สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 83 คนขี้เมา
บทที่ 83 คนขี้เมา
บทที่ 83 คนขี้เมา
“พี่เขย เดินทางไปพบหมอราบรื่นหรือไม่?” มู่เจิ้งหานเอ่ยถาม ทำลายบรรยากาศขมุกขมัวระหว่างทานข้าว
“ก็ดี” ลู่อี้ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนัก “หมอบอกว่าสุขภาพของลู่เซวียนดีขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ”
“เรื่องดีนี่” มู่ซืออวี่ยืนขึ้น “ข้าซื้อเหล้ามาทำอาหาร เราเอามาดื่มฉลองด้วยกันดีกว่า”
นัยน์ตาลู่อี้คลอไปด้วยประกายอีกครั้ง
เพราะปัญหาสุขภาพ ลู่เซวียนจึงมีสีหน้าเศร้าหมองและเฉยเมยอยู่เสมอ สิ่งที่ได้ทราบจากหมอในวันนี้ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมา เขาจึงไม่ได้เอ่ยคัดค้าน
ไม่มีใครกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหน้ากระท่อมในตอนนี้เลย
มู่ต้าซานแสร้งยอมจำนนต่อถงซื่อ แม้ถงซื่อจะไม่รับรู้หรือเห็นด้วยตาของตน แต่ทุกคนรับรู้ได้ชัดเจน ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเขาสักนิด
ลู่อี้ดื่มเหล้าไปสองสามแก้วอย่างอารมณ์ดี
“เต็มจอก” มู่ซืออวี่ยื่นจอกเหล้าให้ลู่อี้
ลู่อี้มีท่าทีลังเล “เจ้าดื่มเหล้ามากได้หรือ?”
“เจ้าดูถูกข้าหรือ?”
เหล้าในยุคโบราณทำจากข้าว ไม่มีแอลกอฮอล์มากนัก ดื่มไปก็ไม่มีปัญหา
ลู่อี้รินเหล้าให้จนเต็มแก้ว
เมื่อเห็นลูกสาวดื่มโดยไม่ลดละ ถงซื่อก็รู้สึกเป็นกังวล “ลูกอวี่ อย่าดื่มมากถึงเพียงนั้น เดี๋ยวจะเมามายเอา”
“ถ้าเมาข้าก็จะไปนอน วันนี้ไม่มีงานให้ทำมากนัก” มู่ซืออวี่กล่าว “ที่ผ่านมาข้าง่วนกับงานทั้งวัน ให้ข้าพักผ่อนสักวันไม่ได้หรือ? อีกอย่าง วันนี้ท่านไม่มีความสุขหรือ?!”
“ข้าดีขึ้นแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า? เหตุใดเจ้าถึงยินดีนัก?” ลู่เซวียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าเป็นเหมือนน้องชายของข้านั่นแหละ หากเจ้าสุขภาพดีก็จะได้แต่งงานในไม่ช้า ทีนี้ข้าก็ไม่จำเป็นต้องปรนนิบัติเจ้าอีกต่อไป แล้วเหตุใดข้าจะไม่มีความสุขเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ยวาจาเสียดสีอย่างไม่ยอมแพ้
คำพูดนี้ทำให้ลู่เซวียนใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เจ้า… เจ้าไร้อย่างอายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หญิงผู้นี้… เหตุใดถึงเอ่ยวาจา…”
แต่งงานอะไรกัน?
