีอ๋องก็พอ”
“เขา?” ฟ่านหยวนซีเหลือบมองจ้าวจื่อโม่ สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน “เขาคู่ควรหรือ?”
“ผู้ใดบอกว่าเขาเป็นบุตรชายของหลีอ๋องเล่า?” สายตาของเซียวหลีเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน “ข้าไม่มีนิสัยตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นหรอกนะ”
“ที่แท้เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?” ฟ่านหยวนซีหันไปมองเขา
“ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือผู้ปกครองใต้หล้านี้เป็นได้เพียงข้าเท่านั้น” เซียวหลีเอ่ย “เจ้าคงกำลังคิดว่าต่อให้เจ้าเขียนราชโองการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์แล้วก็ไร้ประโยชน์ เพราะคนสกุลลู่ย่อมไม่ปล่อยให้ข้าทำสำเร็จ เช่นนั้นเจ้าวางใจเถิด ขอเพียงข้าได้เป็นฮ่องเต้ ลู่อี้และคนที่ติดตามเขา ไม่ช้าก็จะติดตามเจ้าไป”
“เจ้าสาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะเพียงนี้ เกรงว่าราชสำนักของข้าจะมีคนของเจ้าอยู่นานแล้ว ตอนนี้ยังพอมีเวลา ให้ข้าลองเดาดูเป็นอย่างไร?” ฟ่านหยวนซีผลักตัวคนที่จับกุมเขาอยู่ออกไป จากนั้นจึงเดินไปหาซ่างกวนจิ่นซิ่วที่อยู่ไม่ไกลออกไปและดึงนางมาข้างกายทันที จากนั้นจึงหาที่นั่งลง
ซ่างกวนจิ่นซิ่วถูกพวกโจรกบฏเหล่านั้นจับเป็นตัวประกัน สีหน้าของนางซีดเผือดอย่างน่ากลัว ฟ่านหยวนซีมองฮองเฮาน้อยด้วยความปวดใจ อีกทั้งยังไม่ได้สนใจว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้พวกมันโมโหหรือไม่ อย่างไรก็ต้องคุ้มครองให้นางปลอดภัยเสียก่อน
“คนผู้นี้…” ฟ่านหยวนซีมองสตรีสวมหน้ากาก “คงเป็นเสด็จป้าคนดีของข้า องค์หญิงใหญ่กระมัง?”
สตรีสวมหน้ากากผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาประหลาดแวบขึ้นมาครู่หนึ่ง
“เพียงแต่ ท่านป้าผู้นั้นของข้าไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงเช่นนี้ คนผู้นี้คงสวมใบหน้าท่านป้าของข้า หากแต่ไม่ใช่นาง”
“เจ้ายังรู้อะไรอีก?” เซียวหลีไม่ได้ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมรู้ว่าแท้จริงเป็นอย่างไร
“คนของเจ้าเชี่ยวชาญการปลอมแปลงตัวตน ไม่… การปลอมแปลงตัวตนไม่อาจใช้บรรยายความสามารถของเขาได้ถูกต้อง คงจะมีทักษะในการเปลี่ยนโฉม สามารถเปลี่ยนใบหน้าของผู้ใดก็ตามที่พวกเจ้าอยากให้เป็นได้มากกว่า” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “เจ้ามั่นใจถึงเพียงนี้ ย่อมเป็นเพราะขุนนางหลายคนของข้ากลายเป็นคนของเจ้าไปแล้ว อีกทั้งนี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นภายในวันสองวัน”
เซียวหลีมองฟ่านหยวนซีด้วยสายตาคมปลาบ
“เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ แต่ก็ยังตกมาอยู่ในเงื้อมมือข้าหรือ?”
“เช่นนั้น เจ้าว่าข้าทราบเรื่องนี้เมื่อใดกัน? ในเมื่อข้ารู้เรื่องเหล่านี้ล่วงหน้า เหตุใดจึงต้องปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นวันนี้ด้วยเล่า?” ฟ่านหยวนซีหัวเราะออกมาเบา ๆ
เคร้ง! ชิ้ง! เสียงโรมรันฟันแทงดังมาจากข้างนอก เสียงนั้นยังดังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ประหนึ่งว่าพวกเขากำลังจะเข้ามาแล้ว
“เขียนราชโองการแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์ประเดี๋ยวนี้” ในที่สุดเซียวหลีก็ตระหนักว่าฟ่านหยวนซีเพียงแค่ถ่วงเวลาตั้งแต่แรก
“ได้ ข้าจะเขียน” ฟ่านหยวนซีลุกขึ้นยืน “ถึงแม้ข้าจะเขียนจบแล้ว ชีวิตนี้ของเจ้าก็คงไม่รอด”
“นายท่าน…” ลูกน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “ผู้คุ้มกันลับของสกุลลู่เก่งกาจเกินไปขอรับ องครักษ์วังหลวงเดิมก็ไม่อาจต้านทานพวกเขาได้แม้แต่น้อย”
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการใด ต้องกวาดล้างคนข้างนอกให้หมด จำไว้ว่าคนสกุลลู่เก็บไว้ไม่ได้!”
