สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 819 สู่ขอแต่งงานห้าครั้งแล้ว
บทที่ 819 สู่ขอแต่งงานห้าครั้งแล้ว
บทที่ 819 สู่ขอแต่งงานห้าครั้งแล้ว
“หากคำตอบของข้าไม่ใช่คำตอบที่ท่านต้องการ ท่านจะยอมแพ้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “แต่ข้ารอได้ หากเจ้าไม่พร้อม ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แน่นอนว่าจะเป็นการดีที่สุดหากไม่นานนัก อย่างไรเสียแผ่นดินก็ไม่อาจขาดผู้สืบราชสันตติวงศ์แม้เพียงวันเดียว”
ลู่จื่ออวิ๋นหมุนตัวกลับไปมองทะเลสาบเบื้องหน้า
หลายปีมานี้ จิตใจของเซี่ยเฉิงจิ่นยังไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังดูเหมือนนางจะไม่ได้ปฏิเสธที่เขาเข้าใกล้
หากนางไม่ยินดี ตอนนั้นคงปฏิเสธไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าอันที่จริงแล้วนางยินยอมพร้อมใจ
“เรื่องการแต่งงานเป็นคำสั่งของบิดามารดาวาจาของแม่สื่อ ท่านถามข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ไปถามท่านพ่อท่านแม่ข้าเถอะ!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หากผ่านบททดสอบของพวกเขาได้ค่อยว่ากัน”
เมื่อเซี่ยเฉิงจิ่นได้ยินถ้อยคำนี้ ยังจะไม่เข้าใจอะไรได้อีก?
เขามองนางด้วยสีหน้ามีความสุข ดวงตาของชายหนุ่มท่วมท้นไปด้วยความรักไร้ซึ่งความเสียดาย
“ข้าจะไปหาแม่สื่อประเดี๋ยวนี้ จากนั้นจึงจะมาสู่ขอเจ้ากับอัครมหาเสนาบดีลู่และฮูหยินลู่พร้อมกับสินสอด”
ลู่จื่ออวิ๋นมองเขาจากไปอย่างเร่งรีบ แก้มของนางร้อนผะผ่าว
เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพียงนั้นกระมัง?
ในฐานะฮ่องเต้อาณาจักรเฟิ่งหลิน นางนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏตัวในอาณาจักรฮุ่ยจริง ๆ เซี่ยเฉิงจิ่นไม่กลัวหรือว่าคนของอาณาจักรฮุ่ยจะใช้เขาต่อรองเพื่อทำร้ายอาณาจักรเฟิ่งหลิน?
“คิดอะไรอยู่หรือ?” มู่ซืออวี่ไม่รู้ว่ามาถึงศาลาตั้งแต่เมื่อใด
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ลู่จื่ออวิ๋นจึงหลุดจากภวังค์ความคิดตนเอง
“ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร?”
“หากข้าไม่มา แล้วลูกสาวถูกคนลักพาตัวไปก็คงไม่รู้” มู่ซืออวี่ยื่นมือออกมา ส่งสัญญาณให้ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปหา
ลู่จื่ออวิ๋นคว้ามือมารดามากุมเอาไว้แล้วนั่งลงข้าง ๆ
“ท่านแม่ เมื่อครู่นี้ท่านได้ยินแล้วหรือ?”
“หลายปีเพียงนี้ จิตใจของเขายังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ข้าคิดว่าเขาจริงใจทีเดียวจึงรับปากให้พวกเจ้าได้พบกัน” มู่ซืออวี่เอ่ย “แน่นอนว่าเรื่องการแต่งงานของพวกเจ้ายังเป็นพี่ชายและท่านพ่อของเจ้าตัดสินใจ แม่ไม่มีความเห็นใด”
เซี่ยเฉิงจิ่นคิดว่าหากมู่ซืออวี่พยักหน้า ทุกอย่างจะเรียบร้อย ลูกสาวสกุลพวกเขาย่อมไม่อาจสู่ขอแต่งงานได้ง่าย ๆ เพียงเอาชนะใจนางไม่นับเป็นอะไร แต่บุรุษในสกุลลู่กลับเป็นผู้ที่เอาชนะใจได้ยากที่สุด
นับแต่โบราณกาล ยามแม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองยิ่งชอบ หากแต่เมื่อเป็นพ่อตามองดูลูกเขย นั่นยิ่งมองยิ่งขัดตา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ายังมีพี่ภรรยาที่หวงน้องสาวอยู่อีกผู้หนึ่ง นั่นยิ่งยากขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
