สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 830 โบกมือลา
บทที่ 830 โบกมือลา
บทที่ 830 โบกมือลา
โครม! ชายร่างสูงถูกโยนลงไปที่พื้นอีกครั้ง
เขานอนนิ่งอยู่ตรงนั้น แล้วโบกมืออย่างอ่อนแรง “ไม่แข่งแล้ว ไม่แข่งแล้ว! ข้ายอมแพ้!”
คนอื่นส่งเสียงโห่ฮา
สิงเจียซือยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ลู่ฉาวอวี่ที่เหงื่อออก “เช็ดหน้าสิ”
“ขอบคุณ” ลู่ฉาวอวี่รับไป
“ข้าได้ยินมาว่าท่านกำลังจะไปแล้ว” สิงเจียซือมองเขา “จะไปเมื่อไหร่หรือ?”
“ข้าเพิ่งกล่าวคำอำลากับหัวหน้าเผ่าและจะออกเดินทางพรุ่งนี้” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “คนเผ่าถ่าลาดีกับข้ายิ่งนัก จากนี้ หากพวกเขาไปอุดหนุนกิจการของสกุลลู่ของข้า คนเผ่าถ่าลาจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่ง เมื่อแสดงหลักฐานยืนยันตัวตน”
“พวกเขาจะไม่ออกจากอาณาเขตของชนเผ่าถ่าลาหรอก”
“เรื่องนี้ไม่อาจบอกได้แน่นอน คนจะค่อย ๆ พัฒนา เผ่าถ่าลาตอนนี้ขังตัวเองอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ซึ่งไม่ดีต่อการเจริญก้าวหน้า บางทีสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะยอมออกไปจากที่นี่ แล้วสิ่งที่ข้ามอบให้ก็จะมีประโยชน์” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
“เช่นนั้นก็ต้องขอขอบคุณใต้เท้าลู่น้อยล่วงหน้า” สิงเจียซือกล่าว “ในฐานะเจ้าบ้าน ข้าควรจะต้อนรับแขกผู้มีเกียรติให้ดี ก่อนหน้านี้ ท่านมีอาการบาดเจ็บทำให้ทานอาหารได้ไม่มาก ตอนนี้ท่านหายดีแล้ว ไม่มีของแสลงอีกต่อไป ข้าจะทำอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยของเผ่าถ่าลาให้ท่านได้ลองชิมดู ดีหรือไม่?”
“ย่อมได้ ขอบคุณเจ้ามาก”
ตั่วน่าถูกกักบริเวณเป็นเวลาหลายวัน และในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัว
สิงเจียซือกำลังทำอาหารอยู่ ตอนที่ตั่วน่าเดินเข้ามาหา
“เสี่ยวซือ เขากำลังจะไปแล้วหรือ?”
“ใช่แล้ว” สิงเจียซือหยุดทำอาหาร แล้วมองนางด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้บอบบางถึงเพียงนั้น พ่อข้าอธิบายให้ข้าฟังแล้ว ข้าจึงเข้าใจว่าข้าไม่อาจเอื้อมของสูงเพียงนั้นได้ แต่เขาหล่อมาก…” เมื่อเอ่ยถึงใบหน้านั้น ตั่วน่าก็น้ำลายไหล
สิงเจียซือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“หากเจ้าชอบผู้ชายหน้าตาเช่นนี้ ในอาณาจักรมีค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่ามีผู้ชายน้อยมากที่หล่อเหลาเท่าเขา กล่าวได้ว่าแทบจะหาไม่ได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้ชายหน้าตาคล้าย ๆ กันอีกไม่น้อย”
“หากข้ามีโอกาส ข้าจะไปดูที่อาณาจักรฮุ่ยแน่นอน” ตั่วน่ามีสีหน้าโหยหา “เจ้าไม่ใช่คนจากอาณาจักรฮุ่ยหรอกหรือ? พาข้าไปสิ!”
สิงเจียซือลำบากใจ
ตั่วน่ารั้งอยู่ได้ไม่นานนัก หัวหน้าเผ่าก็ส่งคนมาเรียก นางจึงต้องตามออกไป
ที่โต๊ะอาหารเย็น ลู่ฉาวอวี่ยื่นซองจดหมายให้สิงเจียซือ
นางสงสัย “นี่คืออะไร?”
