สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 826 มาถึงอาณาจักรเฟิ่งหลิน
บทที่ 826 มาถึงอาณาจักรเฟิ่งหลิน
บทที่ 826 มาถึงอาณาจักรเฟิ่งหลิน
ขบวนคุ้มกันเข้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักรเฟิ่งหลิน
ตามหลักเหตุผลแล้ว เซี่ยเฉิงจิ่นควรรีบกลับเมืองหลวงก่อนและจัดเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า แต่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยสำหรับลู่จื่ออวิ๋น เขาจึงไม่ต้องการทิ้งนาง แม้เขาจะรู้ว่านางไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้นแต่ก็ไม่อยากให้นางไม่สบายใจ จึงส่งคนกลับไปบอกพวกซ่างกวนหมิงเสียเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเข้าไปในเมืองหลวง พวกซ่างกวนหมิงเสียก็มารอต้อนรับอยู่ที่ประตูเมืองพร้อมกับขุนนางพลเรือนและทหารของราชวงศ์ ผู้คนจำนวนมากแน่นขนัดอยู่ทั้งสองฝั่งถนน
ลู่จื่ออวิ๋นแต่งงานในนาม ‘องค์หญิงอันหยาง’ ซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรฮุ่ย อาณาจักรฮุ่ยในปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ว่าอาณาจักรเฟิ่งหลินจะหยิ่งผยองเพียงใดก็มิกล้าไม่ให้เกียรติ
ซ่างกวนหมิงเสียมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรัก
ในตอนแรก นางเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบุตรชายคนนี้ เขามักจะแสดงความโปรดปรานต่อสกุลลู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ได้ภรรยามา แน่นอนว่าหลังจากผ่านไปหลายปี มีเพียงเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ลูกชายของนางซึ่งทะเยอทะยานมากเกินไปสนใจได้ ไม่ว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ จะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองพวกนาง นั่นทำให้เกิดข้อพิพาทมากมาย
“อวิ๋นเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว” ซ่างกวนหมิงเสียจับมือลู่จื่ออวิ๋น “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก!”
หากเจ้าไม่มา ลูกชายข้าคงได้บวชเป็นพระแล้ว
หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ก็ยังไม่มีสตรีอยู่เคียงข้างกาย เสนาบดีในราชสำนักตั้งใจจะสร้างปัญหาอยู่แล้ว จึงแพร่ข่าวลือว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง อาณาจักรเฟิ่งหลินไม่ได้สงบอย่างที่คิด
“ถวายพระพรองค์หญิง”
“เรียกเสด็จแม่เถิด…”
“เพคะ เสด็จแม่”
“ท่านใต้เท้าลู่น้อย” อู่อันโหวในขณะนั้น ตอนนี้กลายมาเป็นอู่อันอ๋องซึ่งกำลังเอ่ยทักทายลู่ฉาวอวี่ “ไม่ได้พบกันหลายปี ท่านใต้เท้าลู่น้อยก็ได้เป็นเสนาบดีคนสำคัญแล้ว กาลเวลาประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ!”
ในฐานะอู่อันอ๋อง เขากับซ่างกวนหมิงเสียผู้เป็นภรรยาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าลำบากใจ ในอาณาจักรเฟิ่งหลินแห่งนี้ หลังจากที่ลูกชายขึ้นครองบัลลังก์ เขาไม่สามารถถูกเรียกว่าฮ่องเต้สูงสุดได้ เพราะไม่เคยขึ้นครองบัลลังก์มาก่อน เซี่ยเฉิงจิ่นรู้ว่าเขาและซ่างกวนหมิงเสียแค่อยากจะเป็นคู่สามีภรรยาธรรมดา ๆ เท่านั้น จึงแต่งตั้งเขาให้เป็นอู่อันอ๋องเพื่อปกป้องศักดินาของบิดาให้ได้ครองคู่กับมารดาอย่างสมฐานะ
“หน้าตาของท่านอ๋องยังคงเหมือนเดิม ไม่อาจกล่าวได้ว่ากาลเวลาไม่น่าให้อภัย” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างสงบ
ขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารต่างก็มองพี่ชายกับน้องสาว
คนหนึ่งเป็นที่รู้จักในนามหญิงงามของใต้หล้า ส่วนอีกคนเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะหนุ่ม ทั้งสองคนเป็นครอบครัวของสกุลลู่ผู้ทรงอำนาจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทั้งสองเป็นฝาแฝดและมีความคล้ายคลึงกันยิ่งนัก รูปลักษณ์ของพวกเขาช่างงดงามน่าทึ่งจริง ๆ
“ฮองเฮางดงามยิ่งนัก”
“จูจือฮ่วน จิตรกรชื่อดังในใต้หล้าได้วาดภาพหญิงงามไว้ภาพหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว แม่นางในภาพคือคนที่ได้ชื่อว่างามเป็นอันดับหนึ่ง แต่นั่นคือเมื่อสามปีที่แล้ว สามปีต่อมานางเติบโตขึ้นและรูปโฉมของนางก็ยิ่งงดงามขึ้นไปอีก”
“ท่านใต้เท้าลู่น้อยเองก็หล่อเหลาเช่นกัน หากข้าสามารถแต่งงานกับเขาได้ ข้ายอมอายุสั้นลงสิบปีเลย”
“สิบปีอะไร? หากข้าได้เป็นเพียงนางสนมของเขา ข้ายอมให้อายุสั้นลงห้าสิบปีเลย”
บรรดาสตรีมองลู่ฉาวอวี่ด้วยสายตาหลงใหล
“ท่านใต้เท้าลู่น้อย วันนี้ข้าเข้าใจความหมายของคำกล่าวที่ว่า เห็นคนหล่อโยนผลไม้ให้เต็มรถแล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นมองลู่ฉาวอวี่ด้วยสีหน้าหยอกล้อ “ผู้หญิงอาณาจักรเฟิ่งหลินกล้ารัก กล้าเกลียด และมักแสดงความหลงใหลอย่างเปิดเผย สนใจจะเลือกภรรยาสักคนกลับไปด้วยหรือไม่?”
“สตรีแห่งอาณาจักรเฟิ่งหลินกล้ารัก กล้าเกลียด มีความหลงใหลร้อนแรงเปิดเผย…” ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองเซี่ยเฉิงจิ่น จากนั้นก็หันกลับไปหาลู่จื่ออวิ๋นแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าฮ่องเต้อาณาจักรเฟิ่งหลินจะชอบพวกนางมากทีเดียว”
เซี่ยเฉิงจิ่น “…”
“งานเลี้ยงรับรองได้รับการตระเตรียมไว้แล้ว เข้าไปในวังหลวงเพื่อร่วมงานเลี้ยงกันเถอะ!” อู่อันอ๋องเข้ามาช่วยชีวิตลูกชายได้ทันเวลา
งานเลี้ยงต้อนรับยิ่งใหญ่มากและไม่มีใครกล้าก่อปัญหา เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเข้มแข็งของอาณาจักร การแต่งงานระหว่างสองอาณาจักรนั้นเป็นประโยชน์ต่อทุกคน หากต้องการก่อปัญหาในเวลานี้ก็เท่ากับทำให้อาณาจักรเฟิ่งหลินต้องอับอายขายหน้า
สามวันต่อมา อาณาจักรเฟิ่งหลินจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
หลังจากที่เซี่ยเฉิงจิ่นและลู่จื่ออวิ๋นทำพิธีทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองก็ขึ้นรถม้าแห่ไปรอบ ๆ เมืองหลวงเพื่อให้ราษฎรได้เห็นช่วงเวลาแห่งความสุขนี้
เซี่ยเฉิงจิ่นจับมือของลู่จื่ออวิ๋น
ทั้งสองสวมชุดแต่งงานที่จะได้สวมใส่เพียงครั้งเดียวในชีวิต และกลายเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการโดยมีทุกคนเป็นสักขีพยาน
เหล่าราษฎรชื่นชมรูปลักษณ์อันงดงามของคู่บ่าวสาวและตั้งตารอทายาทที่พวกเขาจะให้กำเนิด เพราะหากพ่อแม่ยังรูปโฉมงดงามเช่นนี้ ลูก ๆ ก็คงจะยิ่งงดงามมากเป็นแน่
ลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ในฝูงชนมองน้องสาว
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เติบโตแล้ว และไม่ต้องการการปกป้องจากเขาอีกต่อไป จากนี้ไปคนที่ใกล้ชิดนางที่สุดจะไม่ใช่เขา แต่เป็นสามีและลูก ๆ ของนาง
“ท่านใต้เท้าลู่น้อย” สาวงามเดินเข้ามาหา ดวงตาที่สดใสคู่นั้นมองเขาด้วยความสงสัย “ท่านกับฮองเฮาหน้าตาเหมือนกันยิ่งนัก”
“อืม” ลู่ฉาวอวี่ถามอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือ?”
“ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่าท่านยังไม่ได้แต่งงาน” หญิงสาวมองเขาอย่างคาดหวัง “ท่านคิดอย่างไรกับข้าหรือ?”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
“ข้าอายุสิบห้าปีแล้ว ถึงวัยที่พร้อมจะหารือเรื่องแต่งงาน” หญิงสาวกล่าวต่อ “ข้าเป็นลูกสาวเสนาบดีกรมกลาโหม ภูมิหลังของข้าไม่เลว ข้าคิดว่ารูปโฉมของข้าก็ไม่ได้ดูแย่ ทุกคนขนานนามว่าข้าเป็นหนึ่งในหญิงที่เก่งที่สุดในอาณาจักรเฟิ่งหลิน…”
หญิงสาวระบุข้อดีของตัวเองทีละอย่าง นางต้องการสื่อชัดเจนว่า ‘ข้าเป็นคนดี ท่านจะไม่ผิดหวังหากแต่งงานกับข้า’
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดน้องสาวของข้าถึงได้มาแต่งงานแดนไกล?” ลู่ฉาวอวี่ขัดจังหวะนาง
“ฮ่องเต้ของเราไปขอนางแต่งงานด้วยตนเอง ช่างน่าตื้นตันใจนัก!”
“น้องสาวของข้ารู้จักฮ่องเต้ของเจ้ามาหลายปี ทั้งสองรักกันมานานแล้ว เหตุผลที่ฮ่องเต้ของเจ้าไม่แต่งงานหลังจากที่เขาขึ้นครองบัลลังก์มาหลายปี เป็นเพราะเขามีหญิงสาวที่อยู่ในใจ” ลู่ฉาวอวี่พูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้ชอบเจ้า เจ้าจึงไม่ใช่ผู้หญิงที่ข้าอยากแต่งงานด้วย เจ้าเป็นคนดีมาก พ่อแม่ของเจ้าเลี้ยงดูเจ้าให้มีนิสัยไร้เดียงสาและชอบออดอ้อน พวกเขาต้องรักเจ้ามากเป็นแน่ ดังนั้นเจ้าควรเลือกคนที่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจและไม่ได้เห็นคุณค่าเจ้าเพียงเพราะสถานะที่มีมาแต่กำเนิดเท่านั้น”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่คาดคิดว่าลู่ฉาวอวี่ที่ดูเย็นชาและไม่แยแสถึงเพียงนี้จะพูดถ้อยคำมากมายกับนาง นางเฝ้ามองเขามานานแล้วและพบว่าเขามักจะเพิกเฉย แม้ว่าขุนนางคนสำคัญจะพูดคุยกับเขาก็ตาม
เมื่อเห็นหญิงสาวตกอยู่ในอาการงุนงง ลู่ฉาวอวี่ก็ยิ้มบาง ๆ
“เจ้าคล้ายกับน้องสาวของข้าอยู่บ้าง นี่เป็นสิ่งที่ข้าพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก”
หลังจากที่ลู่ฉาวอวี่พูดจบ เขาก็จากไปโดยไม่ได้สนใจเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่มาสารภาพรักอีก หลายปีที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ มีคนมาสารภาพรักกับเขามากมาย เพียงแต่ชายหนุ่มไม่ต้องการสนใจ เพียงแต่ตอนนี้อยู่ที่งานแต่งงานของน้องสาว และนางก็เป็นเด็กสาวอีกคนที่ดูใสซื่อและน่ารัก เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
“หรงเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรกับชายที่เดินออกไป?” ฮูหยินของเสนาบดีกรมกลาโหมถามด้วยความกังวล “เขาเป็นคนที่เราไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้”
“ท่านแม่ ข้าชอบเขามาก!” เด็กสาวตัวเล็กมองตามแผ่นหลังลู่ฉาวอวี่แล้วกล่าวต่อ “แต่เขาบอกว่าเขาไม่ชอบข้า”
ผู้เป็นแม่พูดไม่ออก “…”
“เขาบอกว่าท่านพ่อท่านแม่ให้ความสำคัญกับข้ามากและเลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ข้าควรหาคนที่รักข้าจริง เขาพูดถูก ในอนาคตข้าจะต้องเจอคนที่รักข้าและข้าก็รักเขาด้วยเช่นกัน”
“ใต้เท้าลู่น้อยคนนี้ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่ข่าวลือพูดนี่นา” ฮูหยินของเสนาบดีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ต่อไปอย่าทำตัวเหลวไหลเช่นนี้อีก เขาเป็นพี่ชายของฮองเฮา เราไม่อาจทำให้เขาขุ่นเคืองได้แม้แต่น้อย”