“อย่างไรเสียข้าก็ฟังท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ หากแม้กระทั่งพวกท่านเขายังสร้างความประทับใจให้ไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่แต่งงานกับเขาอย่างแน่นอน” ลู่จื่ออวิ๋นกอดแขนมารดา “เพียงแต่ท่านแม่ หากข้าแต่งงานไปแล้ว นั่นไม่ใช่ว่าต้องแยกจากพวกท่านหรือ? ท่านแม่ ท่านไปกับข้าเถอะ ข้าไม่อยากแยกจากท่าน”
“เจ้ายังไม่ทันได้เขียนแม้กระทั่งชื่อวันเดือนปีตรวจดวงชะตา ตอนนี้ก็เริ่มคิดเรื่องแต่งงานแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่จงใจเอ่ยกระเซ้า
ลู่จื่ออวิ๋นติดตามมู่ซืออวี่มานานหลายปี หนังหน้าจึงค่อย ๆ หนาขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เมื่อได้ยินนางหยอกเย้าเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกรู้สา เพียงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “บุรุษถึงวัยควรแต่งงาน สตรีก็ถึงวัยควรแต่งงาน ข้าไม่ได้กล่าวอะไรผิดนี่เจ้าคะ”
ฮ่องเต้อาณาจักรเฟิ่งหลินมาเยือนอาณาจักรฮุ่ยด้วยตนเองจริง ๆ ข่าวนี้จึงแพร่สะพัดไปไกลอย่างรวดเร็ว
บางคนกล่าวว่าเขากล้าหาญยิ่งนัก บางคนกล่าวว่าเขาให้คุณค่าต่อความรักและความยุติธรรม อย่างไรเสียเขาก็เติบใหญ่มาในอาณาจักรฮุ่ย มีสายเลือดของชาวอาณาจักรฮุ่ยไหลเวียนอยู่ในร่างกายครึ่งหนึ่ง บัดนี้ฮองเฮาอาณาจักรฮุ่ยก็มาจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน กล่าวเช่นนี้ก็แปลว่าสองอาณาจักรได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมานานแล้ว
“วันนี้ฮ่องเต้อาณาจักรเฟิ่งหลินพาแม่สื่อไปสู่ขอแต่งงานที่สกุลลู่ แต่กลับถูกขับไล่ออกมาอีกครั้งแล้ว”
“ถูกไล่ออกมาอีกแล้วหรือ? สกุลลู่คิดจะแต่งลูกสาวให้ผู้ใดกัน? บุตรชายขุนนางเหล่านั้นก่อนหน้านี้ก็ไม่เข้าตาพวกเขา บัดนี้กระทั่งกษัตริย์ของอาณาจักรหนึ่งก็ยังไม่เข้าตาอีกหรือ?”
“อย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงาน เพียงแต่ไม่ยินดียอมรับการสู่ขอ ทุกคนล้วนคาดเดาว่าการกระทำของสกุลลู่จะส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองอาณาจักร พวกท่านลืมแล้วหรือ ฮ่องเต้น้อยผู้นั้นเคยเป็นคนไร้เหตุผลเพียงใด บัดนี้เขาเป็นฮ่องเต้แล้ว สถานะของเขายิ่งแตกต่างออกไป สกุลลู่ไม่ควรหยามเกียรติเขาเช่นนี้ หากทำให้เขาโกรธ ผู้ใดจะรู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป หากให้ข้ากล่าว คุณหนูสกุลลู่งดงามราวกับเทพธิดาจริง ๆ ทว่าฮ่องเต้น้อยพระองค์นั้นก็คู่ควรกับนาง”
“ดองหัวไชเท้าเติมเกลือเพิ่มกังวลน้อยลง*[1] จริง ๆ สกุลลู่ยังไม่ได้กล่าวอะไร พวกท่านก็เอาแต่สนใจทั้งวี่ทั้งวันว่าคุณหนูใหญ่ลู่จะแต่งออกไปเมื่อใดแล้วหรือ?”
เซี่ยเฉิงจิ่นมองสินสอดที่ถูกโยนออกมา หัวพลันปวดตุบ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งที่ห้าที่เขามาสู่ขอลู่จื่ออวิ๋น แต่กลับโดนไล่ออกมาทุกครั้ง
“กังวลแล้วหรือ?” เซี่ยชิงโจวควบม้าเข้ามา “อยากดื่มสักจอกหรือไม่?”
เซี่ยเฉิงจิ่นเห็นสหายเก่าจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่เดิม ไปกันเถอะ!”
