สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 840 สถานการณ์การสู้รบ
บทที่ 840 สถานการณ์การสู้รบ
บทที่ 840 สถานการณ์การสู้รบ
ณ วังหลวง ลู่อี้กระจายฎีกาออกไป แล้วอธิบายให้ฟ่านซวี่ที่อยู่ข้าง ๆ ทราบถึงวิธีจัดการกับเรื่องราชกิจในสถานที่ต่าง ๆ
ฟ่านซวี่ฟังด้วยความงุนงง สีหน้าราวกับกำลังบ่งบอกว่า ‘ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร’
ลู่อี้ลูบหัวของเด็กชาย ขณะมองด้วยสายตาเอ็นดู “หากเจ้าไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่สำคัญหรอก เจ้าเพียงแค่ต้องรู้เรื่องนี้ไว้ ในอนาคตเดี๋ยวเจ้าก็จะค่อย ๆ เข้าใจมันเอง”
“ท่านพ่อ มีข่าวอะไรจากเสด็จพ่อบ้างหรือไม่ขอรับ?” ฟ่านซวี่กล่าว “เสด็จแม่อยู่ที่ห้องโถงเล็ก ๆ ทุกวัน คัดลอกพระสูตรและสวดมนต์ภาวนา หากมีข่าวดีเกี่ยวกับเสด็จพ่อ ข้าอยากจะนำไปบอกนางเพื่อคลายความกังวล”
“เสด็จพ่อของเจ้าจากไปครึ่งปีแล้ว คาดว่าน่าจะมีข่าวมาถึงเร็ว ๆ นี้” ลู่อี้พูด “ไม่ต้องกังวล เขากล้าหาญและเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ ดังนั้นเขาจะต้องไม่เป็นอะไร”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ข้อมูลทางทหารเร่งด่วนถูกส่งกลับมายังเมืองหลวง
อาณาจักรฮุ่ยและอาณาจักรเหลียงเข้าสู่สงครามอย่างเป็นทางการแล้ว
ฟ่านหยวนซีออกเดินทางนำทัพด้วยตัวเอง เอาชนะเหล่าอริราชศัตรูจนแตกพ่าย
อาณาจักรเหลียงส่งแม่ทัพมากมายมาสมทบแต่ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ ดังนั้นฟ่านเหยี่ยนจึงทำตามอย่างฟ่านหยวนซีด้วยการเป็นผู้นำทัพด้วยตัวเอง บัดนี้สงครามชายแดนเป็นสงครามระหว่างฮ่องเต้ทั้งสองพระองค์
ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกโล่งใจมากหลังจากอ่านรายงานการต่อสู้
“เสด็จแม่ ท่านพ่อบุญธรรมบอกว่าท่านไม่ควรอยู่ในวังทั้งวัน ออกจากวังไปเดินเล่นกับแม่บุญธรรมบ้างจะดีกว่า”
“แม่บุญธรรมของเจ้าต้องดูแลกิจการ นางจะมีเวลามาเล่นกับแม่ได้อย่างไร?”
“กิจการครึ่งหนึ่งของแม่บุญธรรมตอนนี้เป็นลูกศิษย์ของนางที่ช่วยดูแล อีกครึ่งหนึ่งก็ส่งต่อให้คนสนิทของนาง นางใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานของตัวเองในจวนขอรับ”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วไม่ต้องการสร้างความลำบากให้กับมู่ซืออวี่ ทว่ามู่ซืออวี่กลับมารับนางที่วังหลวงด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าฟ่านหยวนซีจะกลับมาเมื่อไหร่ ซ่างกวนจิ่นซิ่วคงจะมีความคิดแปลก ๆ หากนางอยู่คนเดียวในวัง การใช้เวลาร่วมกับผู้อื่นย่อมดีกว่า
มู่ซืออวี่จึงเชิญสหายที่ดีของนางหลายคนไปดูการแสดงละครเพลงชุดล่าสุด วันเวลาไร้กังวลผ่านไปอย่างง่ายดาย
“ท่านมาดูทางนี้เถิด นั่นใช่ใต้เท้าลู่น้อยของท่านหรือไม่?” ฮูหยินเจี่ยยืนอยู่ที่หน้าต่างแล้วถามขณะชี้ไปยังร่างที่อยู่บนถนน
บนถนน ลู่ฉาวอวี่กำลังพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง สีหน้าท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนแปลง ชัดเจนว่าเขาดูสงบนิ่ง ไม่ได้ใจร้อนเหมือนผู้หญิงที่เป็นคนเริ่มบทสนทนา
“ไม่ได้เรียนรู้จากเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วหรือ?” ซูจือหลิ่วกล่าว “ทั่วทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยข่าวลือว่าฉาวอวี่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวและชอบแม่นางผู้หนึ่งมาก สรุปคือเรื่องทั้งหมดเป็นการสืบสวนคดี จากนั้นคดีลักพาตัวสตรีก็คลี่คลาย ผู้หญิงเหล่านั้นน่าสงสารยิ่งนัก! พวกนางไม่เพียงแต่ถูกขายให้พวกโจร แต่ยังได้รับยาที่ทำลายความทรงจำทำให้ความจำเสื่อมไปด้วย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาจากไหน ไม่เพียงเท่านั้น ใบหน้าของพวกนางยังถูกทำร้ายอย่างน่าสยดสยอง พวกนางเปลี่ยนไปจนแม้แต่บิดามารดาก็จำไม่ได้”
“ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้น ๆ” มู่ซืออวี่กล่าว
“นางเป็นใครหรือ?” ผู้หญิงหลายคนมองออกไปข้างนอก
“หน้าคุ้นตายิ่งนัก เราเคยเจอนางที่ไหนสักแห่งหรือไม่?”