หากสังหารคนตระลู่หมดสิ้นแล้ว คนในราชสำนักครึ่งหนึ่งก็กลายเป็นคนของเขา การจะจัดการคนที่เหลือยังจะยากอีกหรือ? นอกจากสกุลลู่ที่ยากจะจัดการ ขุนนางคนอื่น ๆ ล้วนเป็นพวกโลภมากรักตัวกลัวตาย หากจะควบคุมย่อมง่ายดาย
ไม่เช่นนั้นสองปีมานี้เหตุใดเขาต้องหลบซ่อนอยู่เงียบ ๆ เล่า คงไม่ใช่เพราะเขากลัวคนแซ่ลู่ผู้นั้นจริง ๆ กระมัง?
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
เขาเพียงแค่เปลี่ยนจากอยู่ในแสงสว่างมาเป็นซุกซ่อนอยู่ในเงามืด ค่อย ๆ เข้าควบคุมขุนนางราชสำนักให้มาอยู่ในกำมือโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นต่างหาก
การลักพาตัวคุณหนูใหญ่สกุลลู่ไป ไม่เพียงแต่เป็นการประกาศสงครามกับลู่อี้เท่านั้น แต่ยังเพื่อล่อพยัคฆ์ออกจากถ้ำ เข้าควบคุมทั้งวังหลวง
ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดดังมาจากด้านนอก
นี่เป็นอุบายที่พวกเขามักจะใช้
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เซียวหลีราวกับเห็นชัยชนะกำลังโบกมือให้
ในตอนนี้เอง ฟ่านหยวนซีก็เขียนราชโองการแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์เสร็จสิ้น
“เสร็จแล้ว”
“นำมาให้ข้าดู” เซียวหลีเอ่ย
สตรีสวมหน้ากากผู้นั้นส่งราชโองการให้เซียวหลี
ในตอนนี้เอง ฟ่านหยวนซีก็กอดซ่างกวนจิ่นซิ่วเอาไว้และกดลงไปที่เศียรมังกรที่อยู่ข้าง ๆ
เกิดเสียงตึงขึ้นหนึ่งครั้ง รอยแยกปรากฏขึ้นบนพื้น จากนั้นเขาจึงโอบซ่างกวนจิ่นซิ่วไว้ในอ้อมแขนแล้วกระโดดลงไป
“จับเขาไว้!” เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี เซียวหลีจึงเอื้อมมือออกไปหมายจะจับฟ่านหยวนซี ทว่ารอยแยกก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันปิดลงทันทีราวกับเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“นายท่าน ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?!”
“บัดซบ!” เซียวหลีทุบโต๊ะอย่างแรง “ข้าลืมไปได้อย่างไรว่ามู่ซืออวี่เชี่ยวชาญด้านกลไก สถานที่สำคัญเช่นวังหลวง ย่อมมีนางมาวางกลไกไว้”
“นายท่าน ตอนนี้พวกเราขี่หลังเสือ ไม่มีทางถอยแล้วนะขอรับ”
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันให้หมด! มันผู้ใดขัดขวางพวกเรา ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ” ดวงตาของเซียวหลีแดงก่ำ
นี่เป็นการต่อสู้ของสัตว์ร้ายที่จนตรอก
เขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้นอกจากสู้ตายก็ไร้หนทางแล้ว
ในตอนนี้เอง ลู่ฉาวอวี่ได้รับรายงานจากลูกน้องของเขา บอกว่าฝ่าบาทได้เข้าไปในห้องลับแล้ว ผู้ที่อยู่ข้างในเสียตัวประกัน ในมือไม่มีเบี้ยให้ต่อรองอีก
ลู่อี้และคนอื่น ๆ เองก็เร่งกลับมาแล้วเช่นกัน
ทั่วทั้งวังหลวงตกอยู่ในความโกลาหล เพียงพวกเขามาถึงก็เห็นฉากต่อสู้นองเลือดทันที นอกจากกระโจนเข้าช่วยต่อสู้ก็ไม่ได้ถามสิ่งใดให้มากความ
ถึงเวลาเก็บกวาดแล้ว