“จดหมายแนะนำ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ข้าเคยพบกับน้องชายเจ้า แม้ว่าเขาจะเข้ากับคนในเผ่าถ่าลาได้ดีแต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ชิน มีสำนักศึกษาอยู่ที่เมืองถงหยาง อาจารย์ที่นั่นล้วนเป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ น้องชายของเจ้าฉลาดมาก ตราบใดที่เขาเรียนหนักก็สามารถเป็นเสาหลักของแคว้นได้ในอนาคต หากท่านตัดสินใจได้แล้วก็รับจดหมายนี้แล้วไปยังเมืองถงหยางที่ลุงของข้าเป็นเจ้าเมืองอยู่เถิด”
“ขอบคุณ”
“นี่สำหรับเจ้า” ลู่ฉาวอวี่ยื่นจี้หยกให้นาง “มันคือสัญลักษณ์ของข้า หากเจ้ามีปัญหาใด ๆ เจ้าสามารถนำไปที่ร้านของสกุลลู่แล้วขอเงินได้เลย”
“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะใช้มันทำเรื่องไม่ดีหรือ?”
“นี่ไม่ใช่เหรียญตราทางการที่เกี่ยวข้องกับกำลังคนและทรัพย์สินส่วนใหญ่ เจ้าจะใช้มันทำเรื่องไม่ดีอะไรได้?” ลู่ฉาวอวี่ยิ้มบาง ๆ “หากเจ้ามีความสามารถเช่นนั้น ข้าก็จะชื่นชมมากทีเดียว”
สิงเจียซือเม้มปาก แล้วบ่นพึมพำ “อย่าได้ประมาทผู้อื่นเชียว”
“ผู้ช่วยชีวิต ข้าเสนอให้เจ้าดื่มชาหนึ่งถ้วยแทนสุรา”
เมื่อลู่ฉาวอวี่จากไป
สิงเจียซือยืนอยู่บนยอดเขาเฝ้ามองชายหนุ่มและพรรคพวกขี่ม้าที่ซื้อจากเผ่าถ่าลาออกไป
“พี่หญิง…” น้องชายตัวน้อยสกุลสิงเงยหน้าขึ้นมองนาง “ข้าอยากกลับบ้านแล้ว”
“น้องชาย เจ้าอยากศึกษาเล่าเรียนหรือไม่?” สิงเจียซือถาม “ข้าจะส่งเจ้าไปเรียนที่เมืองถงหยาง”
ไม่กี่เดือนต่อมา ลู่ฉาวอวี่ก็กลับมาที่เมืองหลวง
ทันทีที่เขากลับมาก็ตรงไปที่วังหลวงเพื่อรายงานสถานการณ์เรื่องการส่งตัวเจ้าสาวและเรื่องมือสังหารที่เขาพบระหว่างทาง พวกมือสังหารน่าจะมาจากอาณาจักรเหลียง เรื่องเหล่านี้จำเป็นต้องกราบทูลฝ่าบาท
ลู่อี้เพิ่งออกมาจากวังหลวง เมื่อเห็นลู่ฉาวอวี่ เขาก็หยุดเดิน มองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีนัก”
“ข้าสบายดีขอรับ”
“ดูไม่ค่อยดีเลย แม่ของเจ้าย่อมสังเกตได้ทันทีแน่”
“แล้วอย่างไรขอรับ?”
“ให้คนช่วยเอาสีแดงมาทาหน้าให้ก่อนกลับจวนเถิด หน้าเจ้าจะได้ดูสดใสขึ้นมาบ้าง”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
วังกงกงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “…”
เขาไม่ได้ยินอะไรเลย
ลู่อี้เดินจากไป โดยไม่สนว่าคำพูดของเขาจะทำให้ทุกคนตกใจมากแค่ไหน
“ใต้เท้าลู่น้อย ขอบคุณสำหรับความพยายามของท่านขอรับ” วังกงกงพูดกับลู่ฉาวอวี่
ยามนี้มู่ซืออวี่กำลังวาดแบบร่างอยู่ จู่ ๆ ก็มีใบหน้าหนึ่งโผล่ออกมาจากประตู
“ท่านอาจารย์…”
“เจ้ากลับมาแล้ว” เมื่อเห็นหลี่กู่หยวน มู่ซืออวี่ก็หัวเราะ
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” นางวางพู่กันในมือลง
“เพิ่งกลับมาขอรับ”
“มาถึงก็ไปพบแม่ของเจ้าทันทีเลยหรือ?”