เซี่ยชิงโจวลงจากหลังม้า โยนสายบังเหียนม้าให้บ่าวรับใช้ของเซี่ยเฉิงจิ่น จากนั้นจึงตามสหายไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ภาพฉากเก่า ๆ ยังคงอยู่ที่นั่น ทว่าทุกอย่างกลับแตกต่างออกไปแล้ว
เซี่ยชิงโจวได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้เป็นขุนนางขั้นสามผู้หนึ่ง ขณะที่เซี่ยเฉิงจิ่นในฐานะฮ่องเต้ผู้ปกครองแผ่นดินย่อมมีกลิ่นอายสงบทว่าเปี่ยมบารมีออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะกดมันไว้ต่อหน้าเซี่ยชิงโจว ทว่ากลิ่นอายของเขาก็ยังคงไม่ธรรมดา
เซี่ยชิงโจวรินสุราจอกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นสุราใหม่ที่เถ้าแก่บ่มออกมา ท่านลองชิมดูเถิด จะต้องได้ลิ้มรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนอย่างแน่นอน”
เซี่ยเฉิงจิ่มดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นจึงพยักหน้ายอมรับฝีมือของอีกฝ่าย
“ได้ยินว่าท่านถูกไล่ออกมาห้าครั้งแล้ว” เซี่ยชิงโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดท่านมักจะตกอยู่ในกำมือของคนสกุลลู่เล่า?”
“ข้าพอใจ” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “เจ้าจงใจมาหาข้าเพื่อเยาะเย้ยหรือไร?”
“ข้ามาแก้ปัญหาให้ท่าน” เซี่ยชิงโจวกล่าว “ตั้งแต่เมื่อก่อน ตอนนั้นไม่ใช่ข้าที่คอยแนะนำและช่วยแก้ปัญหาให้ท่านหรือ?”
“ข้าเคยภูมิใจในความฉลาดของตนเอง แต่กับเรื่องนี้ข้าจนปัญญาจริง ๆ” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “ข้าปฏิบัติตามมารยาทในการสู่ขอแต่งงานอย่างดีที่สุด ทุกคำพูดข้าไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่ได้ทำผิดข้อห้ามใด ๆ ของสกุลลู่”
“สกุลลู่รักบุตรสาวผู้นี้มากเพียงใด ทุกคนในใต้หล้าล้วนรู้ดี วันนี้ท่านมาที่นี่เพื่อสู่ขอแต่งงาน อีกทั้งยังจะพาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาไปอาณาจักรเฟิ่งหลิน นั่นเป็นที่ที่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้ ท่านคิดว่าพวกเขาจะไม่สร้างความลำบากใจให้ท่านสักหน่อยหรือ? ข้าว่าการที่พวกเขาเพียงแค่ไล่ท่านออกมา ไม่ได้ปฏิเสธการสู่ขอโดยตรงก็นับว่าไม่เลวแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องทำในตอนนี้คือหากุญแจสำคัญที่เป็นเหตุให้สกุลลู่ไล่ท่านออกมา”
หลังกล่าวจบ เซี่ยชิงโจวเห็นเซี่ยเฉิงจิ่นกำลังตั้งใจฟังจึงกล่าวต่อ “อย่างไรเสียอาณาจักรเฟิ่งหลินก็อยู่ต่างแดน ถึงแม้จะเป็นสกุลลู่ หากต้องการจะไปมาหาสู่กับบุตรสาว เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสถานะของอัครมหาเสนาบดีลู่แล้ว หากเขาไปปรากฏตัวในอาณาจักรเฟิ่งหลิน อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ง่าย ๆ ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าสกุลลู่ต้องการไปเยี่ยมบุตรสาวของพวกเขาเมื่อใดก็ได้ เรื่องนี้เป็นความต้องการที่สำคัญข้อหนึ่ง”
เซี่ยเฉิงจิ่นลุกขึ้นยืนทันที
“เหตุใดข้านึกไม่ถึงแม้แต่น้อย?!”
เขาเป็นผู้ที่อยู่ในเรื่องนี้แต่กลับมองไม่ขาด แม้กระทั่งกุญแจสำคัญเช่นนี้ยังนึกไม่ถึง
หลายวันมานี้ เขาคิดเพียงแต่จะทำให้อีกฝ่ายพอใจกับสินสอดจึงพยายามเพิ่มสินสอดให้ ต่อมาก็เริ่มสงสัยว่าสกุลลู่ลังเลที่จะปล่อยบุตรสาวของตนไปหรือไม่จึงต้องไปอีกหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้พวกเขารับรู้ถึงความจริงใจ
บัดนี้คำพูดของเซี่ยชิงโจวทำให้เขากระจ่างขึ้นมา ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับกุญแจที่จะทำให้ได้แต่งงานกับแม่นางคนงามผู้นั้นแล้ว!
[1] ดองหัวไชเท้าเติมเกลือเพิ่มกังวลน้อยลง อุปมาถึงคนที่น่ารำคาญ หลายครั้งไม่รู้ความจริง กลับกังวลไปก่อนแล้ว ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไร เหมือนกับการดองหัวไชเท้า เติมเกลือน้อยไปก็กังวลว่ามันจะเสีย