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“ไฉนถึงหน้าแดง ข้าพูดเช่นนี้แล้วอย่างไร ไม่ใช่ความจริงหรือ?” มู่ซืออวี่ตบไหล่ลู่เซวียน “อย่าห่วงเลย ข้าในฐานะพี่สะใภ้ของเจ้าจะช่วยหาสตรีที่เหมาะสมให้แก่เจ้าเอง รับรองได้ว่าเจ้าจะพอใจจนต้องเอ่ยขอบคุณข้า”
“ท่านพี่ ข้าไม่ยอมให้นางทำเช่นนั้นหรอกนะ” เมื่อเห็นว่าไม่อาจโต้เถียงมู่ซืออวี่ได้ ลู่เซวียนจึงขอความช่วยเหลือจากลู่อี้
ลู่อี้จิบเหล้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไร้ความเคร่งเครียดอย่างที่เคยเป็น
“พี่สะใภ้ของเจ้าพูดถูกแล้ว ควรจะเป็นเช่นนั้นนั่นแหละ”
“พวก… พวกท่านรังแกข้า!” ลู่เซวียนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
หลังมื้อเย็น ถงซื่อก็เก็บข้าวของบนโต๊ะอาหาร เหลือไว้เพียงหมูตุ๋นและอาหารเย็นสำหรับขี้เมาทั้งสอง
คนอื่น ๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อไปทำธุระของตน
ลู่จื่ออวิ๋นออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน แตกต่างจากลู่ฉาวอวี่ที่ออกไปเก็บฟืนเพื่อขายในทุกวัน ทว่ามีเพียงลู่จื่ออวิ๋นเท่านั้นที่รู้
ลู่เซวียนกลับไปยังห้องนอนของตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย
โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้เหลือเพียงสองชายหญิงที่ดื่มเหล้ากันอยู่
มู่ซืออวี่วางมือบนไหล่ลู่อี้ “เหตุใดจึงไม่ดื่ม? มัวคิดอะไรอยู่? ดื่มเสีย!”
ลู่อี้ชะงักไปครู่หนึ่ง จ้องมองไปยังหญิงสาวด้านข้างด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
น้ำหนักของนางลดลงแล้ว ใบหน้าคมชัดมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“มองอะไร? ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ?” มู่ซืออวี่หน้ามุ่ยพลางกล่าวต่อไปว่า “ข้ารู้สึกคุ้นเคยเจ้ามาก ราวกับเคยได้พบที่ใดมาก่อน อืม…”
ลู่อี้รู้ได้ทันทีว่านางเมาหนัก
นางเลือกซื้อเหล้าที่ดีที่สุดในเมือง ดูเหมือนว่านางจะทำเงินได้มากในขณะที่เขาไม่อยู่
เขาเหลือบมองดอกไม้ในสวนก่อนจะหันกลับมาจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยความชื่นชม แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกประทับใจต่อหญิงนิรนามผู้นี้มากเพียงใด
“หัวโคลงหมดแล้ว ไม่ได้ล่ะ ดื่มต่อไปไม่ไหวแล้ว”
มู่ซืออวี่วางเหล้าในมือก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างโซเซ ลู่อี้กำลังช่วยพยุงนางไว้
ฟึ่บ!
หญิงสาวที่กำลังเซไปเซมาล้มทับตักของเขา
ลู่อี้ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
แม้ทั้งสองจะมีลูกด้วยกันแล้ว แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาถูกฤทธิ์ยา ตอนตื่นขึ้นมาไร้ความทรงจำใด หรืออาจกล่าวได้ว่าลู่อี้ไม่มีความทรงจำเรื่องความรักกับหญิงผู้นี้เลย
ในอดีต มู่ซืออวี่เป็นหญิงเจ้าระเบียบและปากร้าย เขาเกลียดชังนางจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่แม้แต่จะคิดเข้าใกล้นาง แต่ ‘นาง’ ในปัจจุบันกลับแตกต่างออกไป ร่างกายเปี่ยมไปด้วยกลิ่นหอม แววตาใสกระจ่างดุจท้องฟ้างาม
มู่ซืออวี่จับหน้าลู่อี้พลางกล่าวว่า “หล่อเหลานะเนี่ย”
ลู่อี้จับมือนางไว้ แล้วชี้ไปยังรอยแผลเป็นบนใบหน้า “สิ่งนี้เรียกว่าหล่อเหลาหรือ?”