“ไปพบแล้วขอรับ แม่ของข้ายุ่งอยู่กับการพูดคุยกับพวกป้า ๆ ไม่สนใจข้าแม้แต่น้อย” หลี่กู่หยวนทำอะไรไม่ถูก
“แม่ของเจ้ากำลังเจรจาเรื่องการแต่งงานให้เจ้า พวกป้า ๆ เหล่านั้นเป็นแม่สื่อที่มีชื่อเสียงของที่นี่” มู่ซืออวี่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าก็ว่าอยู่ พวกนางมองข้าแปลก ๆ ปรากฏว่าพวกนางกำลังประเมินข้านี่เอง” หลี่กู่หยวนกล่าว “ข้ามิอาจปล่อยให้แม่ของข้าทำเรื่องเหลวไหลได้”
“เมื่ออายุเจ้าเท่านี้แล้วยังไม่มีคู่ แน่นอนว่าแม่ของเจ้าคงกังวลใจ” มู่ซืออวี่กล่าว “ใช่แล้ว ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็มาเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
หลี่กู่หยวนเล่าถึงงานแต่งงานระหว่างลู่จื่ออวิ๋นกับเซี่ยเฉิงจิ่น และวิธีที่เซี่ยเฉิงจิ่นเอาใจใส่นางหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน
“คู่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน แน่นอนว่าผู้ชายย่อมเอาใจใส่ เวลาคือสิ่งที่ทดสอบใจคนได้ดีที่สุด รอดูกันต่อไปเถิด!”
“ท่านอาจารย์พูดถูกต้องขอรับ หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมเด็ดขาด” หลี่กู่หยวนกล่าว
“ฉาวอวี่เข้าไปในวังหลวงแล้วหรือ?”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นข้าต้องกลับไปเตรียมตัวแล้ว” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน “ตอนเย็นหากเจ้าว่างก็มาทานอาหารเย็นได้ แน่นอนว่าหากแม่ของเจ้าอยากอยู่กับเจ้าก็อย่ามาเลย พรุ่งนี้ค่อยมา”
มู่ซืออวี่นั่งรถม้ากลับไป ก่อนรถม้าจะไปถึงจวนอัครมหาเสนาบดี ปรากฏว่าล้อรถม้าหัก นางจึงต้องเดินกลับ
“ชิงไต้ เจ้าได้ยินอะไรหรือไม่” มู่ซืออวี่ถาม
“ดูเหมือนจะเป็นเสียงของคุณหนูรองเจ้าค่ะ” ชิงไต้ตอบ
เมื่อมู่ซืออวี่เดินตามเสียงนั้นไปก็พบลู่จื่อชิงอยู่ในตรอกที่มีเด็กหลายคน
ในบรรดาเด็กเหล่านั้นมีลูกชายคนเล็กของผู้ตรวจการซ่ง ลู่ฉาวจิ่ง สองแฝดตัวน้อย และเด็กอีกสองสามคนกำลังเผชิญหน้ากับเด็กที่ตัวใหญ่กว่าหลายคน เด็กตัวสูงน่าจะมาจากครอบครัวชาวบ้านธรรมดาเพราะแต่งกายเรียบง่าย
“หากข้าเอาชนะพวกเจ้าได้ ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นหัวหน้าของที่นี่ และพวกเจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่หญิงใหญ่” ลู่จื่อชิงยืนเท้าเอวพูดด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เด็กชาวบ้านที่ตัวใหญ่กว่ากล่าวว่า “ได้ ตราบใดที่เจ้าเอาชนะข้าได้ นับจากนี้ไปเจ้าจะเป็นพี่สาวของข้า!”
“เช่นนั้นแน่จริงก็เข้ามาเลย!” ลู่จื่อชิงกระดิกนิ้ว
เด็กตัวใหญ่จึงรีบวิ่งเข้าใส่นาง
เมื่อชิงไต้เห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนก อยากจะก้าวเข้าไปหยุด แต่โดนมู่ซืออวี่ห้ามไว้
มู่ซืออวี่มองเหตุการณ์นี้อย่างสงบ ไม่ได้รู้สึกกังวลแม้แต่น้อย
โครม!
เด็กชายตัวใหญ่ถูกลู่จื่อชิงโยนออกไป