สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 837 พวกเราจะรอท่านกลับมา
บทที่ 837 พวกเราจะรอท่านกลับมา
บทที่ 837 พวกเราจะรอท่านกลับมา
“เมื่อคืนพระองค์ไม่ได้บรรทมทั้งคืน อีกทั้งยังออกไปแต่เช้าโดยที่ยังไม่ได้เสวยอะไร พวกเราจึงมารอเสวยพร้อมฝ่าบาท เพื่อป้องกันไม่ให้พระองค์ละเลยพระวรกายของตนเอง” ซ่างกวนจิ่นซิ่วตอบ
“ได้สิ” ฟ่านหยวนซีเอ่ยกับวังกงกง “เสวยกันเลยเถิด”
“ไปเถอะ” ฟ่านหยวนซีอุ้มฟ่านซวี่ขึ้นมาแล้วจูงมือซ่างกวนจิ่นซิ่วเข้าไปในห้องโถง
ตั้งแต่สมัยโบราณ ฮ่องเต้ไม่ได้ใกล้ชิดกับลูกหลานมากนัก ประการแรก เพราะพ่อที่รักลูกมากมักจะล้มเหลว และประการที่สอง พ่อและลูกในราชวงศ์ ไม่เพียงแค่เป็นพ่อลูกกันเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์แบบฮ่องเต้กับขุนนางด้วย
เพื่อรักษาพระบารมี ฮ่องเต้ต้องพยายามไม่ใกล้ชิดกับโอรสให้มากที่สุด
แต่ฟ่านหยวนซีนั้นแตกต่างออกไป เขาแสดงความรักต่อฟ่านซวี่โดยไม่ลังเล ปล่อยให้เด็กชายขี่คอและเพลิดเพลินไปกับความสุขในครอบครัวเหมือนคนเป็นพ่อทั่ว ๆ ไป
ฟ่านซวี่กอดคอฟ่านหยวนซีไว้
ฟ่านหยวนซีต้องการจะวางเขาลง แต่เด็กชายกลับจับไว้แน่น
“ซวี่เอ๋อร์ ถึงเวลาที่เจ้าต้องลงไปได้แล้ว” ฟ่านหยวนซีคลี่ยิ้ม
“เสด็จพ่อ พวกเขาบอกว่าท่านต้องการเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเอง”
ฮ่องเต้ฮุ่ยเงยหน้าขึ้นมองซ่างกวนจิ่นซิ่วก่อนเป็นอันดับแรก
ซ่างกวนจิ่นซิ่วกล่าวว่า “ข่าวนี้แพร่กระจายไปในหมู่ข้ารับใช้ในวัง เขาได้ยินคนอื่น ๆ พูดถึงเรื่องนี้เพคะ”
ฟ่านหยวนซีเอ่ยกับฟ่านซวี่ว่า “ใช่ พ่อต้องการเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเอง”
“แล้วท่านจะกลับมาเมื่อไหร่หรือขอรับ?”
“อืม พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เสด็จพ่อจะกลับมาฉลองวันเกิดปีที่สี่ของลูกได้หรือไม่?” ฟ่านซวี่มองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
“ไม่ได้”
“แล้วปีที่ห้าล่ะขอรับ?”
“ซวี่เอ๋อร์ พ่อต้องการเป็นผู้นำทัพครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังเพื่อเหล่าทวยราษฎร์ของอาณาจักรฮุ่ยและเพื่อเจ้า องค์รัชทายาท พ่อต้องกำจัดเสี้ยนหนามทั้งหมดในตอนนี้ ในอนาคตเจ้าจะได้เดินบนเส้นทางที่ราบรื่น พ่อสัญญาไม่ได้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่สัญญาได้ว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”
ฟ่านซวี่กอดฟ่านหยวนซีไว้แน่น ถูใบหน้าเล็ก ๆ ลงกับแก้มของเขา
ฟ่านหยวนซีไม่ได้นอนมาทั้งคืน เขาดูซีดเซียวอีกทั้งหนวดเครายังงอกขึ้นมา เมื่อฟ่านซวี่ถูหน้าของตนเช่นนี้ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่ามีตอหนวดทิ่มแก้มอันบอบบาง ทำให้ใบหน้าของเด็กชายแดงก่ำทันที
บรรดาข้าราชบริพารยกอาหารมาให้
ซ่างกวนจิ่นซิ่วกล่าวว่า “ซวี่เอ๋อร์ ปล่อยเสด็จพ่อของเจ้าก่อน”
“ลูกไม่ปล่อย”
“ช่างเถอะ” ฟ่านหยวนซีลูบผมของฟ่านซวี่ “ปล่อยเขา”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วมองชายผู้อ่อนโยนที่อยู่ตรงหน้า
นางไม่เคยคาดหวังว่าวันหนึ่งจะได้ใช้คำคำนี้กับเขา