“สิ่งนี้…” มู่ซืออวี่สัมผัสรอยแผล “สำคัญอย่างไรเล่า? ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ยังหล่อเหลาอยู่ดี”
ลู่อี้เผยรอยยิ้ม “เจ้าเมามากแล้ว ไปนอนเถอะ”
“นอน? งืม ไปนอน” มู่ซืออวี่ยืนขึ้นอย่างโซเซ
เมื่อเห็นว่านางกำลังจะล้มลง ลู่อี้ก็ช่วยพยุงอีกครั้ง ชายหนุ่มจับมือนาง ช่วยพยุงไปยังห้องนอน
มู่ซืออวี่ทำหน้ามุ่ย “มือข้า เจ็บมือชะมัด”
ลู่อี้หายใจเข้าลึก ๆ “งั้นข้าจะปล่อยเจ้า เจ้าเดินไปเองก็แล้วกัน”
“เหตุใดข้าจึงต้องเดินไปเอง? เท้าของข้าไม่ได้ถูกสร้างมาให้เดิน” มู่ซืออวี่ตะคอกอย่างเย็นชาพลางเอื้อมมือจับประตูแน่น
ลู่อี้ “…”
เช่นนั้นแล้วเท้าของนางถูกสร้างมาเพื่ออะไร?
นางคงเมามากทีเดียว
“เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องของเจ้าเสีย พักผ่อนเถอะ” ลู่อี้กล่าวอย่างอดทน
“เหตุใดข้าต้องนอนหลับพักผ่อน? เจ้าคิดจะทำอะไรต่อข้า?” มู่ซืออวี่กอดหน้าอกของตนพร้อมจ้องมองลู่อี้อย่างระแวดระวัง “ข้าบอกเจ้าแล้วว่า เจ้าไม่มีสิทธิ์คิดแทนหรือทำอะไรข้าได้ตามอำเภอใจ เพราะข้าไม่ยอมแน่”
ลู่อี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ
เขาคว้าแขนของนางแล้วอุ้มนางขึ้นมา
“อ๊า!!!” มู่ซืออวี่ตะโกนลั่น
ลู่เซวียนตื่นจากการหลับใหล เขาเปิดประตูห้องนอน เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเต็มตา
“เสียงดังโวยวาย นึกว่าหมูถูกเชือด” เขาพร่ำบ่น “ข้าบอกแล้วว่าอย่าปล่อยให้นางดื่มจนเมามาย ท่านพี่รับมือไม่ไหวหรอก ดื่มเหล้ามาก ๆ เดี๋ยวก็เป็นหญิงติดเหล้าซะหรอก”
เสียงกรีดร้องของมู่ซืออวี่ดังมาจากในห้อง ตามมาด้วยเสียงตึงตัง ฟังดูแปลกพิกล
ลู่เซวียนเป็นกังวลต่อความปลอดภัยของพี่ชาย ตั้งใจจะเข้าไปดู แต่เขาก็ไม่อยากเห็นในสิ่งที่ไม่ต้องการเห็น ชายหนุ่มจึงเพิกเฉยแล้วกลับไปยังห้องนอนของตน
ลู่อี้จ้องมองมู่ซืออวี่ซึ่งถูกห่อด้วยผ้าห่มอย่างแน่นหนาและหลับใหลอย่างสงบ เขาสัมผัสรอยขีดข่วนบนจมูกของตน ความสิ้นหวังฉายชัดในแววตา
นางจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มอีกต่อไป
มู่ซืออวี่พึมพำก่อนจะหันไปอีกทางแล้วผล็อยหลับไป
ลู่อี้กลับไปยังห้องนอน เมื่อเห็นว่าลู่เซวียนยังไม่หลับจึงเอ่ยถาม “ข้ารบกวนเจ้าจนตื่นหรือเปล่า?”
ลู่เซวียนลุกขึ้นนั่ง “ท่านพี่ ท่านให้อภัยนางแล้วหรือ?”
ลู่อี้ชะงักก่อนจะถอดเสื้อคลุม “เหตุใดจึงถามเช่นนั้น?”
“ข้าแค่เห็นว่าตอนนี้นางเปลี่ยนไปมาก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เรามีชีวิตดีแน่ หากพี่ให้อภัยนางและคิดเช่นเดียวกับข้าแล้ว เหตุใดไม่หลับนอนห้องเดียวกับนาง ไม่ก็สร้างห้องใหม่สำหรับพวกท่านทั้งสองเล่า?”
ลู่อี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนถึงเพียงนั้น”
แม้จะไม่แสดงออก แต่ลู่อี้ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า มู่ซืออวี่ยังคงไม่ไว้ใจและเฝ้าจับตามองเขาอย่างระแวดระวังเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่เคยคิดถึงเรื่องที่น้องชายกล่าวมาเลย