“อาจเป็นแม่นางจากสกุลสิง ใช่หรือไม่?” ฮูหยินโม่พูด “ผ่านมาหลายปี แม่นางน้อยผู้นั้นคงจะโตขึ้นแล้ว”
ตอนนี้สกุลสิงประสบปัญหา แม้ว่าจะยังมีคนในสกุลสิงที่เป็นขุนนาง แต่ก็ไม่เคยได้รับการเลื่อนตำแหน่ง พวกเขาแทบจะรักษาหน้าไว้ไม่ได้แล้ว
“หากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจากสกุลสิง ฉาวอวี่ของเจ้าคงจะเห็นใจนางมาก! เพราะเขาคือคนที่คลี่คลายคดีของสกุลสิงในตอนนั้น”
มู่ซืออวี่มองทั้งสองคน
“ว่าแต่ฮูหยินโม่ ลูกสะใภ้ของท่านกำลังจะคลอดลูกหรือเปล่า?” ซูจือหลิ่วถามฮูหยินโม่
ฮูหยินโม่กล่าวว่า “อีกครึ่งเดือนก็กำลังจะคลอดแล้ว”
“ยินดีด้วย เราจะไปดื่มฉลองกันที่บ้านท่าน”
“ลูกสะใภ้ของท่านกำลังจะคลอด เหตุใดถึงดูไม่ค่อยดีใจเลยเล่า?” คนข้าง ๆ ถาม
“ข้าเป็นคนที่พึงพอใจหญิงสาวจากสกุลหลี่ในตอนแรกและลูกชายก็ไม่คัดค้าน เรื่องนี้จึงคลี่คลาย แต่หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน ทั้งสองก็เหมือนขาดบางสิ่งบางอย่างไปอยู่เสมอ”
ทุกคนลำบากใจที่จะพูด เพราะรู้ดีว่านายน้อยของสกุลโม่ชอบลู่จื่ออวิ๋น หลังจากที่นางแต่งงาน เขาก็แต่งงานและมีลูก ทว่าก็ยังมีบางอย่างขาดหายไป ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมย่อมเข้าใจเรื่องนี้
มู่ซืออวี่ส่งซ่างกวนจิ่นซิ่วกลับไปที่วังหลวง จากนั้นจึงกลับไปที่จวนลู่
“ฮูหยิน เรามีแขกมาที่จวนขอรับ” พ่อบ้านรายงาน “เป็นผู้หญิง”
“ข้าเข้าใจแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “คุณชายใหญ่กลับมาแล้วหรือ?”
“กลับมาแล้วขอรับ”
ไม่นานหลังจากที่มู่ซืออวี่กลับไปที่ห้อง ลู่ฉาวอวี่ก็เข้ามาพร้อมกับสิงเจียซือ
“ข้าสิงเจียซือเคยพบท่านมาก่อน ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าจำได้ สาวน้อยคนนั้นที่ชอบหินแปลก ๆ” มู่ซืออวี่ตบเก้าอี้ด้านข้าง “นั่งลงคุยกันก่อนเถิด”
ลู่ฉาวอวี่หาที่ว่างแล้วนั่งลง
“เจ้ากลับมาเมืองหลวงเมื่อไหร่?”
“คราวนี้ท่านใต้เท้าลู่น้อยออกไปทำธุระและข้าก็บังเอิญไปพบเขา จึงกลับมาพร้อมกันเพื่อดูสถานการณ์ แม้ว่าจะไม่มีอะไรในเมืองหลวงที่ทำให้ข้าคิดถึง แต่สุดท้ายมันก็เป็นสถานที่ที่ข้าเติบโตขึ้นจึงอยากมาดูเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อกลับมาแล้วก็มาอยู่ในจวนเถอะ”
“จะเป็นการรบกวนหรือไม่เจ้าคะ?”
ลู่ฉาวอวี่กล่าวว่า “เจ้าไม่ได้อยากปรับแต่งอาวุธลับกับแม่ของข้าหรือ? หากเจ้าไม่มาอยู่ในจวน แม่ของข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าต้องการอะไร?”
“อาวุธลับหรือ?” มู่ซืออวี่สงสัย “เจ้าต้องการอาวุธลับไปเพื่ออะไร?”
“ข้าต้องการเตรียมไว้ให้เพื่อนชาวเผ่าอวิ๋นอิงเจ้าค่ะ” สิงเจียซืออธิบาย “เผ่าอวิ๋นอิงเป็นชนเผ่าที่มีผู้หญิงมากมาย แต่ชนเผ่าที่อยู่ใกล้เคียงมีประชากรจำนวนมากและมักจะรังแกผู้หญิงเผ่าอวิ๋นอิงอยู่เสมอ ข้าคิดว่าแม้ผู้หญิงจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าผู้ชาย แต่เราสามารถยืมพลังจากโลกภายนอกได้ ข้าจึงต้องการออกแบบอาวุธลับเพื่อช่วยให้ชนเผ่าอวิ๋นอิงต่อต้านคนชั่วร้ายเหล่านั้นได้เจ้าค่ะ”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนจะได้เล่าสถานการณ์ของพวกเขาโดยละเอียดเพื่อที่ข้าจะได้คิดวิธีที่ดีกว่าได้”
“เช่นนั้นต้องรบกวนแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าอาศัยอยู่กับเผ่าอวิ๋นอิงมาตลอดหลายปีเลยหรือ?”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าเป็นคนที่ตระเวนไปทั่วทุกที่” สิงเจียซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากมาย และได้พบปะผู้คนมาไม่น้อย น่าสนใจมากทีเดียวเจ้าค่ะ”
“เจ้าใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่ายเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงหรอก มีผู้ชายหลายคนในโลกที่ไม่เก่งเท่าเจ้า” มู่ซืออวี่กล่าว “แล้วน้องชายของเจ้าเล่า?”
“ท่านใต้เท้าลู่น้อยเขียนจดหมายแนะนำน้องชายของข้า ข้าจึงส่งเขาไปเรียนที่สำนักบัณฑิตถงหยาง น้องชายของข้าดำเนินชีวิตตามความเมตตาของท่านใต้เท้า เขาเป็นนักเรียนชั้นนำทุกปี และได้รับการยกเว้นจากค่าเล่าเรียนรวมถึงค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ดทั้งหมด”
“น่าทึ่งมาก ข้าเสนอเรื่องทุนการศึกษา ย่อมรู้ดีว่ามันยากเพียงใดถึงจะสอบได้สิบอันดับแรกจากนักเรียนเกือบพันคน”
ลู่ฉาวอวี่พูดจากด้านข้าง “ท่านแม่ ข้าจะปล่อยให้นางอยู่กับท่านก่อน พวกท่านค่อย ๆ คุยกันเถอะขอรับ ข้ายังมีธุระ ต้องขอตัวไปจัดการก่อนขอรับ”
“พ่อของเจ้ายุ่งเกินกว่าจะเจอใครและเจ้าก็ไม่ต่างกันเลย” มู่ซืออวี่บ่น “การมีลูกชายไม่มีประโยชน์จริง ๆ ข้าไม่สามารถเจอเขาได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี”
“ตอนเย็นข้าจะกลับมากินข้าวเย็นกับท่านขอรับ” ลู่ฉาวอวี่ประนีประนอม “ท่านช่วยหยุดอบรมข้าได้หรือไม่?”
“ได้ ถือว่ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง” มู่ซืออวี่กล่าว “ออกไปทำงานได้แล้ว! ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับมารดาผู้โดดเดี่ยวหรอกหรอก”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
ไม่มีทางเลือก!
แม่ของเขาเริ่มเหมือนเด็กมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกลี้ยกล่อมนางเลย