ตั้งแต่กลายมาเป็นพ่อ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้ฮุ่ยจะอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของเขามีชีวิตชีวาและนุ่มนวลมากขึ้น
“ข้าแต่งตั้งให้ลู่อี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เมืองหลวง ข้าจะฝากเรื่องทั้งหมดในราชสำนักไว้กับเขา หากพวกเจ้าสองคนมีปัญหาอะไรก็จงไปหาเขา” ฟ่านหยวนซีกล่าว “แน่นอนว่าการตัดสินใจของข้าเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของพวกเจ้า ข้าย่อมไม่พลาดที่จะเตรียมการไว้ล่วงหน้า ข้าจะให้กองทัพกิเลนแก่เจ้า พวกเขาจะเชื่อฟังเพียงคำสั่งของเจ้าเท่านั้น หากมีอันตราย พวกเขาสามารถพาเจ้าทั้งสองออกจากเมืองหลวงได้”
“ท่านคลางแคลงใจใต้เท้าลู่หรือ…”
“ไม่ ข้าแค่คุ้นเคยกับการเตรียมการล่วงหน้า จริง ๆ แล้วเราคงไม่จำเป็นต้องใช้ทางออกนี้หรอก” ฟ่านหยวนซีกล่าว “ลู่อี้พิชิตอาณาจักรนี้พร้อมกับข้า หากเขาต้องการตำแหน่งนี้จริง ๆ ข้าก็ยินดี”
“เราสองคนจะรอท่านกลับมา” ซ่างกวนจิ่นซิ่วพูด “ฝ่าบาทต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเพคะ”
ก่อนที่ฟ่านหยวนซีจะออกจากเมืองหลวง เขาได้จัดงานเลี้ยงในวังหลวงและเชิญขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารของราชสำนักเข้าร่วมงานเลี้ยง
จวนลู่มีคนที่อยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น จากที่สูงส่งมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสูงส่งมากขึ้นไปอีก
ลู่ฉาวอวี่กลายเป็นบุรุษที่สตรีทุกคนในเมืองหลวงอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด
“ท่านใต้เท้าลู่น้อย ข้าขอดื่มสุราแก้วนี้กับท่าน…”
“ท่านใต้เท้าอิน กรุณาด้วย” ลู่ฉาวอวี่ยกแก้วขึ้น
ทั้งสองดื่มมันหมดในอึกเดียว
ใต้เท้าอินวางแขนโอบไหล่ของลู่ฉาวอวี่แล้วชี้ไปที่สตรีนางหนึ่งในฝูงชน ก่อนจะพูดว่า “นั่นคือสหายรุ่นน้องของข้าเอง นางหลงรักท่านสุดหัวใจและอยากรู้จัก ไม่ทราบว่าท่านจะ…”
“ไม่” ลู่ฉาวอวี่ผลักแขนของอีกฝ่ายออกแล้วพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมีความรัก ข้าแค่อยากทำหน้าที่ของตนให้ดีเท่านั้น หากใต้เท้าอินต้องการเป็นพ่อสื่อ ตำแหน่งของท่านในฐานะเสนาบดีกรมพระคลังก็สามารถยกให้คนอื่นได้”
“อย่านะ… ข้าก็แค่ล้อเล่น…”
ฟ่านหยวนซีและลู่อี้กำลังดื่มกันอยู่
สิ่งที่เกิดขึ้นในลานไม่อาจพ้นไปจากสายตาของเขาได้ ลู่ฉาวอวี่เนื้อหอมมาก แน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมไม่เพิกเฉย
“เมื่อถึงเวลาที่ข้าได้ชัยชนะกลับมา ใต้เท้าลู่น้อยจะได้แต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”
“ต้องรอจนกว่าฝ่าบาทคว้าชัยชนะกลับมาก่อนจึงจะมีงานแต่งงาน นั่นถึงจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกันได้” ลู่อี้กล่าว
“ไม่นานไปหน่อยหรือ? เด็ก ๆ สกุลลู่นั้นแปลกยิ่งนัก” ฟ่านหยวนซีกล่าว “นั่นคือคุณหนูรองในครอบครัวของเจ้าใช่หรือไม่? นางมีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชาย เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะผิดเพศ?”
“ผู้หญิงควรทำอย่างไร ผู้ชายควรทำอย่างไร? ในฐานะผู้หญิง แม่ของนางได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้ชายยังไม่สามารถทำได้ เพียงแค่นางมีนิสัยเช่นนี้ เหตุใดนางจึงจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้วเล่า?” ลู่อี้กล่าว “ท่านคงไม่รู้ว่ามีคนคนหนึ่งจ้องมองนางอยู่ตลอดทั้งวัน เพราะต้องการขโมยลูกสาวคนรองไปจากข้า!”
ลู่จื่อชิงนั่งข้างฉีเซียว เงยหน้าเล็ก ๆ ของนางบ้างเป็นครั้งคราว เผยรอยยิ้มน่ารัก ในขณะที่ฉีเซียวซึ่งอยู่ข้าง ๆ คอยป้อนอาหารให้นางเป็นครั้งคราว เอาใจใส่เด็กหญิงราวกับลูกสาวก็มิปาน
ลู่อี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นไส้
นางเป็นลูกสาวของใครกันแน่?
เด็กผู้หญิงคนนั้น ลู่จื่อชิง ไม่ได้สนิทกับพ่อผู้ให้กำเนิดมากถึงเพียงนั้นใช่หรือไม่?
ฟ่านหยวนซีได้เห็นสถานการณ์ที่ว่าแล้ว
“ฮ่าฮ่า…” เขาอดไม่ได้ที่จะขบขัน
“เหตุใดท่านถึงหัวเราะเล่า?” ลู่อี้พูดด้วยความโกรธ
“ข้าคุยกับฉีเซียวตามลำพังเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะอยากจะจัดการเรื่องการแต่งงานให้เขา แต่เจ้านั่นปฏิเสธด้วยคำพูดที่หนักแน่น เขาบอกว่าตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่แต่งงานมีลูก” ฟ่านหยวนซีกล่าว “เป็นเรื่องปกติที่จะไม่อยากแต่งงานมีลูก แต่เหตุใดเขาถึงอยากบวชเป็นพระด้วย?”
“บางทีอาจเกี่ยวข้องกับร่างกายของเขาก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” วังกงกงที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น “ตอนนี้ร่างกายของใต้เท้าฉีค่อนข้างอ่อนแอ เขาไม่สามารถปีนภูเขาดำดินเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว”
“เขาก็แค่ยังไม่เคยพบคนที่ถูกใจ!” ลู่อี้กล่าว “เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถเร่งเร้าได้”
“บางทีอาจจะเคยพบกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่ด้วยกัน” วันนี้ฟ่านหยวนซีตั้งใจจะเย้าแหย่ แต่ลู่อี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ฉีเซียวกำลังคิดอะไรอยู่ หากเขาเปิดเผยอย่างชัดเจน คนอื่น ๆ มีหรือจะไม่รู้
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของเขาเป็นเรื่องของเขาและมันยังไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น จึงไม่สำคัญว่าความจริงจะเป็นเช่นไร
“ท่านอาจารย์ ข้าอยากกินกุ้ง” ลู่จื่อชิงชี้ไปที่กุ้งในชาม
ฉีเซียวโบกมือให้นางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ ไปหยิบให้
นางกำนัลรีบพูดว่า “ข้าน้อยจะแกะเปลือกให้คุณหนูเองเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง” ฉีเซียวพูดอย่างใจเย็น “เจ้าไปเอาน้ำมาก็พอ”
ฉีเซียวทำความสะอาดมือแล้วเช็ดคราบน้ำด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นจึงเริ่มแกะกุ้งให้ลู่จื่อชิง
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ มองใต้เท้าฉีด้วยสายตาแปลกประหลาด
คุณสมบัติความเป็นพ่อของฉีเซียว ไม่สามารถเทียบได้กับพ่อคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้
“ดูใต้เท้าฉีสิว่าเขาใส่ใจดูแลเด็กมากแค่ไหน! หากเขาแต่งงานและมีลูกเป็นของตัวเอง เหตุใดจะไม่ดูแลเหมือนที่ดูแลคุณหนูสกุลลู่เล่า?” มีคนพูดขึ้น “หลานสาวของเจ้าก็น่ารักดีนี่ อยากจะลองดูหรือไม่?”
“อย่าทำให้ตัวเองขายหน้าเลย ไม่รู้หรือว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีแม่สื่อถูกไล่ออกจากจวนของเขากี่คน ไม่รู้ว่าเขาปฏิเสธผู้หญิงไปมากเท่าใดแล้ว ข้าคิดว่าคนผู้นี้เลือกมากนัก”
“เป็นเพราะผู้หญิงไม่ดี หรือว่า…”
“ชู